ธนาคารซิตี้แบงก์จัดหลักสูตรอบรมเสริมความรู้ด้านการเงินให้แก่กลุ่มผู้หญิงและกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs

กรุงเทพ- หากจะเปรียบเทียบการให้เงินสนับสนุนโดยให้เปล่ากับการให้ความรู้แก่บุคคลแล้ว การให้ความรู้ย่อมจะนำมาซึ่งการพัฒนาอย่างยั่งยืนมากกว่าความช่วยเหลืออย่างแรก มูลนิธิซิตี้ และธนาคารซิตี้แบงก์ตระหนักถึงข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงเดินหน้ามุ่งมั่นที่จะให้ความรู้ซึ่งตนเองมีความเชี่ยวชาญไปยัง 2 ภาคส่วนที่สำคัญของประเทศ คือ กลุ่มผู้หญิงที่ขาดความมั่นคงทางการเงิน โดยจะมุ่งเน้นกลุ่มผู้หญิงที่อาศัยอยู่ในชุมชนแออัด ซึ่งเป็นผู้ดูแลการเงินของครอบครัว และกลุ่มผู้หญิงที่ประกอบอาชีพในธุรกิจกลางคืน ซึ่งกล่าวได้ว่าผู้หญิงทั้งสองกลุ่มเป็นกำลังหลักในการสนับสนุนความเข้มแข็งของครอบครัวซึ่งเป็นสถาบันหลักและสำคัญของสังคม และ กลุ่มผู้ประกอบการ SMEs ในประเทศไทย ซึ่งเป็นรากฐานในการสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทย

กลุ่มที่หนึ่ง กลุ่มหญิงขาดความมั่นคงด้านการเงิน

ธนาคารซิตี้แบงก์เล็งเห็นถึงปัญหาสำคัญอีกอย่างหนึ่งของสังคมไทย ที่เกิดขึ้นไปพร้อมๆกับการพัฒนาสังคมและผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน นั่นก็คือความไม่พอเพียงในเชิงเศรษฐกิจอันนำไปสู่ปัญหาหนี้นอกระบบ กล่าวคือเมื่อครอบครัวเข้าสู่สภาวะคับขันและขาดเงินสำรองที่จะนำไปใช้ได้ในยามคับขัน การกู้ยืมนอกระบบจึงดูจะเป็นทางออกทางหนึ่งสำหรับครอบครัว ซึ่งหากว่าการจ่ายคืนไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้ เจ้าหนี้มักจะขูดรีดลูกหนี้ และใช้ความรุนแรงในการติดตามทวงหนี้ด้วยวิธีที่รุนแรงและไม่เป็นธรรม

จากการสำรวจเราพบว่า ผู้ที่ทำหน้าที่ดูแลการเงินในครอบครัวของสังคมไทยนั้นส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง การที่จะจัดการกับภาวะความไม่พอเพียงนั้น กลุ่มผู้หญิงที่ขาดโอกาสทางสังคม เช่น กลุ่มที่อาศัยอยู่ในชุมชนแออัด หรือกลุ่มหญิงที่ครอบครัวมีฐานะยากจนจนตนเองต้องมาทำงานกลางคืนเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว ควรได้รับการแนะนำและให้ความรู้อันเป็นหนทางที่จะช่วยให้กลุ่มหญิงเหล่านั้นได้รับความรู้เพื่อสามารถมีการบริหารการเงินส่วนบุคคลและครอบครัวให้ดีขึ้น ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงเป็นที่มาของโครงการ “ผู้หญิงฉลาดออม ฉลาดใช้” โครงการอบรมด้านการเงิน โดยมูลนิธิซิตี้ และธนาคารซิตี้แบงก์ โดยหัวข้อการอบรมจะครอบคลุมถึงการตั้งเป้าหมายในชีวิต เคล็ดลับการออมเงิน เทคนิคการตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และการทำให้เงินงอกเงย เป็นต้น

ในการรับสมัครกลุ่มผู้หญิงเป้าหมายนั้น สถาบันคีนันแห่งเอเซียร่วมกับมูลนิธิดวงประทีป เปิดรับสมัครกลุ่มผู้หญิงที่อยู่ในความดูแลของมูลนิธิฯ ซึ่งการอบรมให้แก่กลุ่มดังกล่าวจะจัดขึ้นในวันที่ 14 และ 15 มีนาคม 2552 ในขณะที่รุ่นที่ 2 จะดำเนินการในเดือนเมษายน โดยสถาบันคีนันฯซึ่งทำหน้าที่ในการบริหารโครงการจะร่วมกับเจ้าของธุรกิจกลางคืนกลุ่มหนึ่งในการรับสมัคร โดยมุ่งเน้นไปที่กลุ่มผู้หญิงที่ประกอบอาชีพในธุรกิจกลางคืน ที่มีรายได้ไม่แน่นอน และผู้หญิงที่มีรายได้สูงแต่มีสถานะทางอาชีพไม่มั่นคงในการอบรม

