เอ.ดี. ไทม์ มาเลเชีย บุกตลาดนาฬิกาไทย เปิดตัว เอ.ดี. ไทม์ (ไทยแลนด์) นำเข้านาฬิกากว่า 11 แบรนด์ พร้อมทุ่มกว่า 25 ล้านบาท ทำตลาดนาฬิกาแฟชั่น เปิดช็อป “MAD TIMING” ประเดิมสาขาแรกที่ชั้น 7 ห้างมาบุญครอง มูลค่ากว่า 1 ล้านบาทต่อ ช็อป ตั้งเป้าภายในปีนี้เปิดอีก 4 – 5 ช็อป หวังเจาะตลาดตั้งแต่นักเรียน นักศึกษา จนถึงวัยทำงาน ระดับกลาง ถึงระดับบน เพื่อให้ครอบคลุมกับลูกค้าทุกกลุ่ม โดยใช้กลยุทธ์ด้านราคา และดีไซน์ในการทำตลาด คาดมีอัตราเติบโตหลาย 100 % หลังประเดิมส่งนาฬิกา โอดีเอ็ม ทำตลาดและมีกระแสตอบรับเป็นอย่างดี
นายฟิลลิก แยบ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ.ดี.ไทม์ (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ เป็นผู้นำเข้านาฬิกาแฟชั่น กว่า 11 แบรนด์ อาทิ ODM, Levi’s, Esprit, Bonia, Alain Delon, Roxy, Quiksilver, Ed Hardy, Invicta, Replay และ Doxa ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศมาเลเซีย และเป็นผู้นำเข้านาฬิกาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศมาเลเซีย โดยทางบริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายในการขยายธุรกิจไปในหลายประเทศ อาทิ สิงคโปร์ บรูไน ไต้หวัน อินโดนีเซีย เวียดนาม และประเทศไทย ซึ่งประเทศไทยได้เปิดสาขาขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2552 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้เพื่อเป็นการเปิดตัว เอ.ดี. ไทม์ (ไทยแลนด์) อย่างเป็นทางการ จึงได้ร่วมกับห้างสรรพสินค้าพารากอน โดยเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงาน “Siam Paragon World Watch & Jewelry 2009” มหกรรมงานแสดงนวัตกรรมนาฬิกาแห่งอนาคต ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 ก.ค.-16 ส.ค.นี้ ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ รวบรวมนาฬิกากว่า 200 แบรนด์ดังระดับโลก มาให้ผู้ชื่นชอบนาฬิกาได้เข้าชมก่อนใคร
ทางด้านนายษาณฑ์ วงศ์ทองมาก ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท เอ.ดี.ไทม์ (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวถึงแนวทางการตลาดของบริษัทฯ ว่าจากสถานการณ์การแข่งขันในปัจจุบันมีการแข่งขันที่สูงมาก บริษัท จึงได้ตั้งกลุ่มเป้าหมายตั้งแต่ นักเรียน นักศึกษา จนถึงวัยทำงาน ตั้งแต่ระดับกลาง จนถึงระดับบน เพื่อให้ครอบคลุมกับลูกค้าทุกกลุ่ม ซึ่งสินค้าของบริษัทจะเหมาะกับทุกเพศทุกวัย ในเรื่องของราคาก็อยู่ในระดับเริ่มต้นตั้งแต่ 1,850 บาท ไปจนถึงราคาระดับ 48,999 บาท
ส่วนใหญ่สภาพการแข่งขันของตลาดมักจะเน้นจุดขายที่รูปร่างลักษณะผ่านตัวนาฬิกา ทำให้ลูกค้าที่สนใจจะเป็นกลุ่มเดิม ๆ หรือมีแบรนด์เดิมที่อยู่ในใจลูกค้าอยู่แล้ว (Brand Loyalty) และในปัจจุบันก็มีการแข่งขันทางด้านราคาและด้านการตลาดมากขึ้น ดังนั้นทาง บริษัทฯ ได้จับมือ ร่วมกับห้างสรรพสินค้าชั้นนำในประเทศไทย อาทิเช่น The Mall, Robinson, Istetan หรือ Flag Ship store อาทิเช่น Loft @ Siam Discovery นำผลิตภัณฑ์เข้าไปจำหน่าย นอกจากนี้บริษัทฯ ทุ่มงบกว่า 25 ล้าบาท ทำตลาดนาฬิกาแฟชั่น โดยแบ่งใช้งบกว่า 10 ล้าบาท เปิดช็อปตามศูนย์การค้าชั้นนำทั่วไปด้วยเงินลงทุนช็อปละ 1 ล้านบาท อาทิเช่น มาบุญครอง ฟิวเจอร์พารค์รังสิต เอสพลานาด เซ็นทรัล พลาซ่า นอกจากนี้ยังมีที่โรงภาพยนตร์ชั้นนำ เช่น SF Cinema, Major Cineplex โดยมี concept store ชื่อว่า “MAD TIMING” โดยย่อมากจาคำว่า My A.D. Time โดยจะมีแบรนด์นาฬิกาทั้งหมด11 แบรนด์เข้าไปจำหน่าย โดยสาขาแรกจะเปิดที่ ห้างมาบุญครอง ชั้น 7 ในเดือนสิงหาคมนี้ และสาขา Esplanade สาขาแจ้งวัฒนะจะเปิดในเดือนกันยายนในปีนี้เช่นเดียวกัน ตั้งเป้าปีนี้เปิด 4 – 5 แห่ง
นายษาณฑ์ กล่าวต่อว่า ถึงแม้จะมีปัจจัยลบทางการเมือง เศรษฐกิจและปัจจัยอื่นๆที่ไม่สามารถควบคุมได้ แต่เชื่อว่าในช่วงหลังยังคงจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากบริษัทได้ใช้กลยุทธ์ทางด้านราคามาโดยตลอดซึ่งเริ่มจากปี 2552 ไปจนถึง ปี2553 และได้มีการขยายแบรนด์เข้ามาเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นเราจึงเชื่อว่าช่วงภายในปีหน้า จะสามารถกระตุ้นตลาดของนาฬิกาให้เติบโตได้มากขึ้น
ในส่วนของพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบัน แม้เศรษฐกิจในครึ่งปีแรกของปี 2552 จะมีแนวโน้มที่ลดลง จะเห็นได้ว่า กลุ่มลูกค้าที่นิยมนาฬิกาแฟชั่น ก็ยังคงเป็นกลุ่มเดิมอยู่ เนื่องจากนาฬิกาแฟชั่นนั้น มีราคาที่ไม่สูงมากนัก พร้อมทั้งนาฬิกายังสามารถซื้อให้เป็นของขวัญในเทศกาลต่างๆ หรือแม้แต่จะซื้อใส่เอง พร้อมกับทางบริษัทฯ ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดอย่างต่อเนื่อง ทั้งทางด้านราคา, การออกสินค้าใหม่ๆ ดีไซน์ที่ทันสมัย แปลก ไม่ซ้ำใคร เพื่อเป็นการช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจในการซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น และสามารถซื้อได้ในราคาที่เหมาะสมอีกด้วย” นายษาณฑ์ กล่าวปิดท้าย