แซส รายได้ทะลุเป้า 2.26 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

บริษัท แซส ผู้นำตลาดซอฟแวร์และบริการด้านการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงธุรกิจ ยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในปี 2551 ด้วยรายได้ทั่วโลกมากถึง 2.26 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเพิ่มขึ้นจากผลประกอบการในปี 2550 ถึง 5.1 เปอร์เซ็นต์ สำหรับบริษัท แซส ประเทศไทย ก็มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พร้อมเผยกลยุทธ์ปี 2552 เน้นการให้บริการโซลูชั่นช่วยบริหารจัดการความเสี่ยง ลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มผลกำไรให้แก่ลูกค้า

“แซส ก้าวเข้าสู่ปีที่ 33 ด้วยรายได้ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้วิกฤติเศรษฐกิจจะย่ำแย่ที่สุดเป็นประวัติการณ์” นายจิม กูดไนท์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร (ซีอีโอ) บริษัท แซส กล่าว และว่า “การเติบโตนี้เป็นผลโดยตรงจากการที่ แซส เป็นบริษัทเอกชนที่มีเสถียรภาพมาก (ไม่ได้อยู่ในตลาดหลักทรัพย์) ซึ่งนั่นทำให้เราสามารถสร้างความมั่นใจระยะยาวให้กับพนักงาน และลูกค้าได้”

ทั้งนี้การเติบโตและแข็งแกร่งของ บริษัท แซส มาจากโซลูชั่นด้านการวิเคราะห์ (Analytics) ดาต้ามายนิ่ง (Data Mining) และโซลูชั่นอื่นๆ ที่ช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถรักษาฐานลูกค้าและสร้างลูกค้าใหม่ได้ในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังสามารถช่วยบริหารจัดการความเสี่ยงและปรับใช้กระบวนการที่เหมาะสม นาย กูดไนท์ ยังกล่าวเสริมอีกว่า “ในช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้ บริษัทต่างๆ ล้วนให้ความสำคัญกับการปรับธุรกิจของตนให้เกิดความเหมาะสมได้อย่างมากที่สุด”

ด้าน นายขวัญชัย เลิศจุลัศจรรย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แซส ซอฟท์แวร์ (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า ผลประกอบการของ บริษัท แซส ในประเทศไทย ปี 2551 มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากบริษัทมีลูกค้ารายใหม่ๆ มอบความไว้วางใจและลงทุนด้านโซลูชั่นของ แซส ทั้งยังมีโครงการใหม่ๆ อีกมากมาย ที่ทางแซส ได้เสนอโซลูชั่น เพื่อช่วยองค์กรนั้นๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน เพิ่มความสามารถในการดำเนินธุรกิจ

สำหรับการดำเนินธุรกิจปี 2552 นี้ แซส เน้นการทำตลาดในรูปแบบโซลูชั่น ด้วยผลิตภัณฑ์ 2 กลุ่มหลัก คือ โซลูชั่นด้านการตลาด (Customer Intelligence: CI) และ ด้านบริหารจัดการความเสี่ยง (Risk Intelligence: RI) โดยทำตลาดผ่านพันธมิตรธุรกิจ (Partners) ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านโซลูชั่น และเข้าใจผลิตภัณฑ์ของแซสเป็นอย่างดี เพื่อให้สามารถทำตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ทุกกลุ่มอุตสาหกรรม

“แซส เน้นนำเสนอโซลูชั่นที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับลูกค้าอย่างแท้จริง และสร้างความมั่นใจกับลูกค้าว่าจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากการลงทุนด้านเทคโนโลยีกับแซส เพื่อช่วยในการลดต้นทุน ลดความเสี่ยง และเพิ่มผลกำไรให้กับธุรกิจได้ เนื่องจากปัจจุบันนี้ ลูกค้ามีงบประมาณในการลงทุนที่ค่อนข้างจำกัด ฉะนั้นจึงเน้นความคุ้มค่าจากการลงทุน ด้านเทคโนโลยีที่สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ” นายขวัญชัย กล่าว

