DEMCO โชว์งบ Q1 เจ๋งกำไรพุ่ง 69% ผนึกเจพีเอ็มเดินหน้าโกยงานใหม่เพียบ

เด็มโก้ ปลื้มผลงานไตรมาส 1/2551 ฟันกำไรพุ่ง 68.86% หลังรับรู้รายได้จากงานภาคเอกชนเพิ่ม พร้อมเดินหน้าสร้างผลงานไตรมาส 2 เร่งโกยงานใหม่เข้ากระเป๋า ดันผลงานทั้งปีเข้าเป้าเติบโต 10-20%

นายประเดช กิตติอิสรานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เด็มโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ DEMCO ผู้นำธุรกิจด้านงานก่อสร้างสถานีไฟฟ้าครบวงจร รวมถึงผลิตและจำหน่ายเสาโครงเหล็กสำหรับงานด้านไฟฟ้า โทรคมนาคม และโฆษณาให้กับภาครัฐและเอกชน เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาสแรก สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2551 ว่า บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 53.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.83 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2550 ที่มีกำไรสุทธิ 31.70 ล้านบาท คิดเป็นอัตราที่เพิ่มขึ้น 68.86%

ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 419.14 ล้านบาท ลดลง 1.78% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2550 ที่มีรายได้ 426.75 ล้านบาท แต่กำไรกลับเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทฯ มีรายได้จากงานผลิตเสาโครงเหล็กและงานขายเพิ่มสูงขึ้น

“ผลการดำเนินงานไตรมาสแรกที่มีกำไรเพิ่มสูงขึ้นจากปีก่อนนั้น ส่วนหนึ่งมาจากการรับรู้รายได้งานผลิตเสาโครงเหล็กที่เพิ่มขึ้นจาก 24.76 ล้านบาท เป็น 193.90 ล้านบาท ในไตรมาสนี้บริษัทฯใช้กำลังการผลิตเต็มที่ในการทำงาน ซึ่งนอกจากจะสร้างรายได้ในส่วนของโรงงานและขายเพิ่มขึ้นมากกว่า 683.11% แล้วยังส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นของโรงงานเพิ่มขึ้นจาก Economy of scale อีกด้วย” นายประเดชกล่าว

สำหรับผลประกอบการทั้งปี 2551 กรรมการผู้จัดการ DEMCO กล่าวว่า บริษัทฯ คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากปี 2550 โดยยังคงตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ไว้ที่ 10-20% จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 2,177.05 ล้านบาท เนื่องจากมีงานที่จะเข้าประมูลอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งงานขาย และบริการ โดยเฉพาะในไตรมาส 2/2551 ที่มีแผนจะเข้าประมูลงานอีกหลายโครงการทั้งในส่วนของงานภาครัฐ และเอกชน ซึ่งเชื่อว่า ด้วยศักยภาพการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่ง และความเชี่ยวชาญในงานก่อสร้าง จะทำให้บริษัทฯ สามารถชนะการประมูลได้

ส่วนแผนการเปิดตลาดใหม่ในต่างประเทศ หลังจากที่บริษัท เจพีเอ็ม อินเตอร์ จำกัด หรือเจพีเอ็ม ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ DEMCO ถือหุ้นในสัดส่วน 45% ได้รับการรับรองมาตรฐานจากสหรัฐอเมริกาแล้วนั้น ขณะนี้ยังคงเดินหน้าตามแผนงานที่วางไว้ โดยจะเข้าไปเปิดตลาดในประเทศโซนตะวันออกกลาง และประเทศเวียดนามเป็นอันดับแรก เช่นเดียวกับความคืบหน้าการก่อสร้างโรงงานส่วนต่อขยายโรงที่ 2 ซึ่งจะทำให้กำลังการผลิตรวมอยู่ที่ 12,000 ตันต่อปีนั้น โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จและสามารถดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ภายในไตรมาส 2/2551 อย่างแน่นอน