การอบรมจะมุ่งเน้นการเสริมความรู้ไปในการทำกิจกรรม ผู้เข้าอบรมจะได้ความรู้ซึ่งสอดแทรกอยู่ในกิจกรรมต่างๆ ที่เข้าใจง่ายและนำไปใช้ได้จริง ท้ายสุดของโครงการ คาดว่าจะมีกลุ่มผู้หญิงจำนวนไม่น้อยกว่า 75 รายผ่านการอบรมนี้

กลุ่มที่หนึ่ง กลุ่มผู้ประกอบการ SMEs
ตามสถิติของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของไทย (สสว.) ปี 2550 จำนวนธุรกิจกว่า 99.6% จากธุรกิจทั้งหมดทั่วประเทศเป็นธุรกิจ SMEs มีการจ้างงานทั้งสิ้นคิดเป็น 76% ของการจ้างงานในประเทศทั้งหมด หากธุรกิจ SMEs ของประเทศได้รับการบ่มเพาะและขัดเกลาไปในทางที่ดีนั้น แน่นอนที่สุด เศรษฐกิจของประเทศจะถูกขับเคลื่อนไปในทิศทางที่ดีเช่นเดียวกัน

จากสถิติดังกล่าว ทำให้มูลนิธิซิตี้ และธนาคารซิตี้แบงก์เห็นความสำคัญของกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs ที่จะสามารถขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของไทย จึงให้เงินสนับสนุนเพื่อดำเนินโครงการให้ความรู้การบริหารการเงิน ซึ่งเป็นปรัชญาของซิตี้กรุ๊ปที่ว่า เมื่อธนาคารซิตี้แบงก์มีความเชี่ยวชาญด้านการเงิน อาสาสมัครของธนาคารที่อาสามาร่วมโครงการจะสามารถนำความรู้ของตนมาถ่ายทอดให้แก่ผู้เข้าร่วมโครงการได้ ดังนั้นเงินช่วยเหลือจำนวน 57,000 เหรียญสหรัฐอเมริกาจึงถูกนำมาพัฒนาโครงการอบรมดังกล่าว โดยธนาคารซิตี้แบงก์ และสถาบันคีนันแห่งเอเซียร่วมกันเป็นผู้บริหารโครงการ

หลักสูตรอบรมด้านการเงินซึ่งเรียกว่า “Become a financial Guru in 4 days” จึงถูกพัฒนาขึ้นโดยความคิดเห็นจากผู้ประกอบการซึ่งตอบแบบสำรวจความต้องการที่สถาบันคีนันฯจัดทำขึ้นก่อนเริ่มโครงการ จากผลสรุปหัวข้ออบรมที่ผู้ประกอบการต้องการ ประกอบไปด้วย การวิเคราะห์งบการเงิน การบริหารต้นทุน การเรียนรู้ระบบภาษี สอดแทรกไปกับการให้ความรู้ด้านประเด็นเศรษฐกิจที่สำคัญทั้งในประเทศและต่างประเทศที่เกี่ยวเนื่องกับการบริหารธุรกิจของผู้ประกอบการ รวมถึงความต้องการในการรับฟังการถ่ายทอดกรณีศึกษาจาก SMEs ที่ประสบความสำเร็จไปแล้ว ซึ่งเป็นข้อคิดที่ดีและแนวทางในการดำเนินธุรกิจให้แก่ SMEs รุ่นต่อๆไป

ตั้งแต่เริ่มต้นโครงการในปี 2551 มีผู้ประกอบการกว่า 106 รายเข้าร่วมโครงการอบรม จากผลแห่งความสำเร็จในรุ่นที่ 1 โดยดูจากผลการประมินโครงการแล้ว มูลนิธิซิตี้ และธนาคารซิตี้แบงก์จึงเดินหน้าดำเนินโครงการอบรมให้ SMEs เป็นรุ่นที่ 2 ซึ่งการอบรมให้แก่ SMEs ในครั้งที่ 2 จะมีความเข้มข้นขึ้น และเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน

การอบรมรุ่นที่ 2 นี้ จะเริ่มขึ้นอีกครั้งในวันที่ 17, 19, 24 และ 26 มีนาคม 2552 โดย ผู้ประกอบการ SMEs สามารถสมัครเข้าโครงการได้ตั้งแต่บัดนี้ โดยสามารถดูหัวข้ออบรม รายชื่อวิทยากรผู้สอน หรือข้อมูลอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ www.kiasia.org

