คอสคาตา จับมือ เจนเนอรัล มอเตอร์ส มุ่งเป้าหมายเป็นผู้นำเทคโนโลยีพลังงานทดแทน

คอสคาตา ผู้ผลิตเอธานอลด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจากสหรัฐฯ เปิดตัวเชื้อเพลิงสุดล้ำ “เฟล็กซ์-เอธานอล” ผลิตด้วยเทคโนโลยีจุลินทรีย์ชีวภาพ ต้นทุนต่ำ แต่ประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยค่าออคเทนเหนือกว่าน้ำมันที่ใช้ในรถแข่ง มุ่งจับมือค่ายรถยักษ์ใหญ่อย่างจีเอ็ม ผลักดันให้เชื้อเพลิงดังกล่าวแพร่หลาย หวังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

มร.เวส โบลเซน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด และผู้อำนวยการฝ่ายรัฐกิจของคอสคาตา เดินทางเยือนประเทศไทย พร้อมเผยแพร่เทคโนโลยีการพัฒนาการผลิตเชื้อเพลิงเอธานอลรูปแบบใหม่ของบริษัทฯ มุ่งตอบโจทย์สำคัญ ทั้ง ลดการพึ่งพาน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีราคาผันผวน และลดมลพิษจากการใช้น้ำมันที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมชี้ประเทศไทยมีความพร้อมในการพัฒนาเชื้อเพลิงชีวภาพ อย่าง เอธานอล

คอสคาตา เป็นบริษัทพัฒนาพลังงานทดแทนด้วยวิธีการทางชีววิทยา เน้นการผลิตเอธานอลจากหลากหลายแหล่งที่มา ทั้งชีวมวล ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ของเสียจากบ้านเรือน เช่นเดียวกับ วัตถูทุกชนิดที่มีสารประกอบคาร์บอน ทำให้สามารถลดต้นทุนการผลิตลงได้มาก

เทคโนโลยีสำคัญในการผลิตเอธานอลของคอสคาตา คือการใช้เครื่องปฏิกรณ์จุลินทรีย์ชีวภาพจากการคิดค้นของบริษัทฯ รวมถึงใช้เชื้อจุลินทรีย์ในการย่อยสลายวัตถุดิบ ซึ่งผลผลิตที่ได้คือเอธานอลที่จะสามารถสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน กระตุ้นเศรษฐกิจ และช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมได้ในระยะยาว

บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เชิญมร.เวส โบลเซน เดินทางมาเยือนประเทศไทย โดยได้เข้าพบปะหารือกับนายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และสมาคมผู้ผลิตเอธานอล แห่งประเทศไทย

“ประเทศไทย มีปัจจัยพร้อม เกือบทุกด้าน ทั้งวัตถุดิบ และนโยบายของรัฐบาล นอกจากนี้ การผลิตเอธานอล ยังสอดคล้องกับนโยบายธุรกิจของปตท. ด้วย” มร.โบลเซน กล่าว “สิ่งที่เรานำเสนอนั้น คือความมั่นคงด้านพลังงานที่จะช่วยลดการพึ่งพาน้ำมันเชื้อเพลิงลงได้ เศรษฐกิจจะขยายตัวยิ่งขึ้นจากสาธารณูปโภครูปแบบใหม่ที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เอธานอล ที่ได้จากเทคโนโลยีการผลิตนี้ นอกจากจะมีค่าออคเทนสูงที่จะช่วยเพิ่มพละกำลังของเครื่องยนต์แล้ว สิ่งสำคัญก็คือ เอธานอลของเรา ซึ่งเรียกว่า ‘เฟล็กซ์-เอธานอล’ มีราคาที่สามารถแข่งขันกับน้ำมันเชื้อเพลิงธรรมดาได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาการอุดหนุนจากรัฐบาล”

เชื้อเพลิงแบบเฟล็กซ์-เอธานอล เป็นผลผลิตของเทคโนโลยีเฉพาะของคอสคาตา ทั้งนี้ การผลิตเอธานอลโดยทั่วไปนั้น จะใช้กระบวนการทางชีวภาพ ผ่านทางการหมัก และใช้น้ำ หรือผ่านทางกระบวนการใช้เคมีความร้อนโดยใช้แก๊ส แต่เทคโนโลยีของคอสคาตานั้น จะใช้เทคโนโลยีส่วนที่ดีที่สุดของทั้งสองแบบดังกล่าวผสมผสานกัน ซึ่งเรียกว่าเทคโนโลยีชีวภาพความร้อน

เทคโนโลยีดังกล่าวนี้ จะทำให้สามารถใช้วัตถุดิบจากหลากหลายแหล่งที่มาได้ ตั้งแต่ของเสียจากครัวเรือน อาทิ ยางรถยนต์ หรือขวดน้ำพลาสติค ของเสียจากผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร สำหรับขั้นตอนการผลิตนั้นยังใช้น้ำน้อยกว่าการกลั่นน้ำมัน หรือการผลิตเอธานอลจากข้าวโพดถึงกว่า 50% ขณะที่น้ำจากการผลิตเฟล็กซ์-เอธานอล ก็มีความสะอาดมากกว่ากระบวนการผลิตเอธานอลทั่วไป หรือการผลิตน้ำมัน

หนึ่งในเป้าหมายในการเดินทางมาเยือนประเทศไทยของมร.โบลเซนในครั้งนี้ ก็คือ การเผยแพร่เทคโนโลยีและการหาพันธมิตรการผลิตเฟล็กซ์-เอธานอล สำหรับตลาดทั้งในประเทศไทย และการส่งออก อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการทำข้อตกลงอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด

“วันนี้ เป็นการพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นครั้งแรกของเรา และเป็นครั้งแรกที่ผมได้ประชุมกับหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ยังถือว่าอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการหารือไม่มีการตัดสินใจข้อตกลงแต่อย่างใด สำหรับขั้นตอนต่อไป คือการหาหนทางให้เป็นรูปธรรมในประเทศไทย” มร.โบลเซน กล่าว “เฟล็กซ์-เอธานอล ประสบความสำเร็จในการทดสอบกับยานยนต์ของจีเอ็ม แท้จริงแล้ว เราไม่สามารถหาพันธมิตรที่ดีไปกว่าจีเอ็มได้อีกแล้ว ไม่ใช่เพียงว่าจีเอ็มนั้นจะเป็นผู้นำการผลิตยานยนต์เชื้อเพลิงทางเลือกเท่านั้น หาก จีเอ็มยังมีความมุ่งมั่นที่จะลดมลพิษ และลดการพึ่งพาน้ำมันอย่างจริงจัง ถือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่มีเป้าหมายสอดคล้องกับคอสคาตา อย่างมาก”

มร.สตีฟ คาร์ไลส์ ประธานกรรมการ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส เซาท์อีสต์เอเชีย โอเปอเรชั่นส์ จำกัด และบริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เป้าหมายสูงสุดของจีเอ็มคือ ยานยนต์ปราศจากมลพิษ และเราเชื่อว่าเฟล็กซ์-เอธานอล ของคอสคาตาเป็นเทคโนโลยีที่ดีในการลดมลพิษที่เป็นอันตรายของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม ผมหวังว่าจะได้เห็นผลงานของคอสคาตา เป็นประโยชน์กับทุกคนในเร็ววัน”

คอสคาตา เป็นบริษัทที่ก่อตั้งโดยนักลงทุนและผู้ประกอบการด้านพลังงาน พนักงานส่วนใหญ่เป็นดอกเตอร์ผู้มีความเชี่ยวชาญขั้นสูง คอสคาตา มีผลงานโดดเด่นมากมาย มีสิทธิบัตร องค์ความรู้ และทีมงานชั้นนำในอุตสาหกรรมนี้ โดยมีเป้าหมายสำคัญ คือการสร้างสรรค์พลังงานทดแทนที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และลดการพึ่งพาน้ำมันเชื้อเพลิงของทุกประเทศทั่วโลก