กระทรวงพาณิชย์ ประกาศคัดเลือกผู้เข้ารับรางวัล “ผู้ส่งออกสินค้าและบริการดีเด่น ประจำปี 2552”

กระทรวงพาณิชย์ โดย กรมส่งเสริมการส่งออก เปิดรับสมัครผู้เข้ารับรางวัล “ผู้ส่งออกสินค้าและบริการดีเด่น” ประจำปี 2552 หรือ “Prime Minister’s Export Award 2009” เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทย เร่งยกระดับการแข่งขันทางด้านสินค้าและบริการให้เป็นที่ยอมรับในระดับโลก เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว มั่นใจเศรษฐกิจไทยแข็งแกร่ง เล็งปลุกกระแสคนไทยใช้ของไทยลดการนำเข้าสินค้า

นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า “กระทรวงพาณิชย์ โดย กรมส่งเสริม การส่งออก ได้กำหนดเปิดรับสมัครผู้สนใจเข้ารับรางวัลผู้ส่งออกสินค้าและบริการดีเด่น หรือ PM Export Award ครั้งที่ 18 โดยจัดขึ้นเป็นประจำทุก ๆ ปี เป็นรางวัลสูงสุดที่รัฐบาลไทยมอบให้เพื่อเป็นเกียรติคุณแก่ผู้ส่งออกไทย ที่สร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศ อีกทั้งยังเป็นการสนับสนุนและให้กำลังใจแก่ภาคธุรกิจเพื่อการส่งออกที่มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาศักยภาพในการผลิตสินค้าและบริการให้สามารถแข่งขันกับผู้ส่งออกประเทศอื่น ๆ และนำรายได้กลับเข้าสู่ประเทศเป็นจำนวนมาก การมอบรางวัลดังกล่าวยังเปรียบเสมือนการการันตีสินค้าและบริการของประเทศไทยที่ได้รับมาตรฐานและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ถือว่าเป็นการสร้างความได้เปรียบทางด้านการค้าเป็นอย่างมาก” นายศิริพลกล่าว

“สำหรับในปี 2552 ซึ่งเป็นปีที่ 18 ของการมอบรางวัล โดยปีนี้ได้มุ่งเน้นให้มีการปรับหลักเกณฑ์ การพิจารณาผู้เข้ารับรางวัลประเภทต่างๆ ให้มีความเหมาะสมในแต่ละประเภทรางวัลมากยิ่งขึ้น เนื่องจากทางกระทรวงฯ ได้มองเห็นสัญญาณเศรษฐกิจโลกปัจจุบัน ซึ่งมีการแข่งขันทางการค้ากันอย่างรุนแรง หลายประเทศจึงมีการลดการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ แต่ในขณะเดียวกันทุกประเทศก็จะรุกการส่งออกสินค้าของตนเองไปยังประเทศต่างๆ ทั้งในตลาดเก่าและตลาดใหม่ เพื่อนำรายได้กลับเข้าสู่ประเทศของตนเอง โดยผู้ส่งออกของแต่ละประเทศต่างใช้กลยุทธ์และยุทธวิธีต่าง ๆ ในการปรับรูปแบบและพัฒนาสินค้า/บริการของตนเอง ให้มีความโดดเด่นและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในทุกๆ ประเทศ ดังนั้นในปีนี้ทางกระทรวงพาณิชย์ จึงได้ให้ความสำคัญในการปรับหลักเกณฑ์การพิจารณารางวัลดังกล่าว เพื่อให้สินค้าและบริการไทยสามารถไปแข่งขันกับตลาดโลกได้อย่างเต็มศักยภาพ อีกทั้งยังยกระดับมาตรฐานของสินค้าและบริการของประเทศไทยให้เป็นที่ยอมรับ ในระดับโลกมากยิ่งขึ้น จึงได้ระดมผู้มีความรู้ความสามารถและผู้ทรงคุณวุฒิในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวแทนจากภาครัฐและเอกชน ร่วมเป็นคณะกรรมการในการปรับปรุงหลักเกณฑ์และคุณสมบัติผู้เข้ารับรางวัล รวมถึงตัดสินการมอบรางวัลในปีนี้ โดยจะพิจารณาให้ครอบคลุมทุกมิติของการดำเนินธุรกิจ ทั้งในด้านการพัฒนาตัวสินค้า /บริการ, ด้านราคาให้สามารถแข่งขันได้, ด้านการสร้างภาพลักษณ์ของสินค้าไทยและพิจารณารวมถึงการดำเนินธุรกิจด้วยหลักบรรษัทภิบาล ความรับผิดชอบในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม เป็นต้น”

“กระทรวงพาณิชย์ มีความมุ่งมั่นที่จะทำทุกวิถีทางในการช่วยเหลือผู้ส่งออกไทยให้ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวน้อยที่สุด โดยมีมาตรการเร่งด่วนในการกระตุ้นการส่งออกซึ่งจะใช้งบประมาณ 3,000 ล้านบาท ในการดำเนินโครงการส่งเสริมและผลักดันการส่งออกเพื่อขยายตัวไปยังตลาดเป้าหมายใหม่ ๆ ใน 14 กลุ่มประเทศ อาทิ จีน, อาเซียน, อินเดีย,ญี่ปุ่น, รัสเซีย เป็นต้น โดยใช้กลยุทธ์ในการบุกเจาะตลาด ด้วยการเดินทางไปเจรจาการค้าร่วมกับภาคเอกชน ในแต่ละประเทศเป้าหมายนั้น ๆ และเชื่อมั่นว่าจะทำให้ยอดการส่งออกสินค้าไทยเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน” นายศิริพล กล่าวสรุป

โครงการประกาศเกียรติคุณและมอบรางวัลผู้ส่งออกสินค้าและบริการดีเด่นประจำปี 2552 หรือ Prime Minister’s Export Award 2009 ได้ดำเนินต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2535 ได้ แบ่งรางวัลออกเป็น 5 ประเภท ได้แก่
1. ประเภทผู้ส่งออกไทยดีเด่น (Best Exporter)
2. ประเภทที่ใช้ตราสินค้าของตนเอง (Thai-Owned Brand)
3. ประเภทสินค้าที่มีการออกแบบดี (Design Excellence Award หรือ DEmark)
4. ประเภทธุรกิจบริการส่งออก (Best Service Provider)
5. ประเภทสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ที่มีการออกแบบและคุณภาพดี (OTOP Export Recognition)

โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ได้มีการมอบรางวัลให้แก่บริษัทที่ผ่านการคัดเลือกกว่า 270 บริษัท รวมทั้งสิ้น 332 รางวัล สำหรับพิธีมอบรางวัลประจำปี 2552 กำหนดจะจัดขึ้นในเดือนสิงหาคม 2552 ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยมีท่านนายกรัฐมนตรีเป็นประธานการมอบรางวัลดังกล่าว

บริษัทที่สนใจสมัครเข้ารับการคัดเลือกเพื่อรับรางวัลดังกล่าว สามารถ Download รายละเอียด และใบสมัครประเภทต่าง ๆ ได้ที่ www.depthai.go.th โดยเข้าไปที่หมวด Brand and Award บริเวณมุมล่างด้านขวามือและเลือกหัวข้อ PM Export Award สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ โทร.02-511-5066-77 ตั้งแต่บัดนี้ จนถึงวันที่ 12 พฤษภาคม 2552