มิลเลียไลฟ์อินชัวรันส์ ดีเดย์วันนี้ 2 กรมธรรม์เด่น Happy Family 90/15, Happy Saving 12/6

มิลเลียไลฟ์อินชัวรันส์ ส่งมอบความสุขกับ 2 กรมธรรม์สุดเด่น Happy Family 90/15, Happy Saving 12/6 ด้วยข้อเสนอพิเศษสุด รับเงิน 100% ของทุนประกันภัย หมดห่วงด้วยเงินเลี้ยงดูเดือนละ 10% นาน 24 เดือน, จ่าย 6 ปี คุ้มครองนาน 12 ปี ดีเดย์วันนี้ผ่านช่องทางแบงค์แอสชัวรันส์ เผยต้องการเสริมสร้างการบริการที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างลงตัว ชี้ช่องทางการขายผ่านแบงค์แอสชัวรันส์ของบริษัทปีนี้ สดใส ตั้งเป้าเติบโต 24%

มร.เคนตะ โอคิตะ ผู้อำนวยการฝ่ายแบงค์แอสชัวรันส์ บริษัท มิลเลียไลฟ์อินชัวรันส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทมีการนำเสนอกรมธรรม์ใหม่ 2 แบบ ผ่านช่องทางแบงค์แอสชัวรันส์ อันได้แก่ Happy Family 90/15 หมายถึงการดูแลคุณและครอบครัว ซึ่งมีจุดเด่นในกรณีที่เสียชีวิต สามารถรับเงินถึง 100% เพื่อเป็นเงินสำรองของครอบครัว และยังได้รับเงินเลี้ยงดูรายเดือนๆ ละ 10% นานถึง 24 เดือน ซึ่งเป็นลักษณะการคุ้มครองมีเฉพาะที่มิลเลียไลฟ์ หนึ่งเดียวเท่านั้น ยังไม่มีบริษัทประกันชีวิตใดจัดทำขึ้น ชำระเบี้ยประกัน 15 ปี ให้ความคุ้มครองยาวนานตลอดชีพ พร้อมเงินคืนทุก 2 ปี เพื่อเก็บไว้เป็นเงินออม และเบี้ยประกันหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาทต่อปี และอีกกรมธรรม์หนึ่งคือ Happy Saving 12/6 หรือกรมธรรม์ออมเพื่อรับรายได้ประจำ มีจุดเด่นคือ จ่ายเบี้ยประกันในระยะสั้น 6 ปี คุ้มครองนานถึง 12 ปี รับรายได้ประจำที่แน่นอน 5% ของทุนประกันภัยทุกปี เมื่อครบ 12 ปี ได้รับทุนประกันภัย 100% พร้อมเงินคืนอีก 20% ของทุนประกันภัย รับความคุ้มครองชีวิตสูงสุดถึง 180% ของทุนประกันภัย มีการเพิ่มผลประโยชน์ได้ โดยสามารถซื้อความคุ้มครองสุขภาพ การชดเชยรายได้ และเบี้ยประกัน
หักลดหย่อนภาษีได้ 100,000 บาท กรมธรรม์รูปแบบใหม่ทั้ง 2 แบบนี้ มีบริการที่แตกต่างเพิ่มเติมในส่วน FNB หมายถึง ในกรณีเสียชีวิตได้รับเงินช่วยเหลือทันทีในเบื้องต้นโดยไม่ต้องรอผลการพิจารณาจ่ายค่าสินไหมทดแทนถึง 30% ของผลประโยชน์กรณีเสียชีวิตสูงสุดไม่เกิน 300,000 บาทสำหรับกรมธรรม์ที่มีอายุ 2 ปีขึ้นไป เพื่อให้ทายาทของผู้เอาประกันสามารถมีเงินใช้จ่ายในยามจำเป็นได้ทันที เริ่มเปิดบริการในวันที่ 20 พฤษภาคม นี้ เป็นวันแรกด้วยเช่นกัน

“จากนโยบายหลักของบริษัท ที่ต้องการเสริมสร้างการบริการที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองตามความต้องการของลูกค้าในทุกระดับของความต้องการ เป็นไปอย่างถูกต้อง และตรงจุด ซึ่งนั่นหมายถึงการที่บริษัทมิลเลียไลฟ์ ตระหนักดีว่าทุกชีวิตมีคุณค่าและความสำคัญ เราจึงต้องมุ่งมั่นสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่ดีที่สุดเพื่อมอบความอุ่นใจที่สอดคล้องกับความต้องการในทุกช่วงเวลาที่สำคัญของชีวิต และเมื่อชีวิตของลูกค้ามีความมั่นคง ความสุขจึงเป็นสิ่งที่ตามมา และยิ่งสิ่งนั้นเป็นผลมาจากการทำประกันชีวิตเราในฐานะบริษัทประกันชีวิต จึงมีความภาคภูมิใจ ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสรรค์สังคมที่น่าอยู่และมีความสุข”

มร.เคนตะ โอคิตะ กล่าวต่อไปว่า สำหรับปีนี้ แม้ว่าประเทศไทยจะเผชิญกับปัญหาทางเศรษฐกิจ ทั้งภายในและภายนอก ซึ่งเป็นผลทำให้ประชาชนระมัดระวังการใช้จ่ายอย่างรัดกุม และทำให้เงินออมลดลง การเมืองขาดเสถียรภาพ นักลงทุนขาดความมั่นใจในการลงทุน และสภาวการณ์ในปัจจุบัน ซึ่งปัจจัยเหล่านี้มีผลกระทบต่อธุรกิจประกันชีวิตทั้งสิ้น แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ และอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มลดลง กลับส่งผลให้ธุรกิจประกันชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจการขายประกันผ่านธนาคาร (แบงคก์แอสชัวรันส์) ซึ่งในปีนี้ บริษัทได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตในช่องทางธนาคารไว้ 24% สำหรับภาพรวมของธุรกิจนั้น ได้มีการประมาณการโดยสมาคมประกันชีวิตว่า อัตราการเติบโตของธุรกิจประกันชีวิตของปีนี้ เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 8.1 มีเบี้ยประกันชีวิตรวม 240,181.2 ล้านบาท มีเงินกองทุนสูงถึง 145,261.4 ล้านบาท และมีกรมธรรม์เพิ่มขึ้นถึง 15.1 ล้านกรมธรรม์

“สำหรับการขยายตลาดและพัฒนาช่องทางการขายในปีนี้ บริษัทยังคงเน้นที่การขายผ่านธนาคาร ผลักดันช่องทางเทเลมาร์เก็ตติ้ง ให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น นอกจากนั้นบริษัทมีแผนงานในการเพิ่มศักยภาพในการขยายตลาดและช่องทางการจัดจำหน่าย ด้วยการพัฒนาความร่วมมือ กับ กลุ่ม โตเกียว มารีน และพันธมิตรทางการค้า ผนวกกับ กลวิธีการเพิ่มลูกค้าใหม่จากฐานลูกค้าเดิมด้วยการพัฒนาการจัดการความสัมพันธ์ลูกค้า และการสร้างแบรนด์ที่เป็นเอกลักษณ์ พร้อมการสื่อสารในรูปแบบการประชาสัมพันธ์ไปสู่สาธารณชนให้มากยิ่งขึ้น” มร.โอคิตะ กล่าวในที่สุด