มร.ริค แวกอเนอร์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่นส์ สหรัฐอเมริกา แถลงการทุ่มเม็ดเงินมหาศาล 14,685 ล้านบาท (หนึ่งหมื่นสี่พันหกร้อยแปดสิบห้าล้านบาท) หรือ 455 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อสร้างโรงงานผลิตเครื่องยนต์แห่งใหม่ในประเทศไทย พร้อมเสริมระบบวิศวกรรมในโรงงานประกอบรถยนต์แห่งเดิมให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
โรงงานเครื่องยนต์แห่งใหม่นี้มีพื้นที่ทั้งหมด 14,492 ตารางเมตร (156,000 ตารางฟุต) ถือเป็นโรงงานผลิตเครื่องยนต์ดีเซลแห่งแรกของจีเอ็มในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะผลิตเครื่องยนต์ 4 สูบสำหรับใช้ในรถแบรนด์เชฟโรเลตในประเทศไทยและอีกหลายประเทศทั่วโลกรวมไปถึงการใช้ในแบรนด์อื่นๆ ของจีเอ็มด้วย ทั้งนี้ การก่อสร้างได้เริ่มต้นขึ้นทันทีหลังจากเสร็จสิ้นพิธีการเทปูนหล่อเสาเข็มต้นแรกของโรงงานฯ ท่ามกลางแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงานถึง 400 ท่าน ซึ่งรวมถึง นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ฯพณฯ มร.เอริค จี.จอห์น เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย ผู้แทนระดับสูงจากรัฐบาลไทยและจากประเทศในแถบอาเซียน รวมไปถึงสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศ
การทุ่มเงินลงทุนครั้งนี้ นอกจากจะสร้างโรงงานผลิตเครื่องยนต์ดีเซลแห่งใหม่แล้ว ยังรวมถึงการพัฒนาระบบวิศวกรรม และการติดตั้งเครื่องมือที่ล้ำสมัยยิ่งขึ้นในศูนย์การผลิตรถยนต์แห่งเดิม ในการรองรับการผลิตรถกระบะ เชฟโรเลต โคโลราโด รุ่นใหม่ ซึ่งจะผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศไทย และส่งออกไปจำหน่ายยังทั่วโลกในอนาคตอันใกล้นี้
โรงงานผลิตเครื่องยนต์แห่งใหม่นี้จะเริ่มเปิดสายการผลิตได้ตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นไป ในเบื้องต้นจะมีพนักงานราว 340 คน มีศักยภาพการผลิตเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.5 ลิตร และ 2.8 ลิตรเทอร์โบได้มากกว่า 100,000 เครื่องต่อปี โดยจะวางอยู่ในรถหลายๆ รุ่น ซึ่งรุ่นแรกที่จะใช้เครื่องยนต์จากโรงงานนี้คือ เชฟวี่ โคโลราโด รุ่นใหม่ โรงงานผลิตเครื่องยน์ดีเซลแห่งนี้ได้รับการออกแบบ และพัฒนาร่วมกันระหว่าง จีเอ็ม และวีเอ็ม โมโตรี่ (VM Motori S.p.A.) ซึ่งเป็นบริษัทที่ออกแบบและผลิตเครื่องยนต์ดีเซลจากเมืองเซนโต ประเทศอิตาลี ซึ่งจีเอ็มได้เข้าซื้อหุ้นบริษัท วีเอ็ม โมโตรี่ จำนวน 50% เมื่อปี 2550 ที่ผ่านมาเพื่อก่อตั้งบริษัทร่วมทุนกับ บริษัท เพนส์เก้ คอร์ปอเรชั่น (Penske Corporation)
“โรงงานแห่งนี้ เป็นตัวอย่างสำคัญที่แสดงให้เห็นว่า จีเอ็มทั่วโลกกำลังเดินตามกลยุทธ์หลัก 2 ประการ” มร.แวกอเนอร์ กล่าว พร้อมเปิดเผยว่า “ประการแรก คือการเร่งแสวงหาพลังงานทางเลือก และระบบขับเคลื่อนใหม่ที่จะช่วยลดการพึ่งพาพลังงานเชื้อเพลิงจากซากฟอสซิลทั่วไป ทั้งถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ ประการที่สองคือ การเร่งพัฒนาตลาดเกิดใหม่ของจีเอ็มในหลายประเทศ รวมถึงภูมิภาคอาเซียน ในฐานะที่เป็นกุญแจสำคัญในการขยายตลาดทั่วโลก”
