“ทีโอเอ-ไอเอสเอ็ม” คว้า “เพรสต้า” เสริมทัพสีพ่นซ่อมรถยนต์ มั่นใจสิ้นปีทะลุยอดขาย 140 ล้าน

ณัฏฐวุฒิ ตั้งคารวคุณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีโอเอ-ไอเอสเอ็ม ออโต้รีฟินนิช เพ้นท์ เปิดเผยว่าปัจจุบันกลุ่มบริษัททีโอเอดำเนินกิจการครอบคลุมกลุ่มธุรกิจชั้นนำทั้งภายในประเทศและต่างประเทศถึง 4 สายงานธุรกิจ ได้แก่ กลุ่มธุรกิจสี (Paint industry) กลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์ (Chemical industry) กลุ่มธุรกิจปิโตรเคมี (Petrochemical industry) และกลุ่มธุรกิจยานยนต์ (Automotive industry)

ทั้งนี้กลุ่มธุรกิจยานยนต์ประกอบไปด้วย บริษัท ทีโอเอ-แซนเกียว อินดัสตรีส์ จำกัด (TOA-Sankyo Industries) ผลิตจำหน่ายกระดาษทรายน้ำสำหรับรถยนต์ บริษัท ทีโอเอ-ชินโต (ไทยแลนด์) จำกัด (TOA-Shinto Thailand) ผลิตและจำหน่ายสีชุบกันสนิมรถยนต์/สีชุบด้วยประจุไฟฟ้า (Electrodeposited Paint ) ส่งออกให้ลูกค้าสำคัญ เช่น โตโยต้า, นิสสัน, มาสด้า, อีซูซุ, มิตซูบิชิ, กลุ่มไทยซัมมิท และตลาดต่างประเทศ บริษัท ซีคิวริท เซนต์โกเบน ทีโอเอ จำกัด (Sekurit Saint-Gobain TOA) ผลิตกระจกนิรภัยสำหรับรถยนต์ (Tempered Glass, Laminated Glass) รายใหญ่ที่สุดในยุโรป และเป็นอันดับ 2 ของโลก บริษัท ทาคาตะ-ทีโอเอ จำกัด (Takata-TOA) บริษัทอันดับหนึ่งของญี่ปุ่นและหนึ่งในสามบริษัทชั้นนำด้านการผลิตเข็มขัดและ ถุงลมนิรภัยของโลก สุดท้ายคือ บริษัท ทีโอเอ-ไอเอสเอ็ม ออโต้รีฟินนิช เพ้นท์ จำกัด (TOA-ISM Auto Refinish Paint) ผู้ผลิตและจำหน่ายสีพ่นซ่อมรถยนต์เกรดสูงจากญี่ปุ่น

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2550 บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้เซ็นสัญญาร่วมทุนกับบริษัท อิซามุ เพ้นท์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายสีพ่นซ่อมรถยนต์ชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น ภายใต้แบรนด์ “ทีโอเอ เมทริกซ์” (TOA MATRIX) เพื่อเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายในประเทศและส่งออกต่างประเทศ หลังจากศึกษาตลาดมาได้ระยะหนึ่งประกอบกับความพร้อมที่ต้องการเสริมไลน์กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ต้องใช้ควบคู่ในงานสีพ่นซ่อมรถยนต์ให้ครบทั้งระบบ จึงได้เจรจากับทางบริษัท มัลโก้ โปรดักท์ส อิงค์ (Malco Products Inc.) ผู้ผลิตแบรนด์ “เพรสต้า” (Presta) กลุ่มผลิตภัณฑ์ขัดสี-เคลือบเงารถยนต์ชั้นนำจากสหรัฐอเมริกา เพื่อลงนามเซ็นสัญญาแต่งตั้งให้บริษัทเป็นผู้แทนจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ส่งผลให้ธุรกิจรถยนต์ของกลุ่มบริษัททีโอเอมีผลิตภัณฑ์สนองตอบต่อความต้องการของกลุ่มลูกค้าได้อย่างครบครัน ซึ่งทำให้จุดแข็งนี้เป็นจุดต่างที่ทำให้เราได้เปรียบกว่าบริษัทสีข้ามชาติจากต่างประเทศ ที่ไม่มีมีผลิตภัณฑ์ครบทั้งโซลูชั่น

มร.สจ๊วต เกลอเบอร์แมน ประธาน บริษัท มัลโก้ โปรดักท์ส อิงค์ กล่าวต่อว่า จากเกียรติยศและความสำเร็จในฐานะผู้นำด้านการส่งออกผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์ทำความสะอาดรถยนต์จนกลายเป็นธุรกิจหลักของบริษัทแล้ว ในปีนี้ยังรุกการส่งออกไปยังตลาดในยุโรปและเอเชียอีกด้วย ดังจะเห็นได้จากตัวเลขอัตราการส่งออกของบริษัทที่สูงขึ้น 15% เนื่องจากบริษัทมองว่าเศรษฐกิจเอเชียยังคงได้รับผลกระทบจากการลงทุนในตลาดซับไพรม์น้อยกว่าสหรัฐอเมริกาและยุโรป อีกทั้งพื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังเข้มแข็งไม่แพ้ประเทศอื่นในเอเชีย แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากความไม่สงบทางการเมือง และเศรษฐกิจโลกไปอีกระยะ อย่างไรก็ตามประเทศไทยยังมีโอกาสเติบโตในธุรกิจสีพ่นซ่อมรถยนต์อยู่ เนื่องจากราคาซื้อรถใหม่ป้ายแดงแพงกว่าค่าซ่อมสีถึงหลายเท่า

สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ขัดสี-เคลือบเงารถยนต์ “เพรสต้า” ที่เปิดตัวในประเทศไทย จะเน้นทำตลาดไปยังผู้บริโภค กลุ่มโปรเฟสชันนอล อาทิ ตลาดอู่พ่นซ่อมสีรถยนต์, ศูนย์บริการมาตรฐานซ่อมตัวถัง-สีรถยนต์ ซึ่งประกอบไปด้วย เพรสต้า สตราต้า อัลตร้า คัตติ้ง ครีม (Strata Ultra Cutting Creme) ครีมขัดหยาบ, เพรสต้า โครม่า 1500 โพลิซ (Chroma1500 Polish) ครีมขัดลบเส้นสำหรับสีรถยนต์โทนอ่อน, เพรสต้า โครม่า สเวิร์ล รีมูฟเวอร์ (Chroma Swirl Remover) ครีมขัดลบเส้น สำหรับสีรถยนต์โทนเข้ม, เพรสต้า ออโรร่า 3000 เกลซ (Aurora 3000 Glaze) ครีมเคลือบเงา, เพรสต้า สคัฟ สทัฟ (Scuff Stuff) ยาขัดอเนกประสงค์ และหัวขัดประเภทต่างๆ สำหรับสองผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้าทั่วไปสามารถซื้อไปใช้งานได้เองที่บ้านคือ เพรสต้า ฟาสท์ แว็กซ์ (Fast Wax) ครีมเคลือบเงาที่ช่วยทำให้ฟิลม์สีรถยนต์เงางาม และเพรสต้า สเปรย์ เอ็น ไชน์ (Spray ‘N Shine) น้ำยาสเปรย์เคลือบเงาขจัดฝุ่น และคราบไขมัน สุดท้ายคือ ผลิตภัณฑ์ไฮไลท์ที่นำเข้ามาเป็นรายแรกของเมืองไทย เพรสต้า เฮดไล้ท์ เรสโตเรชั่น ครีม (PRESTA HEADLIGHT RESTORATION CR?ME) ที่มีประสิทธิภาพทำความสะอาดกระจกไฟหน้ารถที่ซีดเหลือง ให้กลับสดใสเงางามได้ภายในเวลาไม่กี่นาที

ณัฏฐวุฒิ ตั้งคารวคุณ กล่าวเสริมว่า แผนการทำตลาด “เพรสต้า” ซึ่งเป็นสินค้าเกรดพรีเมี่ยมนั้น จะเน้นสร้างฐานลูกค้าใหม่ โดยเจาะกลุ่มไปที่อู่ซ่อมรถยนต์ขนาดเล็ก-ขนาดใหญ่ทั่วประเทศกว่า 18,000 แห่ง แบ่งเป็น อู่ระดับบน 1,800 แห่ง อู่ระดับกลาง 3,600 แห่ง อู่ระดับล่าง 12,600 แห่ง ซึ่งคาดว่าปลายปีทีโอเอจะมีฐานลูกค้าอู่พ่นสีกว่า 1,710 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งตั้งงบการตลาดไว้ที่ 30 ล้านบาท มุ่งเดินหน้าทำโลคอลมาร์เก็ตติ้ง แคมเปญ ผ่านการทำอีเว้นท์เป็นหลัก อาทิ นำรถโมบายออกโรดโชว์ผลิตภัณฑ์ตามภูมิภาคต่างๆ, เปิดตัวนวัตกรรมเวอร์ธั่ว เพ้นท์ ( Virtual Paint) โปรแกรมอัจฉริยะจำลองการพ่นสีเสมือนจริงกับช่างสีรถยนต์จากอู่ต่างๆ ทั่วประเทศ, เปิดศูนย์การอบรม เทรนนิ่ง เซ็นเตอร์ ที่โรงงานบางนา-ตราด ตลอดจนออกงานมอเตอร์เอ็กซ์โป หรือเอ็กซิบิชั่นที่เกี่ยวกับรถยนต์ เป็นต้น

ในปีที่ผ่านมาบริษัทมีกำลังการผลิตกว่า 740 ตันต่อปี ซึ่งในปีนี้ได้อัดฉีดเม็ดเงินสร้างเทรนนิ่ง เซ็นเตอร์ เป็นเงินกว่า 70 ล้านบาท และลงทุนต่อเนื่องเพิ่มอีก 30 ล้านบาท เพื่อนำเข้าเครื่องจักร และเทคโนโลยีในการผลิตแม่สีพ่นรถยนต์ขั้นสูงจากประเทศญี่ปุ่น โดยล่าสุดได้นำเข้าเทคโนโลยีการพ่นสีเสมือนจริง (Virtual Paint) จากยูนิเวอร์ซิตี้ ออฟ นอร์ทเทิร์น ไอโอว่า (University of Northern Iowa) เข้ามาเป็นรายแรกในประเทศไทย โดยได้เปิดตัวกับสมาคมสหมิตรการซ่อมรถยนต์แห่งประเทศไทย และสมาคมอู่กลางกรมการประกันภัย นอกจากช่างพ่นสีมือใหม่จะได้เรียนรู้วิธีการพ่นสีที่ถูกต้องตั้งแต่การจับปืนพ่นสี ระยะห่างในการพ่นสี รวมถึงน้ำหนักมือก่อนการพ่นซ่อมสีรถยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ระบบนี้ยังช่วยลดการใช้สีในการฝึกสอนได้ถึง 5 เท่า จึงเหมาะกับเศรษฐกิจในปัจจุบันที่เจ้าของอู่ต้องรัดเข็มขัดต้นทุนในการใช้สีจริง

ปัจจุบันมูลค่าตลาดสีรถยนต์ประมาณ 10,500 ล้านบาท แบ่งเป็น ตลาดสีพ่นซ่อมรถยนต์ 3,700 ล้านบาท ซึ่งผู้นำตลาด 5 อันดับแรกเป็นค่ายสีต่างประเทศ โดยอันดับ 1 มีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 25% ในขณะที่ปัจจุบันบริษัท มีส่วนแบ่งเพียง 2% การตั้งเป้ายอดขายในปีนี้ อาจดูสวนกระแสตลาดเพราะเมื่อเปรียบเทียบกับสถานการณ์ในปัจจุบันพบว่าตลาดรถยนต์มีแนวโน้มหดตัว แต่บริษัทมองว่าเป้าหมายที่ได้วางนั้นไม่น่าจะพลาดจากเป้า หากมองในทางกลับกันอาจส่งผลให้อัตราผู้ใช้รถต้องรักษาสภาพรถที่มีอยู่แล้วมากขึ้น ใช้รถคันเดิมนานขึ้น ทำให้วิกฤติดังกล่าว อาจเป็นโอกาสให้ตลาดสีพ่นซ่อมรถยนต์ขยายตัวตามไปด้วย

สำหรับผลิตภัณฑ์ “เพรสต้า” สิ้นปีน่าจะปิดยอดขายที่ 30-50 ล้านบาท มีมาร์เก็ตแชร์ 3-5% ในขณะที่สีพ่นซ่อมรถยนต์ “ทีโอเอ เมทริกซ์” จะวางจำหน่ายครอบคลุมร้านค้าทั่วประเทศ ผ่านดีลเลอร์จำนวน 90 ราย ซึ่งในปีที่ผ่านมาปิดยอดขายที่ 104 ล้านบาท และคาดว่าปี 2552 บริษัทจะทำยอดขายรวมได้ 140 ล้านบาท หรือคิดเป็น 4% มีกำลังการผลิตเพิ่มจากเดิมเป็น 1000 ตัน/กะ/ปี โดยจะเน้นผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ เพราะรถยนต์ญี่ปุ่นยังเป็นตลาดใหญ่ที่สุดในเมืองไทย และกำลังก้าวมาเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ในขณะที่จะมีรายได้จากการส่งออก 20 ล้านบาท ไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาว กัมพูชา เวียดนาม พม่า อย่างไรก็ตามบริษัทตั้งเป้าหมายที่จะเป็น 1 ใน 5 ของผู้นำตลาดสีพ่นซ่อมรถยนต์ภายใน 5 ปี นายณัฏฐวุฒิ กล่าวสรุป