ประเทศไทยยังน่าลงทุน ในขณะการเมืองเป็นเหตุให้ความเชื่อมั่นลดลง

แกรนท์ ธอร์นตัน เผยรายงานผลการสำรวจธุรกิจนานาชาติ ปี 2008 (The Grant Thornton International Business Report 2008: IBR 2008) ในประเทศไทย ซึ่งได้ทำการสำรวจเปรียบเทียบประเทศไทยกับประเทศอื่นๆ อีก 33 ประเทศในหลากหลายประเด็นรวมถึงทัศนคติเชิงบวกต่อเศรษฐกิจ ความคาดหวังทางธุรกิจ ข้อจำกัดในการประกอบธุรกิจ ตลาดเกิดใหม่ ความสามารถในการแข่งขัน ความรับผิดชอบขององค์กรต่อสังคม การบริหารการฉ้อโกง และการแจ้งเบาะแสการทุจริตในองค์กร ในขณะเดียวกันรายงานการสำรวจของปีนี้ยังได้ครอบคลุมเนื้อหาที่น่าสนใจ อาทิเช่น กลยุทธ์การจัดการทรัพยากรบุคคล แผนการควบรวมกิจการ และกลยุทธ์เพื่อการแข่งขัน อีกทั้งยังแนะแนวทางแก้ไขปัญหาและการดำเนินการเพื่อช่วยให้ธุรกิจรับมือกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป

IBR 2008 ได้ประเมินทัศนคติ แผนธุรกิจ และแนวโน้มของธุรกิจ จำนวน 7,800 แห่ง โดยแบ่งเป็น 34 กลุ่มธุรกิจรวม 6 ทวีป IBR 2008 ได้รวบรวมข้อมูลจากการสำรวจในอดีต เพื่อทำการวิเคราะห์แนวโน้มธุรกิจเป็นระยะเวลา 16 ปี สำหรับประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป และ 6 ปีสำหรับกลุ่มประเทศสมาชิกอื่นๆ

มร. ปีเตอร์ วอล์คเกอร์ กรรมการอาวุโส แกรนท์ ธอร์นตัน ในประเทศไทยกล่าวว่า “ผลการสำรวจ IBR จากครั้งที่ผ่านๆ มาจนล่าสุดทำให้เราสามารถมองเห็นแนวโน้มของธุรกิจและแนวทางการดำเนินงานต่างๆ ที่มีความสำคัญ แกรนท์ ธอร์นตัน ให้ความสำคัญอย่างมากกับความถูกต้องของข้อมูลต่างๆ ที่เรานำเสนอและจะต้องเชื่อถือได้ เราเชื่อมั่นว่าเนื้อหาใน IBR 2008 ฉบับนี้ จะช่วยให้ผู้อ่านเกิดวิสัยทัศน์และสามารถกระตุ้นให้เกิดมุมมองใหม่ๆ ได้”

ปีที่ผ่านมา วิกฤตการณ์ทางการเงินก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญต่อการวางแผนงานและมุมมองต่อธุรกิจทั่วโลก สำหรับประเทศไทย ความไม่มีเสถียรภาพทางการเมืองยังเป็นอีกความท้าทายหนึ่งที่ผู้บริหารต้องเผชิญ การสำรวจของปีนี้ได้จัดทำขึ้นในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจทั่วโลกตกอยู่ในภาวะวิกฤต หลังจากทั่วโลกต่างผ่านช่วงเวลาของการเติบโตจนถึงขีดสุดของเศรษฐกิจมาเป็นเวลานาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกา ส่วนในประเทศไทย ประเด็นปัญหาทางการเมืองส่งผลกระทบ
อย่างมากต่อทัศนคติของนักธุรกิจ

ในสภาวะปัจจุบัน ธุรกิจต่างๆ จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ รวมถึงวิธีการประเมินความเสี่ยงและประเมินโอกาสอย่างมีนัยสำคัญ เพราะจะต้องมีผู้ที่ประสบความล้มเหลว แม้ว่าความฝืดเคืองทางเศรษฐกิจจะปรับตัวดีขึ้นก็ตาม ในขณะที่ธุรกิจที่มีการบริหารจัดการที่ดีที่สุดจะเติบโตขึ้นเป็นผู้นำตลาด

โดยทั่วไป ธุรกิจในเอเชียยังคงมีเสถียรภาพ (ยกเว้นประเทศญี่ปุ่น ไทย และไต้หวัน) โดยเฉพาะในอินเดียและฟิลิปปินส์ (+95%ในทั้งสองประเทศ) ทั้งนี้ ทัศนคติด้านบวกในระดับสูงในกลุ่มเศรษฐกิจหลายประเทศในเอเชียสะท้อนความก้าวหน้าของเศรษฐกิจที่รุดหน้าอย่างมากและความคิดเห็นที่ว่ากลุ่มเศรษฐกิจเหล่านี้มิได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจและปัญหาการตึงตัวในตลาดสินเชื่อซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่เติบโตเต็มที่แล้ว

ทั้งนี้ สำหรับประเทศไทย ไม่น่าแปลกใจที่ทัศนคติด้านบวกของผู้บริหารธุรกิจในปี 2008 ได้ลดลงจาก +30% เป็น -30% เพราะความไม่มีเสถียรภาพทางการเมืองยังคงทำให้ความเชื่อมั่นซบเซา อีกทั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศเพื่อนบ้านยังทำให้ธุรกิจของประเทศไทยที่ประสบกับภาวะวิกฤตเกิดความกลัวในการแข่งขัน

อย่างไรก็ตาม ยังคงมีผลสำรวจออกมาในแง่ดี อันได้แก่ตัวชี้วัดในการสำรวจตลาดเกิดใหม่ที่ครอบคลุมถึงขนาด ความมั่งคั่ง และโอกาสในการเติบโต ซึ่งแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยเป็นตลาดเกิดใหม่ที่มีความน่าดึงดูดการลงทุนอยู่ในอันดับที่ 8 ของโลก เช่นเดียวกับประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่มาเลเซียและอินโดนีเซีย แต่อยู่ในอันดับที่ดีกว่าฟิลิปปินส์และเวียดนาม

มร. ปีเตอร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ประเทศไทยเป็นประเทศที่ดึงดูดการลงทุนเป็นอย่างมาก ลูกค้าของเราหลายรายยังคงให้ความสนใจลงทุนในด้านการผลิตเพื่อการส่งออกหรือการพัฒนาตลาดในประเทศ เนื่องจากประเทศไทยมีข้อได้เปรียบทางด้านโครงสร้างต้นทุนเศรษฐกิจที่ค่อนข้างมั่นคง ระบบการจัดการของภาครัฐที่เชื่อถือได้ และนโยบายสนันสนุนการลงทุนที่เหมาะสม ในความเป็นจริงแล้ว เมื่อมองถึงเศรษฐกิจในประเทศที่พัฒนาแล้วในปัจจุบัน ประเทศไทยนั้นเหมาะสมในการใช้กลยุทธ์ทางการลงทุนสำหรับตลาดเกิดใหม่”

ในรายงานผลการสำรวจธุรกิจนานาชาติ ปี 2008 ของแกรนท์ ธอร์นตัน ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีข้อจำกัดของการเติบโตของเศรษฐกิจในระดับที่สูงที่สุด โดยสำรวจจากกลุ่มเศรษฐกิจจำนวน 34 กลุ่มด้วยกัน โดยผลสำรวจจระบุว่าข้อจำกัดมีเพิ่มขึ้นอย่างมากในทุกสาขาจากปี 2007 ทั้งนี้ คำนิยามของข้อจำกัดคือ ปัจจัยต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการขยายตัวอย่างง่ายของธุรกิจ การลดลงของอุปสงค์เป็นข้อจำกัดที่ได้รับจากการสำรวจมากที่สุด โดย 92% ของธุรกิจได้รายงานเกี่ยวกับปัจจัยดังกล่าว ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ยของโลกที่อยู่ที่ 31% สำหรับข้อจำกัดอื่นๆ ที่ระบุโดยธุรกิจไทย ได้แก่ ต้นทุนทางการเงิน (85%) การขาดแคลนเงินทุนหมุนเวียน (76%) และการขาดแคลนแรงงานฝีมือ (68%) ทั้งหมดนี้สูงกว่าค่าเฉลี่ยของโลกและของภูมิภาคจากผลการสำรวจในหลายปีที่ผ่านมา ผู้นำธุรกิจไทยแสดงความคิดเห็นว่าการเข้าถึงแรงงานที่มีทักษะเป็นหนึ่งในข้อจำกัดที่สำคัญ (68% เมื่อเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 35%) และแม้ว่าข้อจำกัดดังกล่าวเป็นปรากฏการณ์ทั่วโลก แต่ดูเหมือนว่าประเทศไทยจะประสบ ปัญหามากกว่าประเทศอื่นๆ เมื่อสอบถาม ถึงทักษะที่ควรได้รับการพัฒนา ผู้นำธุรกิจไทยระบุว่าทักษะภาษาอังกฤษนั้นสำคัญที่สุด โดย 76% ของผู้ที่ได้รับการสำรวจให้คะแนนว่าเป็นความสำคัญระดับสูงถึงสูงที่สุด แม้ว่าผู้บริหารธุรกิจในประเทศไทยจะมองภาพรวมของประเทศในทางลบ แต่ไทยยังมีปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยอยู่ในสถานะที่มีโอกาสพลิกฟื้นการเติบโตได้เช่นเดียวกับหลายปีที่ผ่านมา มร. เอียน แพสโค กรรมการบริหาร แกรนท์ ธอร์นตัน ในประเทศไทย ได้ให้ทรรศนะว่า “แม้ว่ารายงานผลการสำรวจธุรกิจนานาชาติ ปี 2008 ในประเทศไทยระบุว่าความเชื่อมั่นอยู่ในระดับที่ลดลงและผู้บริหารต่างก็กังวลกับประเด็นความมั่นคงทางการเมือง แต่สำหรับแกรนท์ ธอร์นตัน เรายังคงเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยจะมีแนวโน้มในทางที่ดี เรายังคงเสริมสร้างความแข็งแกร่งและขยายบริการที่เป็นมืออาชีพในประเทศไทย ด้วยความหวังว่าไทยจะกลับไปสู่จุดที่มีการเติบโตอย่างมั่นคง”

เกี่ยวกับผลการสำรวจธุรกิจนานาชาติ (International Business Report: IBR):
แกรนท์ ธอร์นตัน อินเตอร์เนชั่นแนล ได้ริเริ่มการสำรวจประจำปีเกี่ยวกับทัศนคติและความคาดหวังของธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก เมื่อปี 1992 โดยใช้ชื่อว่า The European Business Survey (EBS) ต่อมาในปี 2003 การสำรวจได้ขยายขอบเขตในระดับนานาชาติโดยทำการสำรวจธุรกิจขนาดกลางและเปลี่ยนชื่อการสำรวจเป็น The International Business Owners Survey (IBOS)

ในปี 2007 การสำรวจได้เปลี่ยนชื่อเป็นรายงานผลการสำรวจธุรกิจนานาชาติ (International Business Report: IBR) ซึ่งรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้มจากผู้ตอบการสำรวจ EBS เดิมที่ได้จัดทำมาตลอดระยะเวลา 16 ปี และผู้ตอบการสำรวจ IBOS ในระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมา สำหรับข้อมูลด้านแนวโน้มทั้ง 16 ปีที่ผ่านมา จัดทำให้แก่ประเทศฝรั่งเศส เยอรมนี กรีซ ไอร์แลนด์ อิตาลี เนเธอร์แลนด์ สเปน สวีเดน และสหราชอาณาจักร ส่วนข้อมูลด้านแนวโน้มใน 6 ปีที่ผ่านมา จัดทำให้แก่ประเทศออสเตรเลีย แคนาดา ฮ่องกง อินเดีย ญี่ปุ่น เม็กซิโก รัสเซีย สิงคโปร์ แอฟริกาใต้ และสหรัฐอเมริกา

แกรนท์ ธอร์นตัน อินเตอร์เนชั่นแนล จะมอบเงิน 5 ดอลลาร์สหรัฐให้แก่ UNICEF ต่อผลสำรวจหนึ่งฉบับที่มีผู้ร่วมให้ข้อมูล

การสำรวจดังกล่าวได้รับการดำเนินการโดย Experian Business Strategies Limited หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายงานผลการสำรวจธุรกิจนานาชาติและผลการสำรวจ กรุณาเข้าชมเว็บไซต์ www.internationalbusinessreport.com

เกี่ยวกับ แกรนท์ ธอร์นตัน ในประเทศไทย
แกรนท์ ธอร์นตัน ในประเทศไทย เป็นที่รู้จักกันดีในแวดวงธุรกิจในฐานะบริษัทผู้ให้บริการอย่าง
มืออาชีพระดับแนวหน้าของประเทศไทยซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1991 การให้บริการของแกรนท์ ธอร์นตัน ได้แก่ การให้คำปรึกษาด้านธุรกิจ, การตรวจสอบบัญชี, การให้คำปรึกษาทางภาษี, การให้บริการปรึกษาเฉพาะทาง และการจัดหาบุคลากรระดับผู้บริหาร ถ้าท่านต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเข้าชมเว็บไซต์ www.grantthornton.co.th