อเมริกัน แอร์ไลน์, สายการบินบริติช แอร์เวย์ และไอบีเรีย แอร์ไลน์ ลงนามในความร่วมมือทางธุรกิจสำหรับเที่ยวบินระหว่างอเมริกาเหนือและยุโรป พร้อมวางแผนขยายความร่วมมือในระดับโลก
ความร่วมมือครั้งนี้จะส่งผลประโยชน์ให้แก่ลูกค้า ทำให้การเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางทั่วโลกง่ายและราบรื่นยิ่งกว่าเดิม ด้วยการเชื่อมต่อระหว่างประเทศที่สะดวกขึ้น กำหนดการเดินทางที่ดีขึ้น และผลประโยชน์ที่เพิ่มขึ้นสำหรับผู้โดยสารที่เดินทางเป็นประจำ นอกจากนี้ การเป็นสมาชิกในกลุ่มพันธมิตรการบิน วัน เวิลด์ (oneworld global alliance) ของอเมริกัน แอร์ไลน์, สายการบินบริติช แอร์เวย์ และไอบีเรีย แอร์ไลน์ ซึ่งถือเป็นสมาชิกหลัก ทำให้ลูกค้าได้รับทางเลือกที่ง่ายขึ้น และส่งผลให้สามารถแข่งขันกับกลุ่มพันธมิตรการบินอื่นๆ ในตลาดโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
สายการบินทั้งสามยังได้ยื่นคำร้องต่อกระทรวงคมนาคมของสหรัฐอเมริกา เพื่อขอความยินยอมในการบิน ข้ามทวีป และการแจ้งต่อหน่วยงานด้านการควบคุมกฎระเบียบของสหภาพยุโรป นอกจากนี้ ฟินแอร์ และรอยัล จอเนเดียน ซึ่งเป็นสมาชิกของกลุ่มพันธมิตรการบิน วัน เวิลด์ ก็ได้ร่วมยื่นคำร้องขอความยินยอมในการบิน ข้ามทวีปด้วยเช่นกัน
ภายใต้ข้อตกลงความร่วมมือทางธุรกิจนี้ ทั้งสามสายการบินจะร่วมมือกันในเชิงพาณิชย์สำหรับเที่ยวบินระหว่าง สหรัฐอเมริกา, เม็กซิโก และแคนาดา, และสหภาพยุโรป, สวิสเซอร์แลนด์ และนอร์เวย์ โดยที่ยังคงแยกนิติบุคคลออกจากกัน นอกจากนี้ ทั้งสามสายการบินจะขยายข้อตกลงที่จะใช้รหัสเที่ยวบินร่วมกัน สำหรับเที่ยวบินทั้งภายในและนอกสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะเพิ่มทางเลือกของจุดหมายปลายทางให้แก่ลูกค้าของ สายการบินทั้งสามได้มากยิ่งขึ้น
การประกาศความร่วมมือนี้เป็นก้าวสำคัญในการสร้างความแข็งแกร่งของทางเลือกให้แก่ลูกค้า และจะส่งผลให้กลุ่มพันธมิตรการบิน วัน เวิลด์ สามารถแข่งขันอย่างมีประสิทธิภาพกับกลุ่มพันธมิตรการบินคู่แข่งในตลาดโลกซึ่งได้รับความยินยอมในการบินข้ามทวีปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็คือ หกสายการบินภายใต้กลุ่มพันธมิตรการบิน สกายทีม และเก้าสายการบินภายใต้กลุ่มพันธมิตรการบิน สตาร์ อัลไลแอนซ์
ลูกค้าจะสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้นบนเครือข่ายเส้นทางบินของทั้งสามสายการบิน ซึ่งมีให้บริการมากถึง 443 เส้นทางใน 106 ประเทศ รวมแล้วมากกว่า 6,200 เที่ยวบินต่อวัน พร้อมทั้งทางเลือกของตารางการบินที่เพิ่มขึ้นและสะดวกมากขึ้น รวมถึงการนำเสนอเครือข่ายของเส้นทางบินให้แก่ลูกค้าที่ต้องเดินทาง เชื่อมต่อไปยังเมืองต่างๆ ซึ่งช่วยให้ลูกค้าประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางได้มากขึ้น เมื่อเทียบกับการเดินทางโดยสายการบินที่ต่างกัน นอกจากนี้ ลูกค้ายังได้รับผลประโยชน์เพิ่มขึ้นจากการรับและแลกไมล์สะสมหรือรางวัลอื่นๆ และการรับบริการได้อย่างต่อเนื่องของเลานจ์ในสนามบิน สำหรับลูกค้าที่เดินทางเป็นประจำ
ความร่วมมือครั้งนี้ยังช่วยให้สายการบินทั้งสามลดค่าใช้จ่ายและสร้างความสนใจให้แก่ลูกค้าใหม่ๆ ซึ่งจะช่วยลดสถานการณ์ด้านราคาตั๋วโดยสาร จากราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น ซึ่งหมายถึงความสามารถที่เพิ่มสูงขึ้นของทั้งสามสายการบิน ในการลงทุนด้านสินค้า บริการ และเครื่องบินใหม่ พนักงานและผู้ถือหุ้นก็จะได้รับผลประโยชน์จากข้อตกลงครั้งนี้ด้วยเช่นกัน
เจราร์ด อาร์เปย์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหารของเอเอ็มอาร์ คอร์ป บริษัทแม่ของอเมริกัน แอร์ไลน์ กล่าวว่า “เราเชื่อว่าความร่วมมือกันครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญที่มั่นใจได้ว่าเราสามารถแข่งขันกับกลุ่มพันธมิตรการบินคู่แข่งได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถจัดการกับราคาน้ำมันและสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจที่กำลังขยายมากขึ้น นอกจากนี้ เราเชื่อว่าเราจะเป็นคู่แข่งที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ด้วยศักยภาพที่สูงขึ้นทั้งด้านการลงทุนในสินค้าและบริการ ผลจากการร่วมมือกันทางธุรกิจครั้งนี้จะสร้างผลลัพธ์เชิงบวกให้แก่ลูกค้า, ผู้ถือหุ้น, พนักงานรวมถึงชุมชนที่เราให้บริการ”
วิลลี่ วอลช์ ประธานคณะผู้บริหารของสายการบินบริติช แอร์เวย์ กล่าวว่า “ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ครั้งนี้ช่วยสร้างความแข็งแกร่งของการแข่งขันในตลาด ด้วยการนำเสนอการเดินทางที่สะดวกสบาย ด้วยทางเลือกของเส้นทางที่มากขึ้น พร้อมด้วยตารางการบินร่วมกันที่ดียิ่งขึ้นให้แก่ลูกค้า และเราได้ยื่นคำร้องเพื่อขอความยินยอมในการบินข้ามทวีปแก่สหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกา เพื่อเปิดสนามบินลอนดอน ฮีทโทรว ให้แก่สายการบินของสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปที่ต้องการบินไปอเมริกา และที่ซึ่งกลุ่มพันธมิตรการบินคู่แข่งอื่นๆ ได้รับความยินยอมดังกล่าวแล้ว”
เฟอร์นานโด คอนเต้ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหารของไอบีเรีย กล่าวว่า “ลูกค้าจะได้รับผลประโยชน์มากที่สุดจากความร่วมมือครั้งนี้ เพราะพวกเขาจะมีทางเลือกของจุดหมายปลายทางทั่วโลกซึ่งเชื่อมต่อเส้นทางการบินได้มากขึ้น และช่วยเพิ่มการแข่งขันในระหว่างสามกลุ่มพันธมิตรการบินให้เป็นไปตามกติกาเดียวกัน เรากำลังจะเข้าสู่ก้าวสำคัญยิ่งของการรวมตัวเป็นหนึ่งซึ่งจำเป็นต่อธุรกิจการบินในปัจจุบัน”