ท่องเที่ยวกรุงเทพฯปี’52 : ส่อแววซึม…นักท่องเที่ยวต่างชาติหดตัวเกือบร้อยละ 10

กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศไทย และเป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในประเทศไทยด้วยนั้น นับเป็นศูนย์กลางในทุกด้านของประเทศ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การเงินการธนาคาร การค้า และการลงทุน รวมถึงด้านอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านการปกครอง การศึกษา การคมนาคมขนส่ง และการสื่อสาร ขณะเดียวกันกรุงเทพฯยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับหนึ่งของไทยที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งสะท้อนได้จากจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้ด้านการท่องเที่ยวที่ครองส่วนแบ่งตลาดมากที่สุดมาโดยตลอดในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเมื่อเทียบกับจังหวัดอื่นๆของประเทศไทย ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 25-28 ของจำนวนนักท่องเที่ยวโดยรวมที่เดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทย และมีรายได้จากนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 45-48 ของรายได้โดยรวมที่เกิดจากการท่องเที่ยวในไทยในแต่ละปี นอกจากนี้ ในปี 2551 ที่ผ่านมา กรุงเทพฯยังได้รับเลือกให้เป็นเมืองที่น่าท่องเที่ยวอันดับหนึ่งในโลกประจำปี 2551 จากการจัดอันดับโดยนิตยสาร Travel & leisure ซึ่งเป็นนิตยสารชั้นนำด้านการท่องเที่ยวในต่างประเทศด้วย

อย่างไรก็ตาม จากปัจจัยลบทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศ ตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 2551 ต่อเนื่องมาจนถึงครึ่งแรกของปี 2552 ที่ได้ส่งผลต่อสถานการณ์การท่องเที่ยวไทย อันหมายรวมถึงการท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะปัญหาการถดถอยอย่างรุนแรงของตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาตินั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จึงคาดการณ์ว่า ในปี 2552 จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเยือนกรุงเทพฯลดลงร้อยละ 2.1 หรือมีจำนวนรวมทั้งสิ้นประมาณ 35 ล้านคน ก่อให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนประมาณ 305,000 ล้านบาท ซึ่งลดลงร้อยละ 4.1 เมื่อเทียบกับปี 2551 โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวที่คาดว่าจะมีการปรับตัวลดลงอย่างชัดเจนคือ กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่อาจจะมีจำนวนเพียง 10 ล้านคน หรือลดลงถึงร้อยละ 9.5 (โดยเฉพาะตลาดนักท่องเที่ยวที่มีความอ่อนไหวต่อปัจจัยที่มากระทบค่อนข้างสูงอย่างญี่ปุ่น และจีน) และก่อให้เกิดรายได้เพียงประมาณ 120,000 ล้านบาท ซึ่งลดลงถึงร้อยละ 9.8 เมื่อเทียบกับปี 2551 ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทยน่าจะใกล้เคียงกับปีก่อนคิดเป็นจำนวนประมาณ 25 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 1.2 ก่อให้เกิดรายได้ประมาณ 185,000 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า

สำหรับปัจจัยลบที่บั่นทอนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ นับตั้งแต่ครึ่งหลังปี 2551 จวบจนปัจจุบัน ได้แก่

o ความไม่มีเสถียรภาพทางการเมืองซึ่งนำไปสู่เหตุการณ์รุนแรงและการปิดล้อมสนามบินดอนเมืองและสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิในช่วงปลายปี 2551 ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อภาพลักษณ์ด้านความสงบและปลอดภัยภายในประเทศของไทยอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในสายตาของนานาประเทศ

o การชุมนุมที่นำไปสู่เหตุการณ์รุนแรงถึงขั้นจลาจลที่พัทยา และกรุงเทพฯ รวมทั้งต่างจังหวัดในช่วงสงกรานต์ ตอกย้ำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติขาดความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยในการเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยมากยิ่งขึ้น และรัฐบาลของกว่า 20 ประเทศได้ประกาศเตือนประชาชนให้หลีกเลี่ยงการเดินทางมายังประเทศไทยในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ แม้ว่าทางการไทยจะได้มีการสื่อสารโดยทันทีภายหลังที่เหตุการณ์ได้เริ่มคลี่คลาย เพื่อให้รัฐบาลของแต่ละประเทศยกเลิกประกาศเตือนนักท่องเที่ยวมิให้เดินทