เด็มโก้ แข็งแกร่ง ปิดฉากครึ่งปีแรกสุดสวยโกยกำไรไตรมาส 2/2551 กว่า 101.52 ล้านบาท เติบโต 97.44% ใจป้ำแจกปันผลระหว่างกาล 0.225 บาทต่อหุ้น พร้อมเดินหน้าลุยประมูลโครงการใหญ่ต่อเนื่อง ยอมรับอานิสงส์การเมืองนิ่ง-น้ำมันเริ่มปรับตัวลดลงในช่วงครึ่งปีหลัง มีสิทธิ์หนุนให้ผลประกอบการปี 2551 เป็นไปตามคาด
นายประเดช กิตติอิสรานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เด็มโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ DEMCO เปิดเผยถึงผลประกอบการของบริษัทฯ สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2551 ว่า ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2551 บริษัทฯ มีรายได้ 724.07 ล้านบาท ลดลง 182.11 ล้านบาทหรือ 20.01% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 101.52 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50.10 ล้านบาท หรือ 97.44% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2550 ซึ่งบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 51.42 ล้านบาท
สำหรับผลประกอบการครึ่งแรกของปี 2551 บริษัทฯ มีรายได้ 1,131.60 ล้านบาท ลดลง 201.54 ล้านบาท หรือ 15.11% จากระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งบริษัทฯ มีรายได้ 1,333.14 ล้านบาท โดยกำไรสุทธิในระยะเวลาดังกล่าวอยู่ที่ 148.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65.36 ล้านบาทหรือ 78.63% เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปี 2550 ซึ่งกำไรสุทธิอยู่ที่ 83.12 ล้านบาท
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ยังมีมติเห็นชอบให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตราหุ้นละ 0.225 บาท จากนโยบายการจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิ โดยกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อสิทธิในการรับเงินปันผลระหว่างกาล ในวันที่ 25กันยายน 2551 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 2 ตุลาคม 2551
กรรมการผู้จัดการ DEMCO กล่าวด้วยว่า การที่กำไรสุทธิของบริษัทฯ ปรับตัวสูงขึ้น เป็นผลมาจากการทยอยรับรู้รายได้จากการดำเนินงานและการปรับกลยุทธ์เน้นสร้างรายได้จากงานโรงงาน และงานขายวัสดุก่อสร้าง ในภาวะการประมูลงานบริการชะลอตัว จากราคาวัสดุก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น สำหรับตัวเลขงานในมือ (Backlog) ในปัจจุบันอยู่ในระดับ 1,300 ล้านบาท
ด้านนายไพฑูรย์ กำชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายการเงินและบัญชี DEMCO กล่าวว่า บริษัทฯ ยังมั่นใจว่า แนวโน้มธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง จะเติบโตต่อเนื่องจากการรับรู้งานในมือที่เหลือ และการเข้าประมูลงานใหม่ๆ ประกอบกับในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ต้องยอมรับว่าสถานการณ์การเมืองเริ่มนิ่ง และแนวโน้มราคาน้ำมันที่เริ่มปรับตัวลดลงจะเอื้อต่อการดำเนินธุรกิจของ DEMCO จึงคาดว่าผลประกอบการของบริษัทฯ โดยเฉพาะรายได้ในปี 2551 จะไม่ต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ที่ 2,400 ล้านบาท
“กำไรที่เติบโตในไตรมาส 2 มาจากการรับรู้รายได้จาก Backlog เก่าที่ค้างมาตั้งแต่ปีก่อนและถ้าดูจากกำไรเพียงครึ่งแรกของปีนี้ จะพบว่า เราสามารถทำได้มากกว่าปีก่อนทั้งปี ขณะที่ครึ่งปีหลัง เราก็ยังมีงานที่รอเซ็นสัญญาอีกหลายโครงการ ทำให้ผลประกอบการทั้งปีนี้คงจะไม่ต่ำกว่าเป้าหมายที่เราตั้งไว้ แต่จะมากกว่าหรือจะมีการปรับเป้าหมายรายได้เพิ่มขึ้นหรือไม่ คงจะเห็นความชัดเจนได้ในปลายไตรมาสที่ 3 ของปีนี้” นายไพฑูรย์กล่าว
นอกจากนี้ โครงการโรงไฟฟ้าพลังลม จะเป็นตัวผลักดันการเติบโตของบริษัทฯ ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งหากว่ามีการตกลงเซ็นสัญญาขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ ก็คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ภายในปีหน้า
สำหรับแผนการย้ายการจดทะเบียนจากตลาดหลักทรัพย์ mai ไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เพื่อให้ได้รับประโยชน์จากสิทธิทางภาษีเพิ่มขึ้นนั้น การจ่ายปันผลระหว่างกาลเป็นหุ้นปันผลบางส่วน ทำให้ทุนชำระแล้วของบริษัทเกิน 300 ล้านบาท และมติของคณะกรรมการบริษัท ก็อนุมัติให้ดำเนินการจดทะเบียนซื้อขายหุ้นใน SET แล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการ