อีซูซุ ซูเปอร์คอมมอนเรล คาราวานสัญจร ประจำปี 2551 นำสมาชิกประชาคมอีซูซุขับรถตะลุยเส้นทางภาคใต้ “พังงา (เขาหลัก) – ตรัง” เป็นเส้นทางที่ 2 ของปี ต่อเนื่องจากเส้นทางเชียงใหม่ – แม่ฮ่องสอน ท่องเที่ยวชมทะเลงามพังงา ลิ้มรสอาหารโอชาเมืองตรัง เสน่ห์แห่งท้องทะเลอันดามันที่ปัจจุบันกลับมางดงามเช่นเดิมไม่เหลือเค้ากลิ่นอายสึนามิเมื่อ 3 ปีที่แล้ว
บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เดินหน้าส่งเสริมนโยบายการท่องเที่ยวของรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง จัดคาราวานท่องเที่ยวทางรถยนต์ “อีซูซุ ซูเปอร์คอมมอนเรล คาราวานสัญจร ประจำปี 2551” นำสมาชิกประชาคมอีซูซุร่วมการเดินทางในเส้นทางที่ 2 ของปีที่จังหวัดพังงา โดยเข้าพักที่โรงแรมเขาหลัก ซันเซ็ท และชมความงามของทะเลอันดามัน ก่อนการเดินทาง จากนั้นในวันรุ่งขึ้นจึงไปตั้งขบวนที่โชว์รูมและศูนย์บริการของบริษัท อีซูซุอันดามันเซลส์ จำกัด โดยมีคุณวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา มร.ที. มิยาจิ ผู้จัดการในฝ่ายขายดีลเลอร์ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด และผู้แทนจากหน่วยท่องเที่ยวและกีฬา จังหวัดพังงา ร่วมเป็นประธานในพิธีปล่อยขบวนคาราวานสู่เส้นทางที่สวยงามของภาคใต้ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรทางธรรมชาติที่ล้ำค่า ดังที่ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา เผยในส่วนหนึ่งของคำปราศรัยว่า “เหตุการณ์สึนามิได้ผ่านพ้นมากว่า 3 ปีแล้ว ปัจจุบันนี้จะเห็นว่า ทุกสิ่งทุกอย่างได้ฟื้นตัวเป็นปกติ สวยงามดังเดิม โดยเฉพาะพังงามีแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังระดับโลก และทำให้คนทั่วโลกรู้จักประเทศไทย เรามีทรัพยากรที่ธรรมชาติสร้างไว้ให้ จึงขอให้ช่วยกันรักษาเพื่อให้อยู่คู่เมืองไทยตลอดไป”
ขบวนคาราวานรถอีซูซุที่นำโดยอาจารย์พัฒนเดช อาสาสรรพกิจ ผู้อำนวยการจัดคาราวานในครั้งนี้ มุ่งหน้าไปนมัสการ “พระมหาธาตุเจดีย์พุทธธรรมบันลือ” ณ วัดราษฎร์อุปถัมภ์ หรือที่ชาวบ้านรู้จักกันในนาม “วัดบางเหรียง” อำเภอทับปุดเป็นที่แรก ภายในองค์พระเจดีย์ทรงระฆังคว่ำ สถาปัตยกรรมแบบลังกาผสมอยุธยาเป็นที่ประดิษฐานพระสารีริกธาตุอันเป็นที่เคารพของชาวพังงา นอกจากนี้ภายในวัดยังมีเจ้าแม่กวนอิม และพระพุทธอัฐิมงคลชัยนาคปรก ซึ่งสร้างไว้เพื่อปกป้องชาวใต้ให้พ้นจากภัยอันตรายทางธรรมชาติ หลังจากนั้นจึงไปแวะรับประทานอาหารใต้รสแซ่บอร่อยลิ้นที่ร้านต้นข้าวซึ่งมีบรรยากาศงาม ๆ ของสวนสวย ครบครันทั้งอาหารปากและอาหารตา ทำให้อิ่มถ้วนหน้าไปตาม ๆ กัน
หลังจากอิ่มท้องกันแล้ว ชาวคาราวานได้แวะร่วมบริจาคอุปกรณ์การเรียนและอุปกรณ์กีฬา ตลอดจนพร้อมใจกันสมทบทุนการศึกษาจำนวนกว่า 10,000 บาทแก่โรงเรียนบ้านบางเตียว ซึ่งเป็นโรงเรียนเล็ก ๆ ระดับประถมศึกษาของอำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ ที่ยังขาดแคลนปัจจัยที่จำเป็นด้านการศึกษา หลังจากนั้นคณะคาราวานเดินทางต่อไปยังสระมรกต สระน้ำสวยใสกลางใจป่า ที่ราบลุ่มแหล่งสุดท้ายที่พบนกแต้วแร้วท้องดำ ซึ่งเคยสูญพันธุ์ไปนานเกือบ 100 ปี ซึ่งต้องจอดรถยังปากทางเข้าสระมรกต และเดินเท้าผ่านเส้นทางป่าที่อุดมสมบูรณ์เข้าไปร่วม 800 เมตร จึงจะได้สัมผัสกับความงดงามแปลกตาของสระน้ำสีเขียวมรกตใส จนสมาชิกหลายท่านทั้งเด็กและผู้ใหญ่อดใจไม่ไหวต้องลงไปลอยคออย่างสนุกสนานไปพร้อม ๆ กับการเล่นน้ำฝนที่ตกลงมาช่วงนั้นพอดี
เสร็จจากการเยือนสระมรกต ชาวคาราวานได้สัมผัสสมรรถนะอันยอดเยี่ยมของรถอีซูซุอีกครั้ง ด้วยการขับรถมุ่งหน้าสู่โรงแรมอมารี ตรัง บีช รีสอร์ท สถานที่พักระดับ 5 ดาวซึ่งอยู่บริเวณสุดหาดปากเมงเพื่อพักผ่อนตามอัธยาศัยและร่วมงานเลี้ยงรับรองภาคค่ำ ซึ่งครบครันไปด้วยอาหารอร่อยและรางวัลจากอีซูซุและผู้สนับสนุนใจดี ได้แก่ ยางบริดจสโตน น้ำมันเครื่องคาลเท็กซ์เดโล่ และฟิล์มกรองแสงลามิน่าหลากหลายรางวัลติดไม้ติดมือไปทุกคัน รวมถึงความบันเทิงจาก “สินเจริญบราเธอร์ส” ที่มาสร้างเสียงหัวเราะประกอบเพลงเพราะ ๆ สไตล์ชาวเล
“การไปเที่ยวเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมในครอบครัวเรา เพราะเคยตั้งใจไว้ว่าอยากไปเที่ยวให้ทั่วประเทศไทย ทริปนี้เป็นทริปที่ 8 แล้วระหว่างครอบครัวเรากับอีซูซุ เพราะให้ความรู้สึกเหมือนไปกับเพื่อน มีความคุ้นเคยเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน” คุณประเทือง – คุณมุกดา หงส์โชคทวี เผยถึงเหตุผลที่เดินทางจากสกลนครมาเยือนภาคใต้ เช่นเดียวกับคุณวัชระ – คุณสุชญา โภคินธรณ์ แฟนพันธุ์แท้คาราวานอีซูซุที่เดินทางมาจากสุพรรณบุรีเพื่อมาเที่ยวพร้อมครอบครัวกับอีซูซุทุกปี “ชอบการเดินทางแบบคาราวาน สนุก ได้เพื่อนร่วมคณะ และเมื่อเทียบกับค่าสมัคร ด้วยงบประมาณเท่านี้ สิ่งที่อีซูซุให้มาถือว่าคุ้มค่ามาก ที่สำคัญคือ เราได้เพื่อนใหม่และมีโอกาสได้สร้างสัมพันธ์ ต่อยอดธุรกิจที่เราทำอยู่ได้มากขึ้นด้วย”
ผลสะท้อนดี ๆ ที่เกิดกับครอบครัวอีซูซุแบบนี้ นับได้ว่า “อีซูซุ ซูเปอร์คอมมอนเรล คาราวานสัญจร ประจำปี 2551” เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่บรรลุผลตามวิถีอีซูซุ ซึ่งจำกัดความไว้ว่า “ผู้ใช้สุขใจ เพิ่มพูนรายได้ ช่วยให้สังคมพัฒนา” ในทุกหัวข้อ เสริมส่งให้ประชาคมอีซูซุแข็งแกร่ง ติดตามเรื่องราวดี ๆ ของการเดินทางที่ยังเหลืออีก 2 เส้นทาง ได้แก่ ราชบุรี – ประจวบคีรีขันธ์ ในวันที่ 5-6 กรกฎาคม และเส้นทางระหว่างประเทศไทยสู่ประเทศลาว ในวันที่ 8-11 สิงหาคม ศกนี้