บ๊อชชี้ผลประกอบการปี 51 เติบโตตามเป้าสวนกระแสเศรษฐกิจ

กลุ่มบ๊อช ประเมินผลประกอบการปี 51 ยังโตตามเป้า เผยภาวะชะลอตัวเศรษฐกิจโลก และไทย ไม่มีผลกระทบต่อยอดขาย มุ่งเน้นความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีความปลอดภัย การใช้พลังงาน ให้ได้ประสิทธิภาพและลดมลพิษ ส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อมและประหยัดพลังงาน ให้ความสำคัญด้านบุคลากร ด้วยเป็นการลงทุนที่ส่งผลต่อการเติบโตได้ดีที่สุด

มร.ย๊อคเฮ่น ไรค์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรเบิร์ตบ๊อช จำกัด เปิดเผยถึงผลการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัทบ๊อช ในปี 2551 ว่าน่าจะเป็นอีกปีหนึ่งที่มีผลประกอบการเป็นที่น่าพอใจ ทั้งนี้จะเห็นได้จากผลประกอบการครึ่งปีแรก ของปี 2551 ที่มีการเติบโตหลังปรับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนแล้ว เฉลี่ยสูงถึง 7% ซึ่งเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่บ๊อชมั่นใจว่า จะสามารถทำเป้าเติบโตโดยรวมของกลุ่มบริษัทบ๊อชได้ตามที่ตั้งไว้ 5% ตั้งแต่ต้นปี ซึ่งปัจจัยบวก ที่มีส่วนสนับสนุน ได้แก่ อัตราการเติบโต GDP ของประเทศกำลังพัฒนายังอยู่ในเกณฑ์ดี เช่น จีน 10% อินเดีย 8% และคาดว่าเศรษฐกิจโลกโดยรวมไม่น่าจะตกต่ำมากนักในปีนี้

สำหรับประเทศไทย ปี 2551 ถือเป็นปีที่ท้าทายเป็นอย่างมากเนื่องจากมีปัจจัยลบหลายด้านที่จะมีผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงสถานการณ์ทางด้านการเมืองในปัจจุบัน ทำให้ในส่วนของบ๊อชเองต้องทำงานหนักมากขึ้น และ ดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวัง แต่ด้วยกลยุทธ์ และความพร้อมของบ๊อชทั้งด้านบุคคลาการ กระบวนการ และ ตัวสินค้า น่าทำให้บ๊อชสามารถประสบความสำเร็จและมีผลประกอบการที่ดีและเติบโต ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

ในส่วนการรักษาระดับการเติบโตที่แข็งแกร่งของบ๊อชในประเทศไทย เพื่อมุ่งสู่การเป็นองค์กรที่มีรากฐานที่มั่นคง บ๊อชได้ดำเนินการหลายๆ อย่างไปพร้อมๆ กัน เริ่มจาก การขยายธุรกิจและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจในด้านต่าง ๆ ให้มากขึ้น เช่น ตั้งสำนักงานประสานงานของ บ๊อช เร็กโรธ ในประเทศไทย เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจในหมวดเทคโนโลยีอุตสาหการ ,ตั้งหน่วยนำร่องการขายของฝ่ายเทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์ , การเพิ่มโรงงานผลิตอุปกรณ์ระบบเบรก บ๊อช แชสซิส ซิสเต็มส์ (ประเทศไทย) ซึ่งตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมอิสเทิร์น ซีบอร์ด จ. ระยอง และ การขยายธุรกิจของฝ่ายผลิตภัณฑ์ระบบรักษาความปลอดภัยมายังธุรกิจทางด้าน Pro-sound ของกลุ่มเทเล็กซ์

“นโยบายของบ๊อช มุ่งเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อช่วยด้านความปลอดภัย รวมถึงระบบรักษาความปลอดภัย นอกจากนี้ยังเน้นพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อใช้พลังงานให้ได้ประสิทธิภาพ ส่วนทางด้านโครงสร้างองค์กร มีการปรับระบบการดำเนินงานภายในให้กระชับและโปร่งใส รวมทั้งมีตัวชี้วัดเพื่อเปรียบเทียบผลการปฏิบัติงาน และเทียบกับมาตรฐานในตลาดเริ่มตั้งแต่ระบบคัดสรรพนักงาน การฝึกอบรม การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างหน่วยงานในประเทศต่าง ๆ การพัฒนาอาชีพ และกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้ บ๊อชเป็นองค์กรที่มีศักยภาพมากขึ้น

นอกจากนี้บ๊อชยังให้การ สนับสนุนการพัฒนาของประเทศไทย โดยผ่านกิจกรรมเพื่อสังคมต่าง ๆ รวมถึงการแบ่งปันข้อมูล และเทคโนโลยีต่าง ๆ ให้กับสถาบัน องค์กร และหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องและสนใจ ซึ่งเป้าหมายเหล่านี้ ไม่ใช่เป็นเพียงเป้าหมายสำหรับปี 2551 เท่านั้น แต่ยังเป็นเป้าหมายระยะยาวของบ๊อชในประเทศไทยอีกด้วย “ มร.ย๊อคเฮ่น กล่าว

มร.ย๊อคเฮ่น กล่าว เพิ่มเติม ถึงเป้าหมายที่สำคัญอีกส่วนหนึ่งของบ๊อชกรุ๊ป คืองานวิจัยเกี่ยวกับเทคโนโลยีช่วยปกป้องสิ่งแวดล้อมและช่วยประหยัดพลังงาน และทรัพยากร โดยล่าสุดเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาบริษัท โรเบิร์ต บ๊อช จีเอ็มบีเอช ได้ลงนามความตกลงกับบริษัท ซัมซุง เอส ดี ไอ จำกัด เพื่อทำการพัฒนา ผลิต และ จัดจำหน่ายแบตเตอรี่ลิเธี่ยมอิออน สำหรับการใช้กับยานยนต์ต่าง ๆ ซึ่งจะเรี่มเปิดดำเนินการในเดือนกันยายนนี้ นอกจากนี้บ๊อชได้เข้าเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท ersol Solar Energy AG ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศเยอรมนี Ersol เป็นบริษัททีเชี่ยวชาญในการแปรรุปพลังงานแสงอาทิตย์ ให้เป็นพลังงานไฟฟ้าพัฒนา ผลิต และ ขายแผ่นโซล่าเซลล์ แบบ wafer-based silicon และ ยังผลิต thin-film modules ด้วย การเข้าควบกิจการครั้งนี้ เป็นการขยายความแข็งแกร่งของบ๊อชในด้านธุรกิจของพลังงานหมุนเวียน Ersol จะเป็นฝ่ายอิสระหนึ่งฝ่าย ที่จัดกลุ่มอยู่ในหมวดธุรกิจ เทคโนโลยีอุตสาหการ

สำหรับผลประกอบการรวมเบื้องต้น สำหรับกลุ่มบริษัท บ๊อช ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศเยอรมนี ปี 2550 ที่ผ่านมายอดขายรวมเป็นไปตามเป้าหมาย คือ 46.3 พันล้านยูโร (กว่า 2.3 ล้าน ล้านบาท) เติบโตขึ้น 6 % โดยสินค้าที่มีอัตราการเติบโตสูงได้แก่ กลุ่มสินค้าอุปโภค และเทคโนโลยีทางการก่อสร้าง อย่างไรก็ตามเอเชียแปซิฟิคยังคงเป็นภูมิภาคที่มีความสำคัญและมีการเติบโตสูงมาก โดยมียอดเติบโตในอัตราตัวเลข 2 หลักมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 3 ปี ติดต่อกัน ซึ่งมียอดขายในปี 2550 อยู่ที่ 7.6 พันล้าน ยูโร หรือคิดเป็น 16 % ของยอดขายรวมทั้งหมดของบ๊อช และตั้งเป้าจะเพิ่มสัดส่วนยอดขายของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคให้เป็น 25 % ในปี พ.ศ. 2558 สำหรับผลประกอบการปี 2550 ที่ผ่านมาของบ๊อชประเทศไทยมีผลประกอบการรวมอยู่ที่ 7,200 ล้านบาท ซึ่งเติบโตจากปีก่อนหน้านี้ในอัตราที่สูงถึง 45 % ถือเป็นความสำเร็จอย่างสูงของบ๊อช และผลประกอบการปีนี้คาดว่าตัวเลขการเติบโตจะยังคงเป็นสองหลัก ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่น่าพอใจกับสภาพเศรษฐกิจเช่นปัจจุบัน