สายการบินเอมิเรตส์ เปิดเผยแผนการเพิ่มเที่ยวบินภายในเครือข่ายการให้บริการอีก 14 เปอร์เซ็นต์ในปี 2552 ซึ่งส่งผลให้มีพื้นที่สำหรับการขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้นอีก 17 เปอร์เซ็นต์
ภายในอีก 12 เดือนข้างหน้า เอมิเรตส์ สกายคาร์โก้จะได้รับมอบเครื่องบินขนส่งสินค้าโบอิ้ง 777 ใหม่ จำนวน 2 ลำ ซึ่งเป็นเครื่องบินที่มีเพียงสองเครื่องยนต์ (Twin Engine) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยสามารถบรรทุกสินค้าได้มากถึง 103 ตัน นอกจากนั้น เครื่องบินพาณิชย์แบบลำตัวกว้างจำนวน 18 ลำที่เอมิเรตส์จะได้รับการส่งมอบในปีนี้ จะช่วยเพิ่มความถี่ และพื้นที่ในการขนส่งสินค้าได้ในหลายเส้นทางที่ให้บริการในปัจจุบันของเอมิเรตส์ สกายคาร์โก้
ปัจจุบันฝูงบินเอมิเรตส์ ประกอบด้วยเครื่องบินพาณิชย์ลำตัวกว้างจำนวน 129 ลำและเครื่องบินขนส่งสินค้าอีก 8 ลำ ซึ่งภายในปีงบประมาณ 2551-2552 นี้ (สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2552) ฝูงบินจะเพิ่มขึ้นเป็น 132 ลำ ซึ่งรวมถึงเครื่องบินขนส่งสินค้าโบอิ้ง 777 จำนวน 1 ลำ และจะได้รับการส่งมอบเครื่องบินโบอิ้ง 777 อีกหนึ่งลำในปีงบประมาณ 2552-2553
ราม เมเนน รองประธานอาวุโสฝ่ายบริการขนส่งสินค้าของสายการบินเอมิเรตส์ กล่าวว่า “ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานับเป็นปีที่ยากสำหรับธุรกิจการขนส่งทางอากาศ แต่อย่างไรก็ตามเราหวังว่าจะได้เห็นความมั่นคงในธุรกิจกลับคืนมาเร็วๆ นี้ สำหรับทางเอมิเรตส์ สกายคาร์โก้ ปี 2552 นี้ถือเป็นปีแห่งการผนึกกำลังในการให้บริการของเราอย่างแท้จริง ซึ่งเราจะให้การสนับสนุนตลาดที่มีความต้องการสูงอย่างในประเทศจีน และทวีปแอฟริกา”
เมื่อไม่นานมานี้เอมิเรตส์ สกายคาร์โก้เปิดให้บริการขนส่งสินค้าสู่ลากอส 1 เที่ยวบินต่อสัปดาห์โดยเครื่องบินขนส่งโบอิ้ง 747-400 และเพิ่มเที่ยวบินสำหรับผู้โดยสารไปยังเมืองหลวงของไนจีเรียจาก 1 เป็น 2 เที่ยวบินต่อวัน พร้อมพื้นที่สำหรับการขนส่งสินค้าใต้ท้องเครื่องบิน 18 ตัน ซึ่งเริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
นอกจากนี้เอมิเรตส์ สกายคาร์โก้ยังเตรียมเปิดให้บริการเส้นทางจากดูไบ-เมืองเดอร์บัน แอฟริกาใต้ ในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ ซึ่งจะให้บริการด้วยเครื่องบินแอร์บัส 330-200 ที่สามารถขนส่งสินค้าได้สูงสุดถึง 14 ตันสู่เมืองท่าเรือของทวีปแอฟริกาแห่งนี้
เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เอมิเรตส์ สกายคาร์โก้ได้ขยายพื้นที่การขนส่งสินค้าจากศูนย์กลางการบินที่ดูไบสู่อินเดีย ด้วยความสามารถบรรทุกมากกว่า 2,500 ตันต่อสัปดาห์ และเมื่อเอมิเรตส์ สกายคาร์โก้ได้รับมอบเครื่องบินขนส่งสินค้าลำใหม่ กำลังการขนส่งสินค้าต่อสัปดาห์ไปสู่จุดหมายปลายทางต่าง ๆ จะเพิ่มขึ้นดังนี้ คือ ยุโรป 10 เปอร์เซ็นต์ ออสเตรเลีย 4 เปอร์เซ็นต์ ตะวักออกกลาง 17 เปอร์เซ็นต์ แอฟริกา 15 เปอร์เซ็นต์ และอเมริกาจะเพิ่มขึ้นอีก 8 เปอร์เซ็นต์เมื่อเที่ยวบินไปยังลอสแองเจลิสและซานฟราสซิสโกได้รับการปรับเพิ่มความถี่เป็น 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคมนี้
ในภาพรวม พื้นที่สำหรับการขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้นจะส่งผลให้เอมิเรตส์ สกายคาร์โก้มีพื้นที่เพิ่มขึ้นสำหรับสินค้าอีกกว่า 700 ตันจากพื้นที่ในปัจจุบัน
เอมิเรตส์ สกายคาร์โก้ ให้บริการในเครือข่ายทั่วโลกครอบคลุม 101 จุดหมายปลายทางใน 61 ประเทศจาก 6 ทวีปทั่วโลก โดยในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2551 ฝ่ายขนส่งสินค้าได้ย้ายที่ทำการไปยัง “คาร์โก้ เมกะ เทอร์มินอล” (Cargo Mega Terminal) คลังสินค้าที่มีระบบการจัดการอย่างเต็มรูปแบบบนพื้นที่สำหรับการปฏิบัติการ 43,000 ตารางเมตร (ซึ่งรวมถึงพื้นที่ 6,000 ตารางเมตร สำหรับสินค้าที่ไวต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ) 10,000 ตารางเมตร สำหรับคลังพักสินค้า และมีพื้นที่จัดเก็บตู้ขนส่งสินค้าได้ถึง 2,400 ตู้พร้อมควบคู่ไปกับอุปกรณ์และระบบการจัดการที่ทันสมัย คลังสินค้าดังกล่าวสามารถบริหารสินค้าได้ปีละ 1.2 ล้านตัน
คำบรรยายประกอบภาพ: เอมิเรตส์ สกายคาร์โก้จะเพิ่มพื้นที่การขนส่งอีก 17 เปอร์เซ็นต์เพื่อให้บริการลูกค้าทั่วโลกได้ดียิ่งขึ้นในปีงบประมาณหน้า โดยพื้นที่ที่เพิ่มขึ้นยังช่วยประหยัดเวลาในช่วงจุดเชื่อมต่อทั้งในเครือข่ายการให้บริการทั่วโลก