ตะวันออกพาณิชย์ลีสซิ่ง (ECL) เผยผลประกอบการประจำปี 2551 สวนกระแสเศรษฐกิจซบสร้างยอดสินเชื่อรถยนต์ใหม่-มือสองกว่า 500 ล้านบาท มีผลกำไรสุทธิ 29.77 ล้านบาท เติบโตเทียบกับปีก่อนทะลุ 437% ระบุผลจากปัจจัยปีก่อนหนุนยอดสินเชื่อรถยนต์มือสองโดยเฉพาะรถแนวซิตี้คาร์และรถกระบะขยับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผลจากอัตราดอกเบี้ยทรงตัวในระดับต่ำ และราคาน้ำมันผันผวน ทำให้คนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมใช้รถขนาดเล็ก ในขณะที่ปี 2552 ปรับแผนธุรกิจรองรับเศรษฐกิจซบเซา เน้นปล่อยสินเชื่ออย่างมีวินัย ให้กับลูกค้ารถใหม่ รถมือสอง และรถเพื่อการค้า ประเภทมูลค่าไม่เกิน 1 ล้านบาทเป็นหลัก พร้อมทั้งวางมาตรการเข้มงวดด้านการวิเคราะห์ ตรวจสอบและติดตามลูกค้าอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันปัญหาหนี้เสีย เชื่อมั่นขยายฐานการเติบโตมีโอกาสสูงถึง 10%
นายดนุชา วีระพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ตะวันออกพาณิชย์ลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) (ECL) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เกี่ยวกับผลการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ประจำปี 2551 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2551 บริษัทฯ มียอดกำไรสุทธิ 29.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเกินจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขาดทุนสุทธิ 8.83 ล้านบาท สำหรับในปี 2552 นี้ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ อาจจะได้รับผลกระทบจากการซบเซาของเศรษฐกิจโลก ซึ่งมีผลกระทบถึงภาคธุรกิจลีสซิ่งรถยนต์ด้วย ดังนั้นบริษัทจึงมีการปรับกลยุทธ์ในด้านการปล่อยสินเชื่อลีสซิ่งรถยนต์ให้มีการระมัดระวัง และมีระเบียบวินัยมากขึ้น เพื่อป้องกันความเสี่ยงทางธุรกิจ อย่างไรก็ตามคาดว่า การขยายฐานสินเชื่อในปีนี้มีโอกาสเติบโตได้ถึงร้อยละ 10
บริษัท ตะวันออกพาณิชย์ลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) มีการรายงานผลการดำเนินงานถึงการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญว่า ในปี 2551 บริษัทฯ มีดอกผลจากสัญญาซื้อ จำนวน 107.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน จำนวน 3.61 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.48 ส่วนดอกผลตามสัญญาขายฝากมีจำนวน 1.58 ล้านบาท ลดลง 7.53 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 82.66 ซึ่งเกิดจากการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้ออย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอในครึ่งปีแรก และมีการชะลอการปล่อยสินเชื่อ Floor Plan ในครึ่งปีหลังเนื่องจากปัจจัยทางเศรษฐกิจและการเมืองที่ไม่ชัดเจน
ส่วนรายได้อื่นๆ ในปีที่ผ่านมา มีจำนวนรวม 39.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.58 ล้านบาท จากปีก่อนหน้านี้ที่มีจำนวน 25.32 ล้านบาท มีอัตราส่วนเพิ่มขึ้นร้อยละ 57.58 โดยส่วนที่เพิ่มขึ้นได้แก่ รายได้จากการจัดเก็บค่าปรับจากลูกหนี้ที่ผิดนัดชำระ โดยมีจำนวน 23.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้านี้ 10.50 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 83.67 รวมถึงการติดตามหนี้สูญของปีก่อนๆ ได้คืน 7.47 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 6.87 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 1,145.00 นอกจากนี้บริษัทฯ ได้มีมีนโยบายการแก้ไขปัญหาหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญ โดยในปี 2551 มี
จำนวน 7.72 ล้านบาท ลดลง 24.10 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีถึง 31.82 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 75.74 ทั้งนี้เนื่องจากบริษัทฯ มีการวางนโยบายการติดตามหนี้อย่างใกล้ชิด โดยหนี้สูญในปี 2551 มีจำนวน 4.97 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้านี้ ที่ตัดหนี้สูญถึง 23.33 ล้านบาท ลดลง 18.36 ล้านบาท หรือร้อยละ 78.70 ส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญปี 2551 บริษัทฯ มีการตั้งเพิ่มเพียง 2.75 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้านี้ที่ตั้งเพิ่มจำนวน 8.49 ล้านบาท โดยคิดเป็นอัตราที่ลดลง 5.74 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 67.61
“ปีที่ผ่านมาปัจจัยที่สนับสนุนให้ ECL สามารถสร้างผลกำไรที่เติบโตค่อนข้างมาก เป็นผลจากมาตรการของรัฐบาล ทั้งภาษีอสังหาริมทรัพย์ และนโยบายคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำ ทำให้ธุรกิจลีสซิ่งได้รับอานิสงส์ทางอ้อมไปด้วย ทำให้ประชาชนมีเงินใช้จ่ายในด้านอื่นเพิ่มขึ้น ในขณะที่บริษัทมีต้นทุนการเงินที่ลดลง ทำให้สามารถสร้างส่วนต่างจากส่วนต่างดอกเบี้ยได้มากขึ้น นอกจากนี้ผลจากราคาน้ำมันที่แพงขึ้น ทำให้ผู้บริโภคปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมาใช้รถที่ประหยัดน้ำมัน หรือซื้อรถที่สามารถใช้สร้างรายได้ให้แก่ตนเองมากขึ้น ดังนั้นรถใหม่และรถยนต์มือสองเชิงพาณิชย์ อาทิ รถกระบะ รถตู้ และรถแวนจึงมียอดขายที่เติบโตขึ้นด้วย โดยบริษัทฯ มีการปล่อยสินเชื่อลิสซิ่งรถยนต์โดยรวมประมาณ 500 ล้านบาท” นายดนุชา กล่าว
นายดนุชา กล่าวต่อไปว่า สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจมีการชะลอการขยายตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลก ดังนั้นบริษัทฯ จะขยายตลาดด้วยความระมัดระวัง โดยเน้นปล่อยสินเชื่ออย่างมีวินัย ให้กับลูกค้ารถใหม่ รถมือสอง และรถเพื่อการค้า โดยฐานตลาดจะเป็นรถประเภทมูลค่าไม่เกิน 1 ล้านบาทเป็นหลัก โดยเน้นพื้นที่เป้าหมายนั้นยังคงเป็นพื้นที่ในกรุงเทพมหานคร และภาคตะวันออก โดยเฉพาะจังหวัดชลบุรี ที่เป็นฐานตลาดเดิมของ ECL นอกจากนี้จะมีการขยายตัวไปรุกตลาดที่เป็นเมืองสำคัญในภาคอื่นๆ ด้วย พร้อมทั้งวางมาตรการเข้มงวดด้านการวิเคราะห์ ตรวจสอบและติดตามลูกค้าอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันปัญหาหนี้เสีย เชื่อมั่นขยายฐานการเติบโตมีโอกาสสูงถึง 10% แน่นอน