“เวนทรี่” ทุ่มงบกว่า 10 ล้านบาท รุกตลาดหมอนและที่นอนยางพารา เปิดตัวนวัตกรรมที่นอนยางพาราใหม่ Ventry รุ่น บอซซา (Bozza) เป็นการนำเอาธรรมชาติ และเทคโนโลยีมารวมกันได้อย่างลงตัวด้วยผ้า “Ventry Nano Cotton” มีคุณสมบัติเด่นคือ ป้องกันน้ำซึมผ่านโดยตรงไปยังยางพาราด้ายใน หวังโกยยอดขาย และส่วนแบ่งตลาดในปี 2009 กว่า 100 ล้านบาท พร้อมขึ้นเป็นผู้นำตลาดที่นอนยางพารา และหวังให้คนไทยได้นอนอย่างมีสุขภาพ “Good Sleep…Good Health”
นางเฉลิมศรี โชติกวณิชย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เวนทรี่ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย ที่นอน Ventry นวัตกรรมแห่งการนอน เปิดเผยว่า บริษัท หลังจากที่เราได้ทำตลาดของที่นอนและหมอนยางพาราภายใต้ “เวนทรี่” มาเป็นเวลานานกว่า 7 ปี โดยที่ผ่านมาเวนทรี่มุ่งเน้นในการส่งออกในตลาดต่างประเทศ ทั้งยุโรปและเอเชีย โดยเฉพาะที่ประเทศเกาหลี จนมีการตั้งบริษัทฯ ตัวแทนจำหน่าย Ventry Korea ขึ้นมา และมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก ซึ่งในปีนี้
“เวนทรี่” มีจุดเด่น คือ การพัฒนาคิดค้นเพื่อสุขภาพของการนอนหลับและใส่ใจในรายละเอียดตั้งแต่ภายในจนถึงภายนอก รวมถึงการออกแบบผลิตภัณฑ์ ซึ่งสร้างความแตกต่างจากที่นอนยางพาราทั่วไป (Differentiation) และคุณภาพ (Quality) ของสินค้าที่มีคุณภาพเป็นที่เชื่อถือและพึงพอใจ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์อีกชิ้นหนึ่งที่สามารถสร้างสุขภาพที่ดีในการนอนของคนไทยและผู้บริโภค “Good Sleep…Good Health” ได้
ผลิตภัณฑ์หลักของ “เวนทรี่” ประกอบไปด้วยที่นอน และหมอนสุขภาพจากยางพาราธรรมชาติ เช่นที่นอนยางพารารุ่น Vima ที่เป็นยางพาราทั้งชิ้นที่เราสามารถเปิดแสดงให้ลูกค้าได้เห็นถึงวัสดุข้างในที่เป็นยางทั้งชิ้น 100% และหมอนสุขภาพของ “เวนทรี่” ที่เน้นการออกแบบเพื่อสรีระของผู้นอนให้หลับสบาย คลายความปวดเมื่อย
สำหรับช่วงปลายปีนี้แบรนด์ “เวนทรี่” ได้คิดค้น และพัฒนาที่นอนยางพาราเพื่อสุขภาพรุ่นใหม่ล่าสุด คือ รุ่น Bozza อันเป็นการผสมผสานระหว่างธรรมชาติและนวัตกรรมสมัยใหม่อย่างนาโนเทคโนโลยีไว้ด้วยกัน โดยที่นอนรุ่นนี้ใช้ผ้าหุ้มเป็นผ้าทอเยื่อไผ่ที่มีผ่านการกระบวนการ Silver Nano ซึ่งจะมีคุณสมบัติที่เรียกว่า “Triple A Protection” ที่สามารถป้องกันเชื้อรา ป้องกันแบคทีเรียและป้องกันไรฝุ่น
ส่วนด้านในอีกชั้นจะเป็นนวัตกรรมล่าสุดที่หุ้มด้วยผ้า “Ventry Nano Cotton” ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์ของ “เวนทรี่” ที่พิมพ์อยู่บนลายผ้า มีคุณสมบัติเด่นคือ ป้องกันน้ำซึมลงผ่านโดยตรงไปยังยางพาราด้ายใน และชั้นสุดเป็นยางพาราธรรมชาติ 100% ทั้งก้อนหนาถึง 8 นิ้วที่คิดค้นการกระจายน้ำหนักจำนวน 7 แห่ง และการตำแน่งของยางให้นุ่มแน่น เหมาะกับคนไทย จึงทำให้ที่นอน Ventry รุ่น Bozza เป็นการนำเอาธรรมชาติและเทคโนโลยีมารวมกันได้อย่างลงตัว
นางเฉลิมศรี กล่าวต่ออีกว่า งบประมาณในการทำตลาดของแบรนด์ “เวนทรี่” ในปีนี้และปีหน้าบริษัทตั้งไว้ประมาณ…10…ล้านบาท โดยจะเน้นทั้ง Above the line และ Below the line โดยจะเป็นการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ อาทิ หนังสือพิมพ์ และนิตสาร รวมถึงสื่อ online อย่าง Internet ที่เรามี website ของ “เวนทรี่” คือ www.ventry.co.th
นอกจากนี้ เราได้พัฒนาช่องทางการจัดจำหน่าย โดยสร้างความโดดเด่นในพื้นที่จำหน่ายสินค้าอย่าง Home Work และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายของเรา รวมถึงการออกงาน Fair ต่างๆ อาทิ Furniture Fair, Home Pro Expo, Made in Thailand และจำหน่ายผ่าน Central และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ
สำหรับคู่แข่งของ “เวนทรี่” คู่แข่งหลักคือ ที่นอนยางพาราธรรมชาติในการตลาด ซึ่งจะเน้นจุดเด่นเกี่ยวกับการใช้ยางพารามาเป็นจุดขายของสินค้า
ที่ผ่านมายอดขายช่วงหลังของบริษัทจะมาจากหมอน และในปีนี้เราได้เริ่มสร้างตลาดของที่นอนสุขภาพมากขึ้นและคาดว่าจะมียอดขายของที่นอนจะเพิ่มขึ้นเช่นกัน และคาดว่าในปี 2009 บริษัทจะมีส่วนแบ่งตลาดของหมอน และที่นอนยางพารารวมกว่า 100 ล้านบาท จากมูลค่าตลาดที่นอนรวมประมาณ 6,000 ล้านบาท แบ่งเป็น ตลาดระดับกลาง-บน 2,500 ล้านบาท ตลาดล่าง 3,500 ล้านบาท ซึ่ง “เวนทรี่” จะอยู่ในตลาดที่นอนกลางถึงบน โดยเฉพาะตลาดที่นอนยางพาราซึ่งเป็นตลาดที่นอนเพื่อสุขภาพโดยเฉพาะ นางเฉลิมศรี กล่าวปิดท้าย