อีเอ็มซี บรรลุเป้าหมาย ปี 2551 ด้วยยอดลูกค้าใหม่ในไทย กว่า 50 ราย

อีเอ็มซี ผู้นำระดับโลกในด้านโซลูชั่นโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศ เปิดตัวกลยุทธ์การตลาดเชิงรุก 4 แนวทางหลัก เพื่อช่วยเร่งอัตราการเติบโตและปรับปรุงศักยภาพการดำเนินธุรกิจให้กับองค์กรธุรกิจและบริษัทที่กำลังเติบโตในประเทศไทย ในสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน

กลยุทธ์ดังกล่าวจะช่วยให้อีเอ็มซี ขยายบทบาทความเป็นผู้นำในตลาดโครงสร้างพื้นฐานทางสารสนเทศระดับโลก ที่คาดว่าจะมียอดรวมมากกว่า 73 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2553 จากการคาดการณ์ของอีเอ็มซี

รายงานของไอดีซี* ระบุว่า อีเอ็มซีมีส่วนแบ่งการตลาด 11.4 เปอร์เซ็นต์ในตลาดไทย ในช่วงเดือน มกราคม
ถึงกันยายน 2551 จากมูลค่าตลาด 34 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ของระบบจัดเก็บแบบภายนอกขนาดกลางในไทย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงโอกาสทางการตลาดของอีเอ็มซีในตลาดนี้

นายธาดา เศวตศิลา, ผู้จัดการประจำประเทศไทย อีเอ็มซี กล่าวว่า “ในปีที่ผ่านมา อีเอ็มซีมีลูกค้าใหม่จำนวน 50 รายที่เลือกให้อีเอ็มซีจัดการและดูแลระบบข้อมูลที่สำคัญทางธุรกิจ ซึ่งเป็นลูกค้าในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น การดูแลด้านสุขภาพ, การศึกษา, การผลิต, รัฐบาลและประกันภัย

ในส่วนของอีเอ็มซี คอร์เปอเรชั่นนั้น ในปี 2551 บริษัทได้รายงานผลประกอบการรายได้รวมทั่วโลกที่ 14.88 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเพิ่มขึ้น 12 เปอร์เซ็นต์ ปีต่อปี ซึ่งตัวเลขการเติบโตนี้ นับเป็นสถิติการเติบโตเลขสองหลัก 6 ปีต่อเนื่องของอีเอ็มซี

*Source: IDC Q3 2008 Asia/Pacific Quarterly Disk Storage Systems Tracker

“ในปีที่ผ่านมา สิ่งที่บริษัทในประเทศไทยลงทุนคือเรื่องการจัดการข้อมูลและโซลูชั่นการจัดเก็บ รวมถึงระบบรักษาความปลอดภัย และทิศทางการเติบโตของการลงทุนในโซลูชั่นเหล่านี้มาจากจำนวนธุรกิจที่ต้องตรวจสอบและเก็บข้อมูลต่างๆ ตามกฎข้อบังคับของทางราชการ และปกป้องข้อมูลจากการถูกขโมยหรือนำไปใช้ผิดเป้าหมาย” นายธาดากล่าวเสริม

“อีเอ็มซียังคงมุ่งมั่นในสิ่งที่ลูกค้าของเราให้ความสำคัญในอันดับต้นๆ คือ เรื่องของการประหยัดเงิน, การคืนทุนอย่างรวดเร็ว, การลดความเสี่ยงและการเตรียมการสำหรับศูนย์ข้อมูลยุคใหม่ นอกจากนั้น เรายังมุ่งมั่นที่จะลงทุนอย่างมากในการวิจัยและพัฒนาเพื่อขยายเทคโนโลยีของเราที่จะนำและรักษา วงจรการเปิดตัวผลิตภัณฑ์อันรวดเร็ว และมากกว่าที่เคย, การพัฒนาเทคโนโลยีของเราได้เกิดขึ้นแล้วที่เอเชีย, และเรามีความภูมิใจในบทบาทเหล่านี้ของเราในองค์กร” นายธาดากล่าวเพิ่มเติม

อีเอ็มซี เข้าใจสภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้ ด้วยการเพิ่มขึ้นของบริษัทขนาดใหญ่ และกลุ่มธุรกิจพาณิชย์ ให้ความสนใจต่อการลงทุนในโซลูชั่นและการบริการที่ช่วยในการปรับปรุงประสิทธิภาพในการบริหารธุรกิจให้เพิ่มมากขึ้นเพื่อรักษาไว้ซึ่งความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ

“เราเชื่อว่า กลยุทธ์ 4 แนวทางหลักนี้จะช่วยให้บริษัทเหล่านี้เปลี่ยนแปลงปรับปรุงองค์กรและเตรียมตัวสำหรับการเติบโตเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว” นายธาดากล่าว

1. การจำแนกตลาด
นอกเหนือจากส่วนกลุ่มโซลูชั่นระบบจัดเก็บข้อมูลสารสนเทศขององค์กรธุรกิจ, อีเอ็มซี ยังให้ความสำคัญกับธุรกิจขนาดกลางและธุรกิจที่กำลังเติบโตในการขยายบริการและโซลูชั่นสำหรับลูกค้าเฉพาะราย

สำหรับกลุ่มลูกค้าองค์กรธุรกิจ, อีเอ็มซีให้ความสำคัญกับการตอบสนองความต้องการของลูกค้าในส่วนของ
• ประสิทธิภาพ
• ข้อกำหนดและข้อบังคับด้านสารสนเทศ
• เวอร์ช่วลไลเซชั่น

อีเอ็มซีได้ประกาศว่า บริษัทจะจัดโรดโชว์ใน 6 ประเทศ เพื่อสร้างความเข้าใจตลาดของเทคโนโลยีและโซลูชั่นสำหรับองค์กรของอีเอ็มซี ที่เหมาะกับความต้องการของลูกค้า

2. การจัดลำดับความสำคัญทางเทคโนโลยี
อีเอ็มซีได้มีการจำแนกเทคโนโลยีเหล่านี้ตามลำดับความสำคัญที่จะช่วยให้ลูกค้าบรรลุเป้าหมาย และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานขององค์กร เทคโนโลยีเหล่านี้ประกอบด้วย
• การผนวกรวมข้อมูล (Information Consolidation)
• การจำแนกชนิดสตอเรจ (Tiered Storage)
• เทคโนโลยีแฟลช (Flash หรือ Solid State Drives)
• เวอร์ช่วลไลเซชั่น (Virtualization)
• ระบบสำรองและ การทำซ้ำข้อมูล (Backup with Data De-duplication)
• การจัดเก็บข้อมูลระยะยาว (archiving)
• การรักษาความปลอดภัยสารสนเทศ
• ระบบอัตโนมัติของศูนย์ข้อมูล
• การจัดการเนื้อหาขององค์กรธุรกิจ (Enterprise Content Management )
• การบริการให้คำปรึกษาทางด้านไอที (Consulting Services)
• เทคโนโลยีคลาวด์ (Cloud Computing)

โซลูชั่นฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ได้รับการเพิ่มประสิทธิภาพเหล่านี้รวมถึงบริการต่างๆ เหมาะสำหรับธุรกิจที่กำลังเติบโต และธุรกิจขนาดใหญ่ในทุกภาคส่วน

3. พันธมิครและความร่วมมือ
ชุมชนพันธมิตรของอีเอ็มซี ปัจจุบันมีจำนวนกว่า 300 องค์กรหรือคิดเป็น 60% ของกระแสรายได้ขององค์กรธุรกิจในภูมิภาคเอเชียใต้ อีเอ็มซีเพิ่มความสำคัญระบบเครือข่ายพันธมิตรในหลากหลายมิติ เช่น กิจกรรมและเวิร์คชอป เพื่อช่วยสร้างรายได้เสริม

นอกจากนั้น, ชุดของโปรแกรมพันธมิตรที่นำเสนอทั้งในกลุ่มองค์กรธุรกิจ อย่างเช่น องค์กรขนาดกลางและธุรกิจกำลังเติบโต ด้วยทางเลือกที่หลากหลายขึ้น สำหรับบริการและโซลูชั่นที่ออกแบบสำหรับลูกค้าเฉพาะราย

เมื่อเร็วๆ นี้ อีเอ็มซีได้ประกาศการขยายความร่วมมือกับพันธมิตรหลักกับเดลล์ และไมโครซอฟท์

การขยายความร่วมมือระหว่างเดลล์และอีเอ็มซีไปจนถึงปี พ.ศ. 2556 นับเป็นตัวอย่างความสำเร็จในอุตสาหกรรมและเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของทั้งสองบริษัทฯ ที่จะไม่หยุดยั้งความร่วมมือและการเกื้อหนุนต่างๆ สัมพันธภาพของทั้งสองบริษัทฯ เริ่มขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2544 ระบบเน็ตเวิร์กสตรอเรจ ของเดลล์ / อีเอ็มซีกว่า 60,000 ตัว ได้มีการส่งมอบและติดตั้งไปยังบริษัทลูกค้ากว่าพันราย และอีเอ็มซีได้รักษาความเป็นผู้นำทางด้านระบบ

สตอเรจ ในขณะที่เดลล์ได้กลายเป็นบริษัทที่ให้บริการ สตรอเรจที่มีการเติบโตสูงที่สุด การขยายความร่วมมือในครั้งนี้ เดลล์และอีเอ็มซีจะเพิ่มระบบ สตรอเรจ Cellera NX 4 ของอีเอ็มซีเข้าไปในกลุ่มผลิตภัณฑ์ระบบเน็ตเวิร์ก สตอเรจของเดลล์/อีเอ็มซี

ในส่วนความร่วมมือกับไมโครซอฟท์ที่เพิ่งประกาศไปนั้น คือการขยายความร่วมมือการเป็นพันธมิตรทางกลยุทธ์ต่ออีก 3 ปี ถึงปี พ.ศ. 2554 โดยบริษัทฯ ทั้งสองยืนยันที่จะให้ผลิตภัณฑ์ของทั้งสองบริษัทสามารถทำงานด้วยกันได้ในระนาบที่กว้างและลึกมากยิ่งขึ้นเพื่อสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าหลัก ซึ่งรวมถึง เวอร์ช่วลไลเซชั่น

ซีเคียวริตี้ และ การจัดการคอนเทนท์ ผ่านโซลูชั่นดาต้า เซ็นเตอร์และแอพพลิชั่น ที่ทรงอานุภาพของไมโครซอฟท์ ด้วยโซลูชั่นการจัดการระบบโครงข่ายสารสนเทศและการให้บริการคำปรึกษาของอีเอ็มซี สิ่งที่ลูกค้าของทั้งสองบริษัทจะได้รับคือสิทธิประโยชน์จากการเพิ่มประสิทธิภาพทางการผลิตและการใช้จ่ายที่น้อยลงอย่างมหาศาล ที่จะตอบโจทย์ความต้องการการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจและสภาวะเศรษฐกิจ

4. ศูนย์ให้ข้อมูลผู้บริหาร (Executive Briefing Centre, EBC)
ศูนย์ให้ข้อมูลผู้บริหาร (Executive Briefing Centre, EBC) ในประเทศสิงคโปร์ เปิดให้บริการเมื่อต้นปีนี้ เป็นศูนย์ฯ ใหม่ล่าสุดของอีเอ็มซี โดยมีศูนย์ฯ ดังกล่าวอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา ไอร์แลนด์ และญี่ปุ่น และได้ให้บริการแก่ผู้มาใช้บริการกว่า 300,000 คนตั้งแต่ศูนย์ฯ แรกเริ่มให้บริการเมื่อปี พ.ศ. 2537

ศูนย์ EBC ในสิงคโปร์ใช้พี้นที่ร่วมกับศูนย์พัฒนาระบบของอีเอ็มซีในเอเชียใต้ (South Asia Development Lab: SADL) ศูนย์ EBC ช่วยประหยัดเวลาให้กับอีเอ็มซีและพันธมิตรทางการค้าในการจัดทำกิจกรรมการขาย การเพิ่มรายได้ การขายโซลูชั่นที่เกี่ยวกับโครงข่ายข้อมูลสารสนเทศที่เพิ่มคุณค่าให้กับธุรกิจ การประชาสัมพันธ์ความเป็นผู้นำทางความคิด และสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับลูกค้าของอีเอ็มซีและพันธมิตรทางธุรกิจ

นอกจากนั้นแล้ว ลูกค้าสามารถใช้ประโยชน์ของศูนย์ดังกล่าว ในการวางแผนธุรกิจล่วงหน้า ด้วยการใช้ศักยภาพของห้องทดลองอีเอ็มซี ที่ทำการจำลอง การผสมผสานและทดสอบการใช้เทคโนโลยีแบบครบวงจรในทุกสภาพของแพลตฟอร์ม โครงข่ายสารสนเทศ ซอฟต์แวร์และเครือข่ายต่างๆ การทดสอบผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีก้าวหน้า วิศวกร ระบบการผลิต รวมถึงมูลค่าและเทคนิค ซัพพลายเชน อุปกรณ์และเทคโนโลยีต่างๆ

กลยุทธ์เหล่านี้ เสริมกับประกาศก่อนหน้านี้ของอีเอ็มซี สำหรับการลงทุนมากกว่า 1.7 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกและญี่ปุ่น ในการสร้างความเข้มแข็งของนวัตกรรมและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของอีเอ็มซี การให้การสนับสนุนลูกค้ารวมถึงศักยภาพเชิงรุกในภูมิภาคภายในปี 2555

ข้อมูลเกี่ยวกับอีเอ็มซี
อีเอ็มซี คอร์ปอเรชั่น (NYSE: EMC) เป็นผู้นำระดับโลกในด้านการพัฒนาและจัดหาโซลูชั่นและเทคโนโลยีโครงสร้างสารสนเทศ ซึ่งช่วยให้องค์กรทุกขนาดปรับปรุงขีดความสามารถในการแข่งขันและใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่าจากข้อมูลที่มีอยู่ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการของอีเอ็มซี คลิกไปที่ www.thailand.emc.com