บริหารจัดการต้นทุนธุรกิจด้วยโซลูชั่นของ แซส
แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจที่กำลังมีปัญหาอยู่ในขณะนี้ ได้ผลักดันให้ลูกค้าหันมาหาโซลูชั่นระบบธุรกิจอัจฉริยะชั้นนำในตลาดของบริษัท แซส ที่สามารถช่วยประหยัดงบประมาณ และสร้างรายได้จากปริมาณข้อมูลที่เติบโตอย่างมหาศาลได้ โดยโซลูชั่นด้านการจัดการความเสี่ยงของแซสมีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 28 เปอร์เซ็นต์ และยอดขายซอฟต์แวร์ด้านการทำ Optimization เพื่อความเหมาะสมก็เพิ่มขึ้นถึง 18 เปอร์เซ็นต์

นอกจากนี้ บริษัท แซส ยังมียอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในหลายอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมด้านพลังงานและสาธารณูปการต่างๆ ด้วยยอดขายที่เพิ่มขึ้นถึง 27 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่รายได้ในตลาดทุนเพิ่ม 15 เปอร์เซ็นต์ ส่วนรายได้รวมจากระบบวิเคราะห์และดาต้ามายนิ่งเพิ่มมากกว่า 15 เปอร์เซ็นต์

ข้อมูลเด่นอื่นๆ:
• โซลูชั่นรวมข้อมูลสำหรับอุตสาหกรรมวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิตและภาครัฐเพิ่มขึ้นเป็นระดับเลขสองหลัก
• รายได้ในด้านผลิตภัณฑ์ระบบการวิเคราะห์เติบโตมากกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ ในอุตสาหกรรมดูแลสุขภาพและการศึกษา
• แอพพลิเคชั่นระบบธุรกิจอัจฉริยะในภาครัฐ ค้าปลีก และวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิตเพิ่มขึ้นในระดับเลขสองหลัก
• โซลูชั่นระบบลูกค้าอัจฉริยะในภาคประกันภัยเติบโตกว่า 50 เปอร์เซ็นต์

การเติบโตทั่วโลกของแซส
ในปี 2551 บริษัท แซส มีลูกค้าใหม่ที่เลือกใช้โซลูชั่นของ แซส ทั่วโลกหลายแห่ง เช่น Allianz Bank Polska S.A., Banco Bradesco SA, China CITIC Bank, Etihad Airways, Kaiser + Kraft Europa GMBH, Nintendo of America Inc., Reply SpA, S2P, Samsung SDI, Southwest Airlines และ Vector Casa de Bolsa SA de CV

นายขวัญชัย กล่าวอีกว่า ในปีที่ผ่านมา แซส มีลูกค้าที่ลงทุนด้านโครงการใหม่ๆ กับแซส ทั้งจากกลุ่มธนาคาร สถาบันการเงิน และอุตสาหกรรมอื่นๆ ส่งผลให้ แซส มีผลประกอบการที่ดีและเติบโตเพิ่มขึ้นจากเดิม

ความสำเร็จทั่วโลก ส่วนหนึ่งเกิดจากการผนวกรวมด้านนวัตกรรม
ในช่วงหลายปีก่อน รายได้ของบริษัท แซส เติบโตอย่างสมดุลทั่วโลก ซึ่งนั่นทำให้บริษัทมีเสถียรภาพอย่างมาก โดยในทวีปอเมริกาอัตราการเติบโตของรายได้คิดเป็น 43 เปอร์เซ็นต์ ของรายได้ทั้งหมด ขณะที่ภูมิภาคยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา (EMEA) อยู่ที่ระดับ 45 เปอร์เซ็นต์ และภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก 12 เปอร์เซ็นต์

ในปี 2551 บริษัท แซส ได้ลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาเพิ่มขึ้นมากถึง 22 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ ด้วยจำนวนพนักงาน 11,019 คน โดยเพิ่มขึ้น 3.5 เปอร์เซ็นต์ จากปี 2550 และบริษัท แซส ยังติดอันดับหนึ่งใน 100 บริษัท ในสหรัฐอเมริกาของนิตยสารฟอร์จูน ที่คนต้องการเข้าร่วมทำงานด้วยมากที่สุด ซึ่งนับเป็นปีที่ 12 ติดต่อกันแล้ว นอกจากนี้ บริษัท แซส ยังติดอันดับหนึ่งในบริษัทที่ดีที่สุดในด้านการสร้างสมดุลให้กับพนักงานในเรื่องการดูแลสุขภาพ การดูแลบุตร และการทำงาน

สำหรับด้านนวัตกรรม บริษัท แซส ได้ผนวกรวมพนักงานและเทคโนโลยีของ สอง บริษัทไว้ด้วยกันในปี 2551
• บริษัท เทราแกรม ที่มีพนักงาน 40 คน สำนักงานใหญ่ในเมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ บริษัทนี้สามารถขยายงานด้านการวิจัยของบริษัท แซส ด้วยการประมวลผลทางด้านภาษาธรรมชาติและเทคโนโลยีด้านภาษาขั้นสูง

• บริษัท ไอเดียส์ เรเวอนิว ออปติไมเซชัน ด้วยจำนวนพนักงาน 200 คนในมินนิอาโปลิส ทำให้โซลูชั่นการวิเคราะห์ขั้นสูง ระบบธุรกิจอัจฉริยะ และอุตสาหกรรมเฉพาะของ แซส เติมเต็มได้ด้วยความสามารถด้านการจัดการรายได้โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และการต้อนรับ

พันธมิตรที่มีศักยภาพช่วยเพิ่มผลประกอบการ
นายขวัญชัย กล่าวว่า ที่ผ่านมา แซส เชื่อมั่นในศักยภาพของพันธมิตร ซึ่งล้วนแต่เป็นบริษัทที่มีความชำนาญเฉพาะในตลาดด้านเทคโนโลยี และผลิตภัณฑ์ ด้านอุตสากรรมต่างๆ และสามารถนำเสนอโซลูชั่นของ แซส ได้ตรงตามความต้องการของลูกค้าเป้าหมายได้เป็นอย่างดี

ทั้งนี้เครือข่ายพันธมิตรธุรกิจและช่องทางจำหน่ายที่กำลังเติบโตของ บริษัท แซส มีส่วนสำคัญต่อรายได้ของบริษัทถึง 28 เปอร์เซ็นต์ และเกือบครึ่งของข้อตกลงด้านยุทธศาสตร์ชั้นนำทั่วโลก 50 รายการ โดยบริษัท แซส ยังคงยึดมั่นในแนวคิดเชิงกลยุทธ์คือ การทำธุรกิรกับผู้ให้บริการระบบที่ครบวงจรชั้นนำของโลก การเป็นพันธมิตรกับผู้รวมระบบอย่าง บริษัท แอคเซนเจอร์, บริษัท แคปเจอมินิ, บริษัท ทาทา คอนซัลแทนซี เซอร์วิส, บริษัท ไวโปร เทคโนโลยีส์ และอื่นๆ ช่วยให้ลูกค้าของบริษัท แซส มีทรัพยากรและผู้เชี่ยวชาญที่จะนำระบบธุรกิจอัจฉริยะของแซสไปใช้ได้อย่างครอบคลุมทั้งองค์กร โดยบริษัท แซส ยังคงเดินหน้าในการพัฒนาด้านการวิเคราะห์ฐานข้อมูลกับบริษัท เทราดาต้า ผ่านโครงการการสร้างโอกาสระหว่างแซส และเทราดาต้า (SAS and Teradata Advantage Program) ที่เปิดตัวในปี 2551

ทิศทางของบริษัท
ท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจที่ยังคงชะลอตัวตลอดช่วงครึ่งปีแรกของปี 2552 บริษัท แซส ยังลงทุนอย่างต่อเนื่องในด้านเทคโนโลยีและโซลูชั่นที่จะช่วยให้ลูกค้าสามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้มากขึ้น โดยบริษัท แซส จะเปิดตัว SAS 9.2 ที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น และส่งมอบโซลูชั่นใหม่ในพื้นที่ของตลาดที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบการฉ้อโกงมุมมองลูกค้า ความเสี่ยง และการวิเคราะห์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกรอบการทำงานด้านระบบธุรกิจอัจฉริยะ โดยบริษัท แซส ยังให้คำมั่น ที่จะสร้างความแข็งแกร่งในฐานะ
ผู้ให้บริการโซลูชั่นด้านซอฟต์แวร์และสมาชิกขององค์กร

“บริษัท แซส แข็งแกร่งมากในด้านการจัดการข้อมูลและกระบวนการทางธุรกิจ ดังนั้นเราจึงอยู่ในตำแหน่งที่ดีมากในตลาด” นาย จิม เดวิส รองประธานอาวุโส บริษัท แซส กล่าว และว่า “องค์กรต่างๆ ต้องการใช้ข้อมูลที่พวกเขามีร่วมกับกรอบการทำงานของระบบธุรกิจอัจฉริยะ เพื่อนำไปสู่แนวทางแก้ไขสำหรับการอยู่รอดได้ในภาวะที่ท้าทายเช่นนี้”

บริษัท การ์ทเนอร์ อิงค์. ได้จัดให้บริษัท แซส อยู่ในกลุ่มผู้นำของ แมจิก ควอแดรนท์ ด้านแพลตฟอร์มธุรกิจอัจฉริยะในเดือนกุมภาพันธ์ 2550 1(แสดงในรายงานที่ได้รับการเผยแพร่เมื่อเดือนที่แล้ว), ผู้มีวิสัยทัศน์ของ แมจิก ควอแดรนท์ ด้านการจัดการทรัพยากรการตลาดในไตรมาสที่ 1 ปี 2551 เมื่อเดือนมีนาคม2, กลุ่มผู้นำของ แมจิก ควอแดรนท์ ด้านการจัดการการประชาสัมพันธ์ในหลายช่องทางในเดือนเมษายน 25513, กลุ่มผู้นำของ แมจิก ควอแดรนท์ ด้านซอฟต์แวร์การจัดการความเสี่ยงด้านการดำเนินงาน สำหรับบริการทางการเงินในเดือนมิถุนายน4, ผู้มีวิสัยทัศน์ของ แมจิก ควอแดรนท์ ด้านการจัดการการตลาดองค์กรในเดือนกรกฎาคม5, กลุ่มผู้นำของ แมจิก ควอแดรนท์ ด้านแอพพลิเคชั่นดาต้ามายนิ่งในเดือนกรกฎาคม 6 และผู้มีวิสัยทัศน์ของ แมจิก ควอแดรนท์สำหรับเครื่องมือการรวมข้อมูลในเดือนกันยายน 7

เกี่ยวกับแมจิกควอแดรนท์
แมจิก ควอแดรนท์ (Magic Quadrant) ได้รับการจดลิขสิทธิ์ในปี พ.ศ. 2551 โดย บริษัท การ์ทเนอร์ อิงค์. และถ้านำไปใช้ซ้ำจะต้องได้รับการอนุญาต โดย แมจิก ควอแดรนท์ เป็นการแสดงสภาพตลาดในช่วงเวลาหนึ่งในรูปแบบของกราฟิก ซึ่งอ้างอิงข้อมูลการวิเคราะห์ของการ์ทเนอร์ในเรื่องที่เกี่ยวกับประสิทธิภาพการดำเนินงานของผู้ผลิต เมื่อเทียบกับเกณฑ์ที่การ์ทเนอร์ได้กำหนดไว้สำหรับตลาดนั้นๆ ทั้งนี้ การ์ทเนอร์ไม่ได้ให้การรับรองผู้ผลิต สินค้า หรือบริการใดๆ ที่กล่าวถึงในแมจิก ควอแดรนท์ และไม่ได้แนะนำให้ผู้ใช้เลือกใช้เทคโนโลยีของผู้ผลิตที่จัดอยู่ในกลุ่ม “ผู้นำ” (Leaders) เท่านั้น แมจิก ควอแดรนท์ มีจุดมุ่งหมายเพียงเพื่อใช้เป็นเครื่องมือสำหรับการวิจัยเท่านั้น และไม่ได้ใช้เป็นแนวทางสำหรับการดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะ การ์ทเนอร์ขอปฏิเสธการรับประกันใดๆ ทั้งโดยชัดแจ้งและโดยนัย ในส่วนที่เกี่ยวกับข้อมูลการวิจัยนี้ รวมถึงการรับประกันเกี่ยวกับความสามารถในการจัดจำหน่าย หรือความเหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะ

เกี่ยวกับบริษัท แซส
บริษัท แซส เป็นผู้นำในตลาดซอฟแวร์และบริการด้านการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงธุรกิจ และเป็นผู้ค้าอิสระรายใหญ่ที่สุดในตลาดระบบธุรกิจอัจฉริยะ (Business Intelligence) ด้วยโซลูชั่นด้านนวัตกรรมที่ทำงานภายใต้โครงสร้างที่ผสมผสาน แซส สามารถช่วยลูกค้ามากกว่า 45,000 รายทั่วโลก ในการเพิ่มประสิทธิภาพและมูลค่า เพื่อการตัดสินใจที่รวดเร็วและดีกว่า นับตั้งแต่ปี 2519 บริษัท แซส ได้มอบแนวคิดการสร้างสรรค์อํานาจแห่งการเรียนรู้ หรือ The Power to Know? ให้กับลูกค้าทั่วโลก