เอปสัน ประเทศไทย ประกาศเป็นผู้นำกลุ่มสินค้าองค์กร ปูพรมกลยุทธ์ทางธุรกิจใหม่ เปิดตัวแคมเปญ “Be There” สะท้อนความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า ชูจุดแข็งด้านเทคโนโลยีและการบริการ ตอบรับความต้องการใช้งานในทุกประเภทธุรกิจ ประเดิมแคมเปญแรกด้วยการเปิดตัวโปรเจคเตอร์พร้อมกัน 11 รุ่น
นายนาโอยูกิ ซาเอกิ ประธานบริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลาเกือบ 20 ปี ที่ผ่านมานับตั้งแต่ก่อตั้งในประเทศไทย เอปสันสามารถตอบรับความต้องการที่แตกต่างทั้งในตลาดคอนซูมเมอร์และตลาดลูกค้าองค์กร ได้เป็นอย่างดี ด้วยการนำเสนอสินค้าที่มีความหลากหลาย ทั้งในแง่ฟังก์ชั่น และเทคโนโลยีที่ตอบสนองการใช้งานให้กับลูกค้าได้ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นพรินเตอร์ สแกนเนอร์ และโปรเจคเตอร์ โดยในกลุ่มเครื่องพิมพ์ เอปสันไม่ได้มีเพียงแค่อิงค์เจ็ทพรินเตอร์ หรือ ด็อท เมทริกซ์ พรินเตอร์เท่านั้น เอปสันยังมีเครื่องพิมพ์ที่รองรับธุรกิจองค์กร ไม่ว่าจะเป็นเครื่องพิมพ์สลิปใบเสร็จ (TM printer) และเครื่องพิมพ์สมุดธนาคาร (Passbook printer) เป็นต้น”
“นอกจากนี้ยังมีเครื่องสแกนเนอร์ที่สามารถสแกนเอกสาร ภาพถ่าย และฟิลม์ หรือแม้แต่เครื่องแสกนเช็ค โดยเอปสันได้รับการยอมรับจากองค์กรมากมายทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน เช่นเดียวกันกับลูกค้าในกลุ่มคอมซูมเมอร์ ที่ให้การตอบรับแบรนด์เอปสันเป็นอย่างดีและเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง ด้วยจุดเด่นทางด้านคุณภาพและประสิทธิภาพของเทคโนโลยี นอกจากนี้สินค้าในกลุ่มโปรเจคเตอร์ที่เอปสันได้รับการยอมรับทั่วโลกถึงประสิทธิภาพในการนำเสนองานที่ให้ภาพและสีสันที่คมชัด โดยโปรเจคเตอร์เอปสันมียอดขายเป็นอันดับ 1 ทั่วโลกในกลุ่มสินค้าดาต้า โปรเจคเตอร์ ถึง 7 ปีซ้อน จากบริษัทวิจัยด้านการตลาดชั้นนำของโลก Futuresource เช่นเดียวกับเอปสันประเทศไทยที่มั่นใจว่าจะเป็นอันดับ 1 ในสินค้าโปรเจคเตอร์ภายในปีงบประมาณ 2551 นี้”
นายซาเอกิ กล่าวถึงผลการดำเนินงานของเอปสัน ประเทศไทยในช่วงครึ่งปีผลประกอบการ ปี2551 ว่าเริ่มต้นปีบัญชีเดือนเมษายนที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายได้รวมราว 1,300 ล้านบาท โตจากปีที่แล้ว 11 เปอร์เซ็นต์ โดยมีสัดส่วนรายได้มาจากสินค้ากลุ่มองค์กรและกลุ่มสินค้าคอนซูมเมอร์ในอัตราเท่ากัน 50 : 50เปอร์เซ็นต์ ในปีนี้ บริษัทฯ มุ่งขยายตลาดในกลุ่มสินค้าองค์กรให้มากยิ่งขึ้น โดยเน้นจัดกิจกรรมทางการตลาดและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับช่องทางการจัดจำหน่าย โดยบริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้รวมไว้ที่ 2,500 ล้านบาท โดยภายใต้กลยุทธ์ทางการตลาดและการสื่อสารใหม่ ในชื่อแคมเปญ “Be There” ที่สร้างความมั่นใจกับลูกค้าองค์กรว่าเอปสันจะมีทั้งประสิทธิภาพ ความคุ้มค่า และความหลากหลายของผลิตภัณฑ์มอบให้แก่ลูกค้าองค์กร และเชื่อมั่นว่าจะสามารถเข้าถึงความต้องการของกลุ่มลูกค้านี้ ซึ่งเป็นกลุ่มที่เปิดรับและพร้อมลงทุนกับเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและศักยภาพขององค์กร”
“ปัจจุบัน สินค้าของเอปสันในตลาดนี้มีอยู่มากมายไม่ว่าจะเป็นด็อท เมทริกซ์ พรินเตอร์, บิสิเนส อิงค์เจ็ท พรินเตอร์, บิสิเนส สแกนเนอร์, โปรเจคเตอร์, ระบบพีโอเอส (Point of sale) และเครื่องพิมพ์สลิปใบเสร็จ หรือแม้แต่โปรกราฟิกพรินเตอร์ ซึ่งครอบคลุมความต้องการของกลุ่มลูกค้าองค์กรในหลากหลายธุรกิจ ทั้งธนาคาร สถานศึกษา ร้านขายปลีก สตูดิโอ บริษัทธุรกิจ SMEs หรือ SOHO ซึ่งทางเอปสันเองมองว่ายังมีพื้นที่ทางการตลาดอีกมากที่เอปสันจะเข้าไปทำตลาด”
ทั้งหมดนี้ไม่ได้เป็นแคมเปญที่เกิดขึ้นเฉพาะการณ์ แต่เอปสันได้วางแผนแคมเปญนี้มาเพื่อสอดรับกับนโยบายจากสำนักงานใหญ่ที่ต้องการผลักดันให้เทคโนโลยีหลักของเอปสันเป็นตัวขับเคลื่อนศักยภาพทางการแข่งขันทั้งในตลาดอุตสาหกรรมและตลาดองค์กร ซึ่งเอปสันมั่นใจว่ากลยุทธ์ในแคมเปญ “Be There” นี้จะประสบความสำเร็จไม่ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร” นายซาเอกิ กล่าว
นายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงแคมเปญ “Be There” ว่า คือ การให้คำมั่นสัญญาและการรับประกันความมั่นใจให้กับลูกค้าของเอปสันว่า ไม่ว่าธุรกิจของลูกค้าจะเป็นอย่างไร เป็นองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ หรือขนาดเล็ก และอยู่ในสถานการณ์ทางธุรกิจแบบใด เอปสันพร้อมที่จะอยู่ที่นั่น เช่นเดียวกับที่สินค้าเอปสันอยู่เคียงข้างลูกค้าในทุกองค์กรเสมอมา โดยเอปสันพร้อมที่จะก้าวไปสู่ความสำเร็จกับลูกค้าด้วยเทคโนโลยีระดับโลกที่สามารถตอบรับทุกความต้องการในทุกระดับการทำงาน
“ภายใต้แคมเปญ “Be There” จะครอบคลุมการสร้างยุทธศาสตร์ทางการตลาด การวางกลยุทธ์สินค้า และการพัฒนาด้านการบริการ รวมถึงการสื่อสารการตลาดเพื่อเข้าถึงลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งมีองค์ประกอบ 4 ด้าน ได้แก่ เทคโนโลยีด้านผลิตภัณฑ์ ช่องทางการจัดจำหน่าย ศูนย์โซลูชั่นเพื่อสาธิตผลิตภัณฑ์ และเครือข่ายศูนย์บริการเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มธุรกิจ โดยเอปสันได้วางงบประมาณกว่า 100 ล้านบาท เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน รวมถึงการโฆษณาประชาสัมพันธ์แคมเปญดังกล่าว” นายยรรยง กล่าวต่อ
ในส่วนของเทคโนโลยีทางด้านผลิตภัณฑ์ เอปสันถือเป็นแบรนด์ที่ได้ชื่อว่าประสบความสำเร็จในการคิดค้นและพัฒนาเทคโนโลยีด้านการพิมพ์ ด้วยระบบหัวพิมพ์ไมโคร ปิเอสโซ (Micro Piezo) ที่แข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพสูง ระบบอิงค์เจ็ทที่สามารถพ่นหมึกลงบนวัสดุการพิมพ์ที่แม่นยำและแน่นอน ซึ่งปัจจุบันถูกนำมาใช้เป็นเทคโนโลยีในกลุ่มเครื่องพิมพ์สำหรับผู้บริโภค อย่างไรก็ตาม เอปสันได้ขยายขีดความสามารถของเทคโนโลยีไมโคร ปิเอสโซ ให้รองรับภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรม โดยยังคงให้ทั้งงานพิมพ์คุณภาพ ความเที่ยงตรง และความสามารถในการควบคุมค่าใช้จ่ายได้ โดยจะมีการพัฒนาแอพลิเคชั่นใหม่ๆ ที่ช่วยเสริมการทำงาน สามารถพิมพ์ได้รวดเร็วมารองรับตลาดธุรกิจองค์กรอีกด้วย ซึ่งจะได้เห็นกันภายในปลายปีนี้ ทั้งในกลุ่มอิงค์เจ็ทพรินเตอร์ และกลุ่มโปรกราฟิกพรินเตอร์
เช่นเดียวกับเทคโนโลยีด้านโปรเจคเตอร์ของเอปสัน 3LCD อันเป็นลิขสิทธ์ที่เอปสันที่ได้คิดค้นและพัฒนาขึ้น ซึ่งเป็นการรวมแผง LCD 3 แผงเพื่อให้การฉายภาพที่คมชัด สีสันสดใส ให้ค่าความสว่างที่เหมาะสม ถนอมสายตา นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นที่ประกอบเข้ามา ให้การใช้งานมีความสะดวกมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อแบบโดยใช้ไวร์เลสแบบพิเศษด้วย USB Key ซึ่งไม่ต้องเสริชหาค่าไอพีเพื่อเชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์กับโปรเจคเตอร์ให้ยุ่งยาก นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่น AV Mute Slide ที่ช่วยปิดหน้าจอเวลาพักการนำเสนองาน โดยไม่ต้องปิดเปิดเครื่อง ซึ่งช่วยประหยัดเวลาและประหยัดไฟอีกด้วย โดยในครั้งนี้ เอปสันได้นำเสนอโปรเจคเตอร์ทั้งหมด 11 รุ่น ซึ่งครบทุกไลน์สินค้า เพื่อรองรับการใช้งานทุกระดับ ได้แก่
กลุ่ม Smart series ประกอบด้วยรุ่น Epson EB-S6, Epson EB-X6 และ Epson EB-W6 (wide screen) ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าที่ให้ประสิทธิภาพคุ้มค่า โดยมีจุดแข็งที่อัตราความคมชัด (contrast ratio) สูงถึง 2000:1 และใช้ไฟต่ำเพียง 231 วัตต์ นอกจากนี้ยังมีโปรเจคเตอร์ที่เหมาะกับการศึกษา Epson EMP-280 ที่มีระบบป้องกันฝุ่นและมีเลนส์กระจกสามารถทำความสะอาดได้
กลุ่ม Ultra Portable series เป็นโปรเจคเตอร์ที่น้ำหนักเบาเพียง 1.8 กิโลกรัม สะดวกพกพา คล่องตัวช่วยให้นำเสนองานได้อย่างมืออาชีพ ประกอบด้วยรุ่น Epson EB-1725 และ Epson EB-1735W (wide screen) ซึ่งสามารถเชื่อมต่อระบบไวร์เลสด้วย USB Key อีกทั้งให้ค่าความสว่างและความละเอียดสูง
กลุ่ม Evolution series เป็นรุ่นที่มีนวัตกรรมในการนำเสนอที่ครบครัน ประกอบด้วยรุ่น Epson EMP-1825 ที่มีค่าความสว่างสูง ถึง 3500 ANSI Lumens ความละเอียด 786,432 จุดด้วยระบบ XGA สามารถเชื่อมต่อผ่านสาย USB หรือแบบไร้สายได้ อีกทั้งยังมีปุ่ม Quick Setup ใช้งานง่ายภายในปุ่มเดียว ตามมาด้วยรุ่น Epson EMP-6010 และ Epson EMP-6110 ที่นอกจากจะมีความสว่างสูงแล้ว ยังสามารถป้องกันฝุ่นควันและสามารถถอดแผ่นกรองฝุ่นมาทำความสะอาดได้
กลุ่ม Professional series ประกอบด้วยโปรเจคเตอร์ไร้สายประสิทธิภาพสูง 2 รุ่น ได้แก่ Epson EB-G5350 ,Epson EB-G5150 และ โปรเจคเตอร์แบบ wide screen คือ Epson EB-G5200W สำหรับผู้ต้องใช้งานพรีเซนเทชั่นในห้องขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นห้องประชุม-สัมมนา หรือโถงนิทรรศการ Epson EB-G5350 และ Epson EB-G5150 มีความละเอียดระดับ XGA ให้ความสว่าง 5000 และ 4000 ANSI lumens ตามลำดับ ส่วน Epson EB-G5200W มีความละเอียดระดับ WXGA ให้ความสว่าง 4200 ANSI lumens รองรับจอ Wide Screen ของเครื่องพีซี โดยมีจุดเด่นที่ค่าความคมชัด (contrast ratio) ที่สูง Epson EB-G5200W มีค่าความคมชัด (Contrast Ratio) สูงถึง 800:1 ส่วน Epson EB-G5350 และ Epson EB-G5150 มีค่าความคมชัด (Contrast Ratio) สูงถึง 1000:1
“เอปสันเชื่อว่า ด้วยเทคโนโลยีหลักของเอปสันและฟังก์ชั่นที่เหมาะกับธุรกิจองค์กร จะทำให้เอปสันโปรเจคเตอร์ครองตลาดธุรกิจได้ตามเป้าหมาย” นายยรรยง กล่าว
ในด้านเครือข่ายตัวแทนจำหน่าย หรือที่เรียกว่า EAP (Epson Authorized Partner) ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 134 ราย ทางเอปสันมีแผนที่จะขยายจำนวนเครือข่ายเพิ่มขึ้น เป็น 160 ราย ภายในสิ้นปีงบประมาณ 2551 นี้ เพื่อให้สามารถรองรับลูกค้าองค์กรในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งบริษัทฯ ได้วางกลยุทธ์ที่จะสร้างความแข็งแกร่งให้กับตัวแทนจำหน่าย โดยเตรียมความพร้อมทั้งในด้านความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ การจัดกิจกรรมลูกค้าสัมพันธ์ และการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย
“เมื่อเรามุ่งเน้นที่จะขยายตลาดกลุ่มสินค้าเพื่อองค์กรธุรกิจ เราได้ทุ่มงบประมาณกว่า 17 ล้านบาท พัฒนาศูนย์โซลูชั่น (Solution Center) เพื่อสร้างประสบการณ์จริงให้ลูกค้า โดยศูนย์ใหม่นี้จะรวบรวมสินค้าและนวัตกรรมใหม่ๆ มานำเสนอเป็นโซลูชั่นที่ครบวงจรสามารถปรับประยุกต์ให้สอดคล้องกับความต้องการที่แตกต่างของลูกค้าได้ Solution Center มีกำหนดเปิดปฏิบัติงานภายในปลายปีนี้ นอกจากนี้ในด้านเครือข่ายศูนย์บริการ เอปสันได้เพิ่มความแข็งแกร่งและขยายขอบเขตการให้บริการให้กับกลุ่มเซอร์วิสพาร์ทเนอร์ เพื่อการให้บริการที่รวดเร็ว และเข้าถึงลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น โดยศูนย์บริการนี้จะให้บริการทั้งในด้านการให้คำปรึกษาและการซ่อมแซม” นายยรรยง กล่าวต่อ
“เราเชื่อมั่นว่า “Be There” จะสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้าของเอปสัน ด้วยองค์ประกอบ 4 ด้าน อันได้แก่
• สินค้าที่หลากหลาย มาพร้อมกับเทคโนโลยีเฉพาะ เพื่อการใช้งานที่อย่างมีประสิทธิภาพ
• เครือข่ายตัวแทนจำหน่ายที่มีความเชี่ยวชาญเข้าใจความต้องการของธุรกิจแต่ละประเภท
• ศูนย์โซลูชั่นที่นำเสนอประสิทธิภาพการทำงานของสินค้า โดยปรับประยุกต์ให้เหมาะกับความต้องการทางธุรกิจ
• เครือข่ายการบริการที่ครอบคลุม ทำให้ลูกค้าวางใจ
เรามุ่งมั่นพัฒนาและพร้อมที่จะสนับสนุนเพื่อความสำเร็จให้กับธุรกิจของลูกค้า เช่นเดียวกับนิยามของคำว่า “Be There” เอปสัน พร้อมทุกที่ เพื่อทุกความสำเร็จ” นายยรรยง กล่าวสรุป
เกี่ยวกับเอปสัน ประเทศไทย
บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด ได้ถูกก่อตั้งขึ้นที่กรุงเทพฯ เพื่อเป็นทางเลือกทางธุรกิจที่มีพื้นฐานบนเทคโนโลยีสารสนเทศในภูมิภาคนี้ โดยทางบริษัทฯ ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานระหว่างผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เอปสันในภูมิภาคนี้กับบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่น คือ ไซโก้ เอปสัน คอร์ปอเรชั่น เพื่อสร้างสรรค์สินค้าและการบริการที่ดีที่สุดให้ตรงตามความต้องการของผู้บริโภคในภูมิภาคนี้ จากความสำเร็จวันนั้นจนถึงวันนี้ ทำให้บริษัทฯ มั่นใจเป็นอย่างยิ่งที่จะสร้างมาตรฐานผลิตภัณฑ์และการบริการของเอปสันในภูมิภาคนี้ ให้เป็นมาตรฐานเดียวกับ เอปสันทั่วโลก
เกี่ยวกับเอปสัน
เอปสัน คือผู้นำในด้านนวัตกรรมภาพดิจิตอลระดับโลก รวมถึงพรินเตอร์ โปรเจ็คเตอร์ และจอแอลซีดี ด้วยวัฒนธรรมของการสร้างสรรค์และคิดค้น เอปสันมุ่งมั่นสร้างสรรค์เหนือจินตนาการ จนได้รับการคาดหวังจากผู้บริโภคทั่วโลกว่ามีผลิตภัณฑ์คุณภาพที่เหนือกว่า ทั้งการออกแบบ ประโยชน์ใช้สอย รวมถึงการประหยัดพลังงาน เอปสันมีเครือข่ายด้วยจำนวนพนักงาน 88,925 คน ใน 109 บริษัททั่วโลก และทั้งหมดร่วมผสานความภาคภูมิใจในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและสังคมที่เป็นหนึ่งเดียวกันทั่วโลก ทั้งนี้ ภายใต้การนำโดย ไซโก้ เอปสัน คอร์ปอเรชัน ซึ่งยอดจำหน่ายทั่วโลกรวมทั้งสิ้นกว่า 4 แสนล้านบาท (1,347 พันล้านเยน) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ที่ผ่านมา