ซิตี้
บริษัทด้านการเงินชั้นน้ำของโลก ซึ่งมีลูกค้าอยู่กว่า 200 ล้านบัญชีจากการดำเนินธุรกิจในกว่า 140 ประเทศ ซิตี้ประกอบด้วยกลุ่มธุรกิจหลัก 2 กลุ่ม คือ ซิตี้คอร์ปและซิตี้โฮลดิ้งส์ ซึ่งนำเสนอบริการและผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลายให้กับลูกค้าบุคคล องค์กร ภาครัฐและสถาบันต่างๆ โดยธุรกิจหลักครอบคลุมการธนาคารและสินเชื่อเพื่อลูกค้าบุคคล (สายบุคคลธนกิจ) การธนาคารเพื่อองค์กรและการลงทุน (สายสถาบันธนกิจและวาณิชธนกิจ) ธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์รวมถึงบริการบริหารความมั่งคั่ง ตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.citigroup.com หรือ www.citi.com

มูลนิธิซิตี้
มูลนิธิซิตี้มุ่งมั่นที่จะขยายโอกาสทางเศรษฐกิจแก่ทั้งบุคคลและครอบครัวที่ด้อยโอกาสซึ่งอาศัยอยู่ในชุมชนต่างๆ ทั่วโลก โดยมูลนิธิซิตี้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาในด้านต่างๆ ได้แก่ 1) Microfinance และ Microentrepreneurship (การเงินระดับ รากหญ้าและผู้ประกอบการระดับรากหญ้า) เพื่อเสริมสร้างให้บุคคลเหล่านั้น สามารถ ยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง 2) Small and Growing Businesses (ธุรกิจขนาดเล็กและธุรกิจที่กำลังเติบโต) อันจะนำไปสู่การสร้างงานและการ ขยายตัวทางเศรษฐกิจ 3) Education (การศึกษา) เพื่อเตรียมเยาวชนสำหรับ ความสำเร็จทั้งส่วนตนและในงานอาชีพในอนาคต 4) Financial Education (การให้ความรู้ทางการเงิน) เพื่อช่วยให้หบุคคลสามารถตัดสินใจทางการเงินได้อย่างเหมาะสม ด้วยความเข้าใจ และ 5) Environment (สิ่งแวดล้อม) โดยเน้นในการสนับสนุนองค์กรที่สร้างงานและกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจในขณะที่ให้ความ สำคัญกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

โครงการให้ความรู้ทางการเงินของซิตี้ (Citi Financial Education Program)
ด้วยความเชื่อที่ว่าความรู้คือสินทรัพย์นับแสน โครงการให้ความรู้ทางการเงินของซิตี้จึงได้ริ่เริ่มขึ้นในระดับนานา ประเทศทั่วโลก เป็นความพยายามของซิตี้ที่ต้องการสรรค์สร้างแนวทางที่จะช่วยเหลือให้บุคคล ครอบครัวและชุมชนได้มีเครื่องมือที่จะใช้ในการตัดสินใจทางการเงินอย่างมีวิจารณญาณ โดยซิตี้กำหนดเงิน สนับสนุนจำนวนทั้งสิ้น 200 ล้านเหรียญสหรัฐภายในระยะเวลา 10 ปี เพื่อดำเนินการให้ความรู้ทางการเงินใน 3 ระดับ คือ ระดับบุคคล ธุรกิจขนาดเล็กและสถาบันการศึกษาด้านการเงิน ตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการ ให้ความรู้ ทางการเงินของซิตี้ รวมถึงแนวทางการสนับสนุนของมูลนิธิซิตี้ ตลอดจนข้อมูลหลักสูตรความรู้ทางการเงิน ได้ที่ financialeduation.citigroup.com

สถาบันคีนันแห่งเอเซีย
การพัฒนาอย่างยั่งยืน คือการสร้างสมดุลทั้งสามด้าน คือด้านความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจ ซึ่งมาพร้อมกับการสร้างเสริมสังคมให้เข้มแข็ง และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ความสมดุลทั้งสามนี้อาจหมายถึงการขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างช้าๆในระยะสั้น แต่นำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนและมั่นคงในระยะยาว

หลังจาก สถาบันฯ ได้ก่อตั้งในปี 2536 สถาบันคีนันฯ ได้ให้การช่วยเหลือ บริษัท หน่วยงานราชการ และสถาบันการศึกษาจากวิกฤตเศรษฐกิจในปี พ.ศ. 2540 และจากประสบการณ์ที่เรามี เรายังได้ให้ความช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้านเข้าสู่ตลาดเศรษฐกิจ จุดมุ่งหมายของสถาบันคีนันฯ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาอย่างสมดุลและยั่งยืน นั่นหมายถึงงานที่ครอบคลุมหลายกิจกรรม โดยใช้วิธีการที่หลากหลายที่จะนำไปสู่ผลที่มีประสิทธิภาพ นั่นหมายถึงการที่สถาบันคีนันฯ ต้องทำงานร่วมกับหลายภาคส่วน ที่จะนำมาซึ่งทักษะ ความรู้ แหล่งเงินทุนที่จะทำให้ประสบความสำเร็จ

ท่านสามารถอ่านรายละเอียดข้อมูลของกิจกรรมต่างๆได้ที่ www.kiasia.org