เด็มโก้ ได้ฤกษ์เดินหน้ารุกธุรกิจพลังงานทดแทนเต็มสูบ ลุยผุดงานก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่จังหวัดเพชรบูรณ์ มูลค่า 1.5 พันล้านบาท พร้อมเดินเครื่องงานก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแกลบ ที่ร้อยเอ็ด มูลค่า 330 ล้านบาท หวังต่อยอดดันรายได้อนาคตเติบโตต่อเนื่อง มั่นใจผลงานปี 2551 ยังเข้าเป้าหลังไตรมาสแรกโกยกำไรพุ่งกระฉูด
นายประเดช กิตติอิสรานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เด็มโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ DEMCO ผู้นำธุรกิจด้านงานก่อสร้างสถานีไฟฟ้าครบวงจร รวมถึงผลิตและจำหน่ายเสาโครงเหล็กสำหรับงานด้านไฟฟ้า โทรคมนาคม และป้ายโฆษณาให้กับภาครัฐและเอกชน เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทฯ ได้ดำเนินการขยายธุรกิจเข้าสู่ธุรกิจพลังงานทดแทนอย่างเต็มรูปแบบ โดยเตรียมลงนามสัญญาก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแกลบ มูลค่า 330 ล้านบาท ที่จังหวัดร้อยเอ็ดในวันศุกร์ที่ 23 พฤษภาคมนี้ พร้อมเตรียมลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อก่อสร้าง โรงไฟฟ้าพลังงานลม ขนาดกำลังการผลิต 100 เมกะวัตต์ มูลค่า 1,500 ล้านบาท ที่จังหวัดเพชรบูรณ์
สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแกลบ DEMCO จะดำเนินงานก่อสร้างโรงไฟฟ้า สถานีไฟฟ้า สายส่งแรงสูง รวมถึงระบบไฟฟ้าและเครื่องกลทั้งโครงการ มีกำหนดแล้วเสร็จภายใน 18 เดือน นับเป็นโครงการแรกที่บริษัทก่อสร้างโรงไฟฟ้าอย่างครบวงจร ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯ มีผลงานที่เป็น Reference ในการประมูลงานโรงไฟฟ้าได้เป็นอย่างดีในอนาคต ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าพลังลมนั้น บริษัทฯ เป็นผู้รับผิดชอบงานปรับปรุงพื้นที่โครงการ ถนน ฐานสำหรับอุปกรณ์และกังหันลม งานสถานีไฟฟ้า สายส่งแรงสูง ระบบไฟฟ้าและเครื่องกล คิดเป็นมูลค่างานประมาณ 1,500 ล้านบาท จากงบประมาณการลงทุน 6,000 ล้านบาท ซึ่งนอกจากโครงการที่จังหวัดเพชรบูรณ์นี้แล้ว บริษัท ซัสเทนเนเบิ้ล เอ็นเนอยี่ คอร์เปอร์เรชั่น จำกัด ยังอยู่ระหว่างการศึกษาพื้นที่การติดตั้งกังหันลมอีก 3 แห่ง มีขนาดกำลังการผลิตและมูลค่าโครงการที่ใกล้เคียงกันโดยโครงการเหล่านี้จะดำเนินการระหว่าง ปี 2552 -2555
กรรมการผู้จัดการ DEMCO แสดงความเชื่อมั่นด้วยว่า การขยายเข้าสู่ธุรกิจโรงไฟฟ้าทั้งพลังงานลม และพลังงานแกลบ จะเป็นอีกหนึ่งโอกาสที่จะสร้างการเติบโตให้กับบริษัทฯ ในอนาคต โดยการรับรู้รายได้ในส่วนนี้จะเริ่มทยอยเข้ามาตั้งแต่ไตรมาส 4 ปีนี้ ซึ่งเมื่อรวมกับงานที่ได้จากการประมูลอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งงานขายและงานบริการ ทำให้มั่นใจว่า ผลประกอบการทั้งปี 2551 ของ DEMCO จะเติบโตต่อเนื่องจากปี 2550 โดยยังคงตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ไว้ที่ 10-20% จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 2,177.05 ล้านบาท
ในด้านงานระหว่างดำเนินการ (Backlog) ที่รายงานไว้เมื่อต้นปี จำนวน 1,350 ล้านบาทนั้น ได้รับรู้รายได้ในไตรมาส 1 ปี 51 จำนวน 400 ล้านบาท อย่างไรก็ตามในช่วง 1- 2 เดือนที่ผ่านมา บริษัทชนะการประมูล และรอลงนามในสัญญางานเพิ่มอีก 13 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 750 ล้านบาท ทำให้ Backlog ณ เดือน พฤษภาคม 2551 เป็นจำนวน 1,700 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ 1,400 ล้านบาท และในปีหน้าอีก 300 ล้านบาท
“ผลประกอบการไตรมาสแรกเราทำกำไรเพิ่มขึ้นกว่า 34% ดังนั้น เรามองแนวโน้มในปี 2551 นี้ บริษัทฯจะยังมีโอกาสเติบโต ทั้งจากการเข้าลงทุนในบริษัท เจพีเอ็ม อินเตอร์ จำกัด รวมทั้งแนวโน้มการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังลม และพลังงานแกลบที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ขณะที่ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ บริษัทฯ มีแผนที่จะเข้าประมูลงานอีกหลายโครงการทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งเชื่อว่าด้วยศักยภาพการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่งและความเชี่ยวชาญในงานก่อสร้าง จะทำให้บริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจให้ชนะการประมูลได้” นายประเดชกล่าว