และมร. แวกอเนอร์ ยังเสริมต่อไปอีกว่า “เครื่องยนต์ดีเซล มีบทบาทสำคัญในกลยุทธ์การพัฒนาเครื่องยนต์ที่ล้ำยุคของจีเอ็มทั่วโลก เรากำลังยกระดับความเชี่ยวชาญและบุคลากรภายในองค์กรของเรา โดยผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรที่เป็นผู้นำด้านการพัฒนาเครื่องยนต์เทคโนโลยีระดับสูงต่างๆ เพื่อให้แน่ใจว่าเรากำลังพัฒนาเครื่องยนต์ดีเซลที่ดีที่สุดในโลก การลงทุนครั้งนี้ จะช่วยยกระดับศักยภาพความสามารถในการผลิตรถยนต์และเครื่องยนต์ที่ทันสมัยของประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น”
มร.สตีฟ คาร์ไลส์ ประธานกรรมการ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส เซาท์อีสต์ เอเชีย โอเปอเรชั่นส์ จำกัด กล่าวว่า “โรงงานผลิตเครื่องยนต์แห่งใหม่นี้ ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดของจีเอ็ม มีความยืดหยุ่น และมีกระบวนการผลิตที่ให้ความสำคัญต่อผู้ที่ปฏิบัติงานภายในโรงงานเป็นหลัก ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการผลิตที่โดดเด่นของศูนย์การผลิตของจีเอ็มทุกแห่ง เราได้นำเทคโนโลยีที่ดีที่สุดของจีเอ็มเข้ามาเพื่อให้แน่ใจว่า จีเอ็มได้ผลิตเครื่องยนต์ดีเซลที่ดีที่สุด ประหยัดที่สุด สำหรับลูกค้าของเราทุกคน ขณะเดียวกัน การทำงานอย่างหนักในการพัฒนาระบบ CNG เอธานอลที่ทำจากเซลลูโลส ไบโอ-ดีเซล รวมถึงน้ำมันเชื้อเพลิงปกติ ทำให้เจนเนอรัล มอเตอร์ส ได้กลายเป็นผู้นำในการผลิตยานยนต์พลังงานทางเลือกอันหลากหลายได้ในประเทศไทยได้อย่างรวดเร็ว”
ศูนย์การผลิตเครื่องยนต์ดีเซลแห่งใหม่ของจีเอ็มที่จังหวัดระยองนี้ ตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกันกับศูนย์การผลิตรถยนต์เชฟโรเลต ในนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์น ซีบอร์ด จังหวัดระยอง ซึ่งเปิดสายการผลิตตั้งแต่ปี 2543 เป็นต้นมา มีพนักงานมากกว่า 2,000 คน ผลิตยานยนต์คุณภาพหลายรุ่น ทั้งเชฟโรเลต โคโลราโด เชฟโรเลต อาวีโอ เชฟโรเลต ออพตร้า เชฟโรเลต ออพตร้า เอสเตท และเชฟโรเลต แคปติวา
ปัจจุบัน จีเอ็มมีเครื่องยนต์ดีเซล 17 รุ่น ใช้ในรถ 45 รุ่นที่ออกจำหน่ายทั่วโลก แต่ละปีจีเอ็มทำยอดขายรถเครื่องยนต์ดีเซลได้มากกว่า 1 ล้านเครื่อง โดยมีหลากหลายขนาดเครื่องยนต์ให้เลือกใช้ ตั้งแต่ 4 สูบ 1.3 ลิตรดีเซลที่วางอยู่ในโอเปิล อากิรา และคอร์ซา ไปจนถึงบล็อกใหญ่ วี 8 ความจุ 6.6 ลิตร ดูราแมกซ์ ดีเซลซึ่งใช้ในรถแวน รถปิกอัพ และรถทรัคขนาดใหญ่ในสหรัฐ
บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น สหรัฐอเมริกา (General Motors Corporations: GM) บริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของโลก เป็นผู้นำด้านยอดจำหน่ายรถยนต์ทั่วโลกถึง 77 ปี ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2451 ปัจจุบันมีพนักงานทั่วโลกกว่า 266,000 คน โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ ณ เมืองดีทรอยต์ สหรัฐอเมริกา และมีศูนย์การผลิตรถยนต์และรถกระบะใน 35 ประเทศ ในปี 2550 จีเอ็มจำหน่ายรถยนต์และรถกระบะไปกว่า 9.37 ล้านคัน ภายใต้แบรนด์ บูอิค (Buick) คาดิแลค (Cadillac) เชฟโรเลต (Chevrolet) จีเอ็มซี (GMC) โฮลเด้น (Holden) ฮัมเมอร์ (Hummer) โอลส์โมบิล (Oldsmobile) โอเปิล (Opel) พอนทิแอค (Pontiac) ซาบ (Saab) แซเทิร์น (Saturn) ว็อกซ์ฮอล (Vauxhall) และวู่หลิง (Wuling) นอกจากนั้น ระบบนำทางและขอความช่วยเหลือด้วยสัญญาณดาวเทียม ออนสตาร์ (OnStar) ของจีเอ็ม ทำให้จีเอ็มกลายเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์ด้านความปลอดภัยและบริการด้านข้อมูลอีกด้วย (www.gm.com)