เชฟโรเลต ประสบความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน หลัง เชฟโรเลต แคปติวา รถเอนกประสงค์สุดล้ำ ได้รับรองมาตรฐาน “ฉลากเขียว” จากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (สมอ.) และสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย (สสท.) โดยผ่านการทดสอบอย่างเข้มงวดแล้วว่าเป็นรถยนต์ที่มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสูงสุด
จากการคว้ามาตรฐานฉลากเขียวดังกล่าว ทำให้เชฟโรเลต เป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายแรกและรายเดียวในประเทศไทยที่ได้รับมาตรฐานฉลากเขียวอันเข้มงวดติดต่อกันเป็นครั้งที่ 3 ต่อจาก เชฟโรเลต ออพตร้า เอสเตท รถยนต์คันแรกที่ได้รับเกียรตินี้นับแต่มีการประกาศข้อกำหนดสำหรับผลิตภัณฑ์ฉลากเขียวเมื่อปี 2548 และ เชฟโรเลต อาวีโอ คอมแพกต์ ซีดานสำหรับคนรุ่นใหม่ ทั้งนี้ พิธีมอบรางวัลจัดขึ้นโดยสถาบันสิ่งแวดล้อมไทยและสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม
“ฉลากเขียว” เป็นเครื่องหมายที่แสดงคุณค่าของผลิตภัณฑ์นั้นๆ ด้านสิ่งแวดล้อม โดยจะมอบให้แก่ผลิตภัณฑ์คุณภาพที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์ที่ทำหน้าที่อย่างเดียวกัน ซึ่ง “ผลิตภัณฑ์สีเขียว” เป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ปล่อยสารเคมีหรือกากสารพิษออกสู่สิ่งแวดล้อม ประหยัดพลังงานและทรัพยากรทั้งในระหว่างการผลิต การขนส่ง และการใช้งาน อีกทั้งไม่เป็นภาระในการกำจัดหลังทิ้งและไม่ก่อให้เกิดขยะมากนัก ผลิตภัณฑ์เหล่านี้นับเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของผู้บริโภคในการช่วยรักษาและฟื้นฟูสภาพแวดล้อมให้ดีขึ้น
ทั้งนี้ ข้อกำหนดของฉลากเขียว จะแตกต่างไปตามประเภทของผลิตภัณฑ์และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในด้านต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการใช้ผลิตภัณฑ์นั้น ๆ โดยข้อกำหนดทั่วไปของฉลากเขียว สำหรับรถยนต์นั่งมีหลายประการด้วยกัน อาทิ โรงงานต้องมีระบบควบคุมคุณภาพมาตรฐาน ISO 9001:2000 กระบวนการผลิต การกำจัดของเสีย และคู่มือแนะนำการดูแลอุปกรณ์ควบคุมมลพิษ ต้องเป็นไปตามกฎหมายและข้อกำหนดของหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ส่วนข้อกำหนดเฉพาะนั้น ได้แก่ สีและสารเคมีที่ใช้กับผลิตภัณฑ์ จะต้องไม่ผสมโลหะหนัก มีเอกสารแนะนำวิธีการจัดการของเสียจากการใช้งาน มีระดับมลพิษทางเสียงไม่เกินที่กำหนด และมีอัตราการสิ้นเปลืองพลังงานไม่น้อยกว่าเกณฑ์ที่กำหนด รวมทั้งต้องผ่านมาตรฐานการปล่อยไอเสียสู่อากาศ ยูโร 3 และสารทำความเย็นที่ใช้ในระบบปรับอากาศต้องมี ค่าโอดีพี เท่ากับศูนย์ (ODP – Ozone Depletion Potential ระดับค่าการวัดสารทำความเย็นที่มีผลต่อการทำลายชั้นโอโซน)
นอกจากนั้น รถยนต์ฉลากเขียว ยังต้องให้คำแนะนำที่ถูกต้องแก่ผู้บริโภคเกี่ยวกับการกำจัดสารหล่อลื่น และสารเคมีอันตราย นอกจากนั้น ส่วนประกอบอื่นๆ และชิ้นส่วนพลาสติกที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ (Recycle) ได้จะต้องมีสัญลักษ์บ่งบอกอย่างชัดเจนอีกด้วย
“เชฟโรเลต ภูมิใจและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่เราเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกในประเทศไทยที่ได้รับมาตรฐานฉลากเขียวอันทรงเกียรตินี้ ไม่เพียงเท่านั้น เรายังเป็นรายแรกในประเทศที่ได้รับมาตรฐานนี้ถึงสามครั้งติดต่อกัน สิ่งนี้เป็นเครื่องยืนยันถึงความสำเร็จของเราในการลงทุนเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุดและสิ้นเปลืองพลังงานน้อยที่สุด การลงทุนนั้นได้ให้ผลตอบแทนที่ยอดเยี่ยมแก่เรา ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือมาตรฐานฉลากเขียว สำหรับ ออพตร้า เอสเตท และอาวีโอ และล่าสุด คือ แคปติวา ทั้งสามรางวัลเป็นความภาคภูมิใจของเรา” มร. สตีฟ คาร์ไลส์ ประธานกรรมการ บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว
ในระยะเวลาสองสามปีมานี้ จีเอ็มและเชฟโรเลตได้รุดหน้าไปมากในการพัฒนาและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่ๆ รวมทั้งพลังงานทางเลือกเพื่อลดปริมาณและทดแทนการใช้น้ำมันในทั่วโลกลง โดยมีก๊าซ CNG เป็นทางเลือกอันดับต้นๆ โดยเฉพาะในประเทศไทยที่ในปีที่แล้ว เชฟโรเลตเป็นรถยนต์รายแรกที่เปิดตัว
รถยนต์นั่งส่วนบุคคลระบบก๊าซ CNG ในรุ่น เชฟโรเลต ออพตร้า ซีเอ็นจี ขนาด 1.6 ลิตร ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งน้ำมันเบนซินหรือก๊าซธรรมชาติ CNG เพียงแค่กดปุ่มสลับประเภทเชื้อเพลิง หลังจากนั้น เชฟโรเลต ยังเปิดตัว โคโลราโด CNG สำหรับคอรถกระบะที่ต้องการทั้งสมรรถนะ การบรรทุกและความประหยัดอีกด้วย
มร. คาร์ไลส์ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “รถยนต์ที่ใช้ไฟฟ้าทั้งคัน เช่น เชฟโรเลต โวลต์ ที่เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อไม่นานมานี้ หรือรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฮโดรเจนอย่าง เชฟโรเลต อีควิน็อกซ์ รวมถึง ยานยนต์พลังงานทางเลือกที่สามารถใช้เชื้อเพลิงเอธานอล และไบโอดีเซล แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเชฟโรเลตในการพัฒนาและแนะนำรถยนต์แห่งศตวรรษใหม่ให้โลกได้รู้จัก ในประเทศไทย เรารอโอกาสที่จะได้ร่วมงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องในการริเริ่มสิ่งใหม่ๆ รวมทั้งการกระตุ้นการเพิ่มปริมาณการใช้ก๊าซธรรมชาติและเอธานอลเพื่อเป็นเชื้อเพลิงทดแทนในรถยนต์อีกด้วย”
เชฟโรเลต เปิดตัว เชฟโรเลต แคปติวา รถเอนกประสงค์เอสยูวี สุดล้ำสมัย ภายใต้แนวคิด “Progressive SUV” ในเดือนเมษายน ปี 2550 ด้วยห้องโดยสารที่กว้างขวาง สะดวกสบาย มีพื้นที่ใช้สอยบรรทุกสัมภาวะได้หลากหลายรูปแบบ และเครื่องยนต์หลายรุ่น ทั้งเบนซิน และดีเซลให้เลือกใช้ ทำให้ปัจจุบัน แคปติวา ครองอันดับต้นๆ ในฐานะรถเอนกประสงค์สำหรับผู้ขับขี่ทุกคน ที่ได้รับความนิยมทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก