เทศกาลปีใหม่ 2552 : ไทยเที่ยวไทย..สร้างเม็ดเงินสะพัด 1.46 หมื่นล้านบาท

ตลาดคนไทยเที่ยวในประเทศซึ่งมีแนวโน้มถดถอยลงในช่วงปี 2551 ที่ผ่านมา เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบหลายประการ เริ่มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างเด่นชัดในช่วงเดือนธันวาคม ทั้งนี้เพราะได้แรงหนุนสำคัญจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงมาตามลำดับ โดยราคาเฉลี่ยน้ำมันในช่วงเดือนธันวาคม 2551 ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าประมาณร้อยละ 30 และการที่มีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศ ซึ่งจะได้เร่งดำเนินการแก้ไขภาพลักษณ์ด้านความสงบและความปลอดภัยภายในประเทศ เพื่อเรียกความเชื่อมั่นในการเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยจากนักท่องเที่ยวต่างชาติให้กลับคืนมาโดยเร็ว เมื่อประกอบกับมีวันหยุดติดต่อกัน 5 วันในช่วงปีใหม่ คือ ระหว่างวันที่ 31 ธันวาคม 2551 – 4 มกราคม 2552 ล้วนเกื้อหนุนการขยายตัวของตลาดคนไทยเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ

บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด จึงคาดการณ์ว่า จะมีนักท่องเที่ยวคนไทยเดินทางท่องเที่ยวในประเทศช่วงวันหยุดปีใหม่รวมทั้งสิ้นไม่ต่ำกว่า 2.6 ล้านคนเพิ่มขึ้นร้อยละ 8 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า (“การเดินทางท่องเที่ยว” ในรายงานนี้เป็นการเดินทางไปยังสถานที่ซึ่งไม่ใช่ที่อยู่ปกติ และไม่รวมการเดินทางไปยังที่อยู่ในภูมิลำเนาของบุคคลนั้นๆ ตามคำจำกัดความ “การเดินทางของนักท่องเที่ยว” ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย)

หลายปัจจัยเกื้อหนุน : กระตุ้นจำนวนคนไทยเที่ยวไทยช่วงปีใหม่…เพิ่มขึ้น 8%
ตลาดคนไทยเที่ยวในประเทศ ซึ่งมีแนวโน้มชะลอการเติบโตลงในช่วงเกือบตลอดทั้งปี 2551 ที่ผ่านมา เริ่มมีแนวโน้มคึกคักขึ้นอย่างเด่นชัดในช่วงเดือนธันวาคม หลังจากเหตุการณ์ปิดล้อมสนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมืองคลี่คลายสู่ภาวะปกติในช่วงต้นเดือนธันวาคม ทั้งนี้เนื่องจากมีหลายปัจจัยสำคัญที่ช่วยเกื้อหนุนตลาดนักท่องเที่ยวคนไทยเดินทางท่องเที่ยวในประเทศให้ขยายตัวอย่างเด่นชัดโดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2552 ซึ่งสรุปได้ดังนี้

– ราคาน้ำมันที่ลดลงเฉลี่ยร้อยละ 30 ในช่วงเดือนธันวาคม 2551 โดยเฉพาะราคาน้ำมันดีเซลซึ่งอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปี 6 เดือน ส่งผลกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวคนไทยนิยมเดินทางท่องเที่ยวกันเองด้วยรถยนต์ส่วนตัวกันมากขึ้น

– มาตรการของภาครัฐที่อำนวยความสะดวกแก่ผู้เดินทางในช่วงปีใหม่ ทั้งการเพิ่มความถี่การเดินรถของรถไฟและรถบขส. รวมทั้งการเพิ่มเที่ยวบินของสายการบินต่างๆ นอกจากนี้ รถบขส.ยังลดค่าโดยสารลง 50%ระหว่างวันที่ 26-28 ธันวาคม 2551 และยกเว้นการเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางด่วนมอเตอร์เวย์ในช่วงระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2551-6 มกราคม 2552

– ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติของไทยที่ถดถอยลงในช่วงครึ่งปีหลัง จากปัญหาเศรษฐกิจและสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศจากเหตุการณ์ชุมนุมที่ทวีความรุนแรงจนถึงขั้นปิดล้อมสนามบิน ส่งผลให้ค่าบริการด้านการท่องเที่ยวปรับตัวลดลง โดยเฉพาะโรงแรมตามเมืองท่องเที่ยวสำคัญ ที่ส่วนใหญ่ต่างมีอัตราการเข้าพักเต็มในช่วงพฤศจิกายนต่อเนื่องไปถึงเดือนมีนาคมของทุกปี แต่ปัจจุบันกลับว่างเนื่องจากอัตราการเข้าพักลดลง และโรงแรมหลายแห่งลดอัตราค่าห้องพักลงและจัดรายการส่งเสริมการขาย เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว

– ทั้งหน่วยงานภาครัฐและธุรกิจเอกชนด้านการท่องเที่ยวร่วมมือกันจัดกิจกรรมส่งเสริมตลาดนักท่องเที่ยวคนไทย เพื่อทดแทนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่หายไปในช่วงฤดูท่องเที่ยว โดยเฉพาะในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ด้วยการจัดงานเคาต์ดาวน์อย่างยิ่งใหญ่ 10 แห่งในกรุงเทพฯ และการจัดงานเทศกาลปีใหม่ในเมืองท่องเที่ยวสำคัญหลายแห่งทั่วประเทศ อาทิ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีการจัด “งานเคาต์ดาวน์รับตะวันใหม่ก่อนใครใน สยาม” ที่จังหวัดอุบลราชธานี และ”งานเคาต์ดาวน์สองฝั่งโขงสามแผ่นดิน” ที่ จังหวัดมุกดาหาร
ภาคใต้มีการจัด “งานสีสันความสุขปีใหม่ภูเก็ต 2552” ที่จังหวัดภูเก็ต และ “งาน 4 Night Hadyai Countdown 2009” ที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัด สงขลา
ภาคตะวันออกมีการจัด “งานเทศกาลปีใหม่เมืองพัทยา” ที่พัทยา จังหวัด ชลบุรี
ภาคกลางมีการจัด “งานเมื่อดอกไม้บาน ณ อุทยานเทวโลก เมืองโบราณ” ณ เมืองโบราณ จังหวัดสมุทรปราการ และ”งานมนต์รัก..สวนสามพราน” ณ โรงแรม โรสการ์เด้นท์ สวนสามพราน จังหวัดนครปฐม
ภาคเหนือมีการจัด “งานเทศกาลเชียงรายดอกไม้งาม” “งานแสดงพลุดอกไม้ ไฟ” และ”การแข่งขันแม่น้ำโขงไตรกีฬานานาชาติ” ที่จังหวัดเชียงราย ส่วนจังหวัด เชียงใหม่จัด “งานดอกทิวลิปบานที่ไชยปราการ”

– การที่ครม.มีมติให้ประกาศวันหยุดปีใหม่ต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม – 2 มกราคม 2552 เมื่อรวมกันวันหยุดสุดสัปดาห์ในวันที่ 3 และ 4 มกราคม 2552 จึงมีวันหยุดต่อเนื่องยาวถึง 5 วัน ซึ่งเอื้ออำนวยต่อการเดินทางไปท่องเที่ยวค้างคืนตามต่างจังหวัด

บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด จึงคาดการณ์ว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ซึ่งมีวันหยุดติดต่อกัน 5 วัน มีแนวโน้มที่จะมีนักท่องเที่ยวคนไทยเดินทางท่องเที่ยวในประเทศรวมทั้งสิ้นประมาณ 2.6 ล้านคนเพิ่มขึ้นร้อยละ 8 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

เทศกาลปีใหม่…ไทยเที่ยวไทยคึกคัก : สร้างเม็ดเงินรายได้ท่องเที่ยวสะพัดเพิ่มขึ้นร้อยละ 4
ตลาดนักท่องเที่ยวคนไทยเดินทางท่องเที่ยวในประเทศที่ซบเซาลงในช่วงที่ผ่านมาของปี 2551 มีแนวโน้มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างเด่นชัดในช่วงปลายปี 2551 เนื่องจากได้รับแรงเกื้อหนุนจากปัจจัยสำคัญๆหลายประการดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่ซึ่งมีวันหยุดราชการติดต่อกัน 5 วัน โดยสถาบันการเงินซึ่งไม่เคยมีวันหยุดติดต่อกันเกิน 4 วันก็ได้หยุดติดต่อกันรวม 5 วันเช่นเดียวกับหน่วยราชการและรัฐวิสาหกิจ ทำให้คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวคนไทยเดินทางท่องเที่ยวในประเทศรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 2.6 ล้านคนเพิ่มขึ้นร้อยละ 8 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

โดยส่วนใหญ่ คือ ประมาณร้อยละ 58 ของจำนวนนักท่องเที่ยวคนไทยที่เดินทางท่องเที่ยวในประเทศช่วงเทศกาลปีใหม่ หรือคิดเป็นจำนวนรวมทั้งสิ้นประมาณ 1.5 ล้านคน เป็นนักท่องเที่ยวคนไทยที่เดินทางไปเที่ยวค้างคืนตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆทั่วทุกภาคของไทย มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นร้อยละ 7 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

นักท่องเที่ยวที่เหลืออีกประมาณร้อยละ 42 หรือคิดเป็นจำนวนรวมทั้งสิ้นประมาณ 1.1 ล้านคนเป็นนักท่องเที่ยวคนไทยที่เดินทางท่องเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆในลักษณะเช้าไปเย็นกลับ หรือที่นิยมเรียกกันว่า นักทัศนาจร มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

แม้ว่าโดยรวมแล้วคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวคนไทยเดินทางท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2550 โดยเพิ่มขึ้นทั้งนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเที่ยวค้างคืนตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆและนักท่องเที่ยวที่เดินทางท่องเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับ แต่เมื่อพิจารณาในด้านการใช้จ่ายในการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศช่วงเทศกาลปีใหม่แล้วพบว่า ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อการเดินทางแบบค้างคืนแต่ละครั้งในช่วงเทศกาลปีใหม่ปีนี้จะมีแนวโน้มลดลงประมาณร้อยละ 3 เช่นเดียวกับค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อการเดินทางแบบทัศนาจรแต่ละครั้งที่มีแนวโน้มลดลงประมาณร้อยละ 12 จากปีที่ผ่านมา ค่าใช้จ่ายที่ลดลงส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายในด้านการเดินทาง ซึ่งเป็นผลจากราคาน้ำมันที่ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2550 ถึงร้อยละ 30

นอกจากนี้ ยังมีค่าใช้จ่ายในด้านที่พักแรมที่มีแนวโน้มลดลงตามอัตราค่าห้องพัก ซึ่งเป็นผลจากอัตราการเข้าพักของโรงแรมและรีสอร์ตตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆที่ลดลงต่างจากทุกๆปีที่ผ่านมา ทั้งนี้เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวคนไทย ทดแทนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาเที่ยวประเทศไทยลดลงหลังจากเกิดเหตุการณ์ปิดล้อมสนามบินสุวรรณภูมิ ประกอบกับกระแสนิยมการท่องเที่ยวโดยพักแรมท่ามกลางธรรมชาติตามอุทยานแห่งชาติหรือรีสอร์ตตลอดจนที่พักในรูปแบบโฮมสเตย์ และการเลือกพักตามโรงแรมหรือรีสอร์ตระดับ 2-3 ดาวและโรงแรมต้นทุนต่ำที่กำลังมาแรง สอดรับกับภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยลงทั่วโลกในปัจจุบัน

ค่าใช้จ่ายด้านการจับจ่ายซื้อสินค้าของที่ระลึกนักท่องเที่ยว ซึ่งรวมทั้งสินค้าพื้นเมืองของแต่ละท้องถิ่น นับเป็นค่าใช้จ่ายที่มีการปรับลดอย่างมาก ทั้งนี้เป็นผลจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวคนไทยในปัจจุบัน ที่หลีกเลี่ยงการท่องเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวในเมืองที่ค่อนข้างแออัด และเต็มไปด้วยแหล่งจับจ่ายซื้อสินค้าประเภทต่างๆ และหันไปท่องเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติกันมากขึ้น รวมทั้งลดการใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าประเภทต่างๆตามแหล่งท่องเที่ยวลง

จากแนวโน้มการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวคนไทยในช่วงเทศกาลปีใหม่ปีนี้ ขณะที่การใช้จ่ายต่อการเดินทางท่องเที่ยวแต่ละครั้งที่มีแนวโน้มลดลง ทั้งการเดินทางท่องเที่ยวแบบค้างคืนและการเดินทางท่องเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับ ส่งผลให้การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวคนไทยที่เดินทางท่องเที่ยวในประเทศช่วงเทศกาลปีใหม่ปีนี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วแม้ในอัตราไม่สูงนักก็ตาม

บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด จึงคาดการณ์ว่า การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวคนไทยจำนวนประมาณ 2.6 ล้านคนที่เดินทางท่องเที่ยวในประเทศช่วงเทศกาลปีใหม่ปีนี้ มีแนวโน้มก่อให้เกิดเม็ดเงินรายได้ด้านการท่องเที่ยวสะพัดสู่ธุรกิจสำคัญๆคิดเป็นมูลค่าประมาณ 14,600 ล้านบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ 4 จากช่วงเดียวกันของปี 2550

หลากธุรกิจรับทรัพย์จากนักท่องเที่ยวคนไทยช่วงเทศกาลปีใหม่
แม้ว่าในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวปีนี้ (พฤศจิกายน 2551 – มีนาคม 2552) หรือที่นิยมเรียกกันว่า ช่วงไฮซีซั่น ธุรกิจบริการด้านการท่องเที่ยวตามเมืองท่องเที่ยวสำคัญๆของไทยจะมีแนวโน้มสูญเสียรายได้คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 80,000 ล้านบาทจากนักท่องเที่ยวต่างชาติก็ตาม แต่ด้วยหลายปัจจัยที่เกื้อหนุนทำให้คาดว่าในช่วงเทศกาลปีใหม่ปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวคนไทยเดินทางท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 8 เป็นประมาณ 2.6 ล้านคน ซึ่งสามารถช่วยชดเชยนักท่องเที่ยวต่างชาติที่หายไปจำนวนมากหลังเกิดเหตุการณ์ปิดล้อมสนามบินสุวรรณภูมิได้ในระดับหนึ่ง โดยสามารถสร้างรายได้ด้านการท่องเที่ยวสะพัดสู่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องคิดเป็นมูลค่าประมาณ 14,600 ล้านบาท ดังนี้

ร้อยละ 28 หรือคิดเป็นเม็ดเงินมูลค่าประมาณ 4,100 ล้านบาทมีแนวโน้มสะพัดสู่ ธุรกิจด้านที่พักแรม โดยเฉพาะโรงแรมและรีสอร์ตระดับ 2-3 ดาว รวมทั้งโรงแรมและรีสอร์ตต้นทุนต่ำที่กำลังขยายตัวเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติ ที่มีแนวโน้มท่องเที่ยวแบบประหยัดกันมากขึ้น

ร้อยละ 19 หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 2,800 ล้านบาทมีแนวโน้มสะพัดสู่ ธุรกิจภัตตาคารและร้านอาหารประเภทต่างๆ ทั้งที่อยู่ภายในโรงแรมและร้านอาหารทั่วๆไปตามแหล่งท่องเที่ยว รวมทั้งร้านจำหน่ายเครื่องดื่มต่างๆ

ร้อยละ 14 หรือคิดเป็นเม็ดเงินมูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาทมีแนวโน้มสะพัดสู่ ธุรกิจจำหน่ายสินค้าของที่ระลึกนักท่องเที่ยว ซึ่งรวมทั้งสินค้าประเภทอาหารพื้นเมืองตามท้องถิ่นต่างๆ

ร้อยละ 14 หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาทมีแนวโน้มสะพัดสู่ ธุรกิจด้านคมนาคมขนส่ง ทั้งธุรกิจการบิน รถไฟ รถบขส.และรถเช่า

ร้อยละ 12 หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,800 ล้านบาทมีแนวโน้มสะพัดสู่ ธุรกิจด้านบันเทิง รวมทั้งบริการสปา และกีฬาประเภทต่างๆ

– ร้อยละ 8 หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,200 ล้านบาทมีแนวโน้มสะพัดสู่ ธุรกิจบริการนำเที่ยวในประเทศ รวมทั้งมัคคุเทศก์

สรุป
หลังสถานการณ์ความไม่สงบภายในประเทศคลี่คลายสู่ภาวะปกติเมื่อกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยยอมคืนพื้นที่สนามบินดอนเมืองและสนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้สามารถให้บริการได้ตามปกติในช่วงวันที่ 4 และ 5 ธันวาคม 2551 ตามลำดับ ประกอบกับปัจจัยเกื้อหนุนหลายประการ โดยเฉพาะราคาน้ำมันที่ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าถึงร้อยละ 30 ส่งผลให้ตลาดนักท่องเที่ยวคนไทยเดินทางท่องเที่ยวในประเทศมีแนวโน้มขยายตัวร้อยละ 8 ขณะที่การใช้จ่ายในการเดินทางท่องเที่ยวแต่ละครั้งมีแนวโน้มลดลงทั้งการเดินทางท่องเที่ยวแบบค้างคืน และการเดินทางท่องเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับ แต่โดยรวมแล้วเม็ดเงินรายได้จากนักท่องเที่ยวคนไทยที่เดินทางท่องเที่ยวในประเทศในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นแม้ในอัตราไม่สูงนัก คือ ร้อยละ 4 โดยมีมูลค่ารวมทั้งสิ้นประมาณ 14,600 ล้านบาท ในจำนวนนี้ส่วนใหญ่เป็นรายได้ที่สะพัดสู่ธุรกิจด้านที่พัก ทั้งโรงแรมและรีสอร์ตตามแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในช่วงปีใหม่ อาทิ

แหล่งท่องเที่ยวชายทะเล ทั้งแถบอันดามัน (ภูเก็ต กระบี่ และพังงา) แถบฝั่งอ่าวไทย (สมุย ชุมพร และประจวบคีรีขันธ์) และชายฝั่งทะเลแถบตะวันออก (พัทยา บางแสน และตราด)

แหล่งท่องเที่ยวตามยอดภูและยอดดอยในภาคเหนือ (เชียงใหม่ เชียงราย และแม่ฮ่องสอน)และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (เลย ขอนแก่น เพชรบูรณ์ และนครราชสีมา)โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดนครราชสีมา (มวกเหล็ก และปากช่อง) และเพชรบูรณ์ (เขาค้อ) กำลังได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวคนไทยอย่างมาก เนื่องจากอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯมากนัก แต่อากาศหนาวเย็นไม่แพ้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน

แหล่งท่องเที่ยวตามอุทยานแห่งชาติ ซึ่งปีนี้แต่ละแห่งมีการบริหารจัดการพื้นที่ให้บริการกางเต็นท์ที่พักแรมเพิ่มขึ้น ทำให้สามารถรองรับความต้องการของนักท่องเที่ยวได้เพิ่มขึ้นอีกเกือบเท่าตัว อาทิ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ และอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม

รีสอร์ตขนาดเล็กที่มีอัตราค่าห้องพักไม่สูง ซึ่งมีแนวโน้มขยายตัวรองรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไปท่องเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวที่ให้บริการที่พักในรูปโฮมสเตย์ อาทิ อำเภอวังน้ำเขียว