ฟอร์ติเน็ต (Fortinet?) ผู้บุกเบิกและผู้ให้บริการชั้นนำด้านโซลูชั่นการบริหารจัดการป้องกันภัยแบบเบ็ดเสร็จหรือ ยูทีเอ็ม (UTM – Unified Threat Management) เปิดเผยสถานะทางการเงินและผลกำไรที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงไตรมาสแรกของปี 2009 สิ้นสุดเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2009 แม้ว่าทุกภาคส่วนต้องประสบกับภาวะความยากลำบากทางเศรษฐกิจ ฟอร์ติเน็ตยังคงสามารถรักษาสถานะทางการเงินที่เข้มแข็งไว้ได้ โดยมียอดขายรวมทั้งสิ้น 60 ล้านเหรียญสหรัฐ รายได้เพิ่มขึ้น 20 เปอร์เซ็นเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีที่แล้ว หรือเพิ่มขึ้น 55 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ ฟอร์ติเน็ตยังคงมีผลกำไรอย่างต่อเนื่อง โดยมีกำไรก่อนหักภาษีในไตรมาสดังกล่าว 5 ล้านเหรียญสหรัฐ และสามารถเพิ่มเงินสดในบัญชี Cash balance เมื่อสิ้นสุดไตรมาส 1 ของปี 2009 ด้วยตัวเลขเงินสดและเงินลงทุนระยะสั้นสุทธิ 129 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ สถานะทางการเงินที่สอดคล้องลงตัว และเป็นไปตามคาดหมายเป็นผลมาจากแพลตฟอร์มที่ได้รับการพัฒนาขึ้นเป็นลำดับและล้ำหน้าเหนือกาลเวลา รวมทั้งการขยายขอบข่ายของผลิตภัณฑ์ด้วยโซลูชั่นใหม่ๆ ที่ช่วยเพิ่มเลเยอร์ความปลอดภัยในระดับต่างๆ ของเครือข่าย
“การเสริมความโดดเด่นให้กับเทคโนโลยีอันทรงพลังและแตกต่างด้วยด้วยประสิทธิภาพที่เหนือชั้นขึ้น และการสร้างอัตราเติบโตให้กับผลิตภัณฑ์จากฐานลูกค้าเดิม ด้วยการขยายขอบข่ายผลิตภัณฑ์ เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์สองประสานที่ฟอร์ติเน็ตใช้ตลอดปีที่ผ่านมาเพื่อวางรากฐานสำหรับการเติบโต” มร.เคน เซีย ผู้ก่อตั้ง ประธาน และซีอีโอ ของฟอร์ติเน็ต กล่าว “ผลิตภัณฑ์และการดำเนินธุรกิจที่จะได้เห็นจากฟอร์ติเน็ตในช่วงที่เหลือของปี 2009 จะสะท้อนให้เห็นกลยุทธ์ดังกล่าว ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้ากลุ่มเอ็นเทอร์ไพรส์และผู้ให้บริการโครงข่ายการสื่อสาร”
สถานะทางการเงินช่วงไตรมาส 1 ของปี 2009
ฟอร์ติเน็ตมีอัตราเติบโตด้านการเงินในหลายๆ ด้านในช่วงไตรมาส 1 ของปี 2009 เพิ่มขึ้นทั้งในส่วนของรายได้, ยอดขาย, เงินสด, และเงินลงทุนระยะสั้นสุทธิ ตลอดจนผลกำไร โดยมีรายได้เพิ่มขึ้น 20 เปอร์เซ็นต์หรือ 55 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 1 ของปี 2008 และมียอดขายในช่วงดังกล่าว 60 ล้านเหรียญสหรัฐ อีกทั้งรายได้รับล่วงหน้า (Deferred revenue) เพิ่มขึ้น 25 เปอร์เซ็นต์ หรือ 177 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนปริมาณเงินสดและเงินลงทุนระยะสั้นเติบโตขึ้น 31 เปอร์เซ็นต์ หรือ 129 ล้านเหรียญสหรัฐ (หลังจากใช้เงินสด 8 ล้านเหรียญสหรัฐ ซื้อคืนหุ้นของบริษัทจากผู้ถือหุ้นบางส่วนในช่วงไตรมาส 1 ของปี 2009) เทียบกับช่วงไตรมาส 1 ของปีก่อนหน้านี้ และฟอร์ติเน็ตยังคงเป็นบริษัทที่ไม่มี หนี้ระยะสั้นและระยะยาว นอกจากนี้ ฟอร์ติเน็ตยังมีผลกำไรจากการดำเนินงานตาม GAAP สำหรับช่วง ไตรมาส 1 ของปี 2009 และสามารถบริหารงบกระแสเงินสดให้เป็นบวกทุกปีนับตั้งแต่ปี 2005 อีกด้วย
ฟอร์ติเน็ตได้รับอานิสงส์อย่างมากจากแนวโน้มเกี่ยวกับ Technology Consolidation หรือการ ผนวกรวมหลากหลายเทคโนโลยีไว้ในโซลูชั่นเดียว ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมและมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เพราะถือเป็นกลไกที่ช่วยประหยัดเงินทุนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน นอกจากนี้ การดำเนินตามแผนธุรกิจอย่างรัดกุมและการควบคุมต้นทุนอย่างเข้มงวดยังช่วยรักษาระดับการทำกำไรอีกด้วย ในขณะที่โมเดลธุรกิจที่จูงใจให้ลูกค้าจดทะเบียนใช้บริการด้านความปลอดภัยซ้ำอย่างต่อเนื่องช่วยให้รายได้รับล่วงหน้าเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ปัจจัยเหล่านี้ล้วนมีส่วนช่วยผลักดันการเติบโตและผลกำไรอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของฟอร์ติเน็ต
การขยายขอบข่ายด้านเทคโนโลยี
ในช่วงไตรมาส 1 ของปี 2009 ฟอร์ติเน็ตเปิดตัวซอฟต์แวร์อัพเดทสำหรับผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม FortiGate? อุปกรณ์รักษาความปลอดภัยเครือข่ายแบบหลายระดับขั้น ซึ่งเป็นโซลูชั่นชั้นนำในตลาด และ ยังขยายขอบข่ายผลิตภัณฑ์โดยเพิ่มโซลูชั่นหลากหลายที่สามารถสร้างเกราะป้องกันภัยให้กับเครือข่ายในระดับที่ลึกยิ่งขึ้น อาทิ:
• ระบบปฏิบัติการ FortiOS? 4.0: เฟิร์มแวร์เวอร์ชั่นใหม่ ซึ่งเพิ่มคุณสมบัติใหม่ๆ เข้ามามากมาย เพื่อเพิ่มความความคุ้มค่าและประโยชน์ใช้สอยของผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม FortiGate? โดยรวบรวม 4 คุณสมบัติเด่น ได้แก่ ควบคุมการใช้งานแอพพลิเคชั่น (Application Control), ป้องกันการรั่วไหลของข้อมูล (Data Leakage Protection: DLP), เร่งความเร็วของแอพพลิเคชั่นบนระบบเครือข่าย WAN optimization, และตรวจสอบข้อมูลที่ถูกเข้ารหัสด้วย SSL (SSL Traffic Inspection);
• FortiWeb?-1000B: เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับองค์กรระดับเอ็นเทอร์ไพรส์ขนาดกลางและใหญ่ และนับเป็นรุ่นแรกในกลุ่มผลิตภัณฑ์รักษาความปลอดภัยบนเว็บ (Web Security Appliance) ที่ทำหน้าที่เป็นไฟร์วอลล์ทั้งในส่วนของแอพพลิเคชั่นและ XML เพื่อป้องกัน สร้างสมดุล และเพิ่มอัตราเร่งในการทำงานให้กับเว็บแอพพลิเคชั่นต่างๆ และระบบฐานข้อมูล รวมถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันของระบบดังกล่าว
• FortiDB? Monitoring & Auditing: เป็นอุปกรณ์ใหม่ที่เติมเต็มในส่วนการรักษาความปลอดภัยสำหรับฐานข้อมูล ช่วยให้สามารถตรวจติดตามการทำงานของเครือข่ายได้ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมงหรือตามช่วงเวลาที่กำหนด รวมทั้งทำการตรวจสอบย้อนหลังอย่างรอบด้าน เพื่อช่วยให้องค์กรสามารถปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับต่างๆ อย่างครบถ้วน นอกจากนี้ ยังเปิดตัว FortiDB-400B และ FortiDB-2000B ตามหลัง FortiDB-1000B ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มความปลอดภัยฐานข้อมูลมีความครบครันยิ่งขึ้น ตอบสนองความต้องการได้ทั้งองค์กรระดับเล็ก ระดับกลาง และครอบคลุมไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่
มร. เซีย กล่าวเสริมว่า “ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน เราให้ความสำคัญอย่างมากกับการตอบสนองความคาดหวังของลูกค้า ทั้งในแง่ประสิทธิภาพและความคุ้มค่าของเทคโนโลยี โดยเฉพาะ อย่างยิ่ง การเปิดตัวระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุด FortiOS 4.0 ซึ่งเพิ่มประโยชน์ใช้สอยใหม่ๆ เข้ามามากมายโดยไม่เพิ่มราคา มีองค์กรจำนวนมากเล็งเห็นประโยชน์จากแนวคิด Technology Consolidation และให้การยอมรับแนวทางนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าวิสัยทัศน์และกลยุทธ์การเติบโตของฟอร์ติเน็ตเดินมาถูกทางแล้ว”
เมื่อเร็วๆ นี้ Frost & Sullivan ได้ออกรายงานเกี่ยวกับเทคโนโลยี FortiOS 4.0 ซึ่งเป็นเฟิร์มแวร์อัพเกรดครั้งแรกสำหรับอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยแบบหลายระดับขั้นในตระกูล FortiGate? รายงานฉบับดังกล่าวถึงการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ครั้งนี้ว่า “ช่วยผลักดันแนวคิด Network Security Convergence ให้ก้าวไกลไปอีกขั้น” และ “ทำให้วิวัฒนาการของ UTM อยู่ในความสนใจของทุกคนในวงการ”
งานวิจัยของ Frost & Sullivan ให้ความสนใจเป็นพิเศษกับนวัตกรรมที่มีอยู่ใน FortiOS 4.0 โดยในรายงานมีข้อมูลน่าสนใจดังต่อไปนี้
• UTM นำมาซึ่งความคุ้มค่าในระดับสูงสำหรับระบบรักษาความปลอดภัยที่ต้องเผชิญกับสภาพ แวดล้อมของโลกธุรกิจที่เกิดปัญหาและความท้าทายมากขึ้นเรื่อยๆ
• เหตุการณ์ต่างๆ ในสถานการณ์เศรษฐกิจโลกช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ทำให้ประโยชน์จากการใช้ UTMได้รับการเผยแพร่มากขึ้น และโซลูชั่นดังกล่าวก็ได้กลายเป็นระบบรักษาความปลอดภัยที่ได้รับการยอมรับมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าระดับเอ็นเทอร์ไพรส์ขนาดใหญ่
• การเปิดตัว FortiOS 4.0 โดยฟอร์ติเน็ต ทำให้วิวัฒนาการของ UTM เป็นที่สนใจของวงการ
• อีกครั้งที่ฟอร์ติเน็ตก้าวล้ำไปอีกขั้นในด้านการขยายขีดความสามารถของ UTM และได้ใส่แนวคิดด้าน Technology Convergence ลงไปในเทคโนโลยีดังกล่าว
• การรุกคืบของฟอร์ติเน็ตเข้าไปในแขนงเทคโนโลยีที่ไม่เกี่ยวข้องกับระบบความปลอดภัย (Non-security related technologies) จะช่วยขยายขอบเขตการรับรู้ของลูกค้าว่ามีความเป็นไปได้มากมายหลายช่องทางและรูปแบบในการเลือกใช้แพลตฟอร์มที่รวมหลากหลายคุณสมบัติไว้ใน หนึ่งเดียว
• เมื่อมองไปข้างหน้า จากความพยายามครั้งล่าสุดที่จะขยายขีดความสามารถของ UTM เชื่อแน่ว่าแนวคิด Technology Convergence จะได้รับการยอมรับอย่างรวดเร็วและกว้างขวางในอนาคตอันใกล้นี้
ทั้งนี้ สามารถอ่านรายงานฉบับสมบูรณ์ของ Frost & Sullivan โดยคลิ๊กเข้าไปที่เว็บไซต์ http://www.frost.com/prod/servlet/market-insight-print.pag?docid=168284191 และอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเฟิร์มแวร์ FortiOS ได้ที่ http://www.fortinet.com/products/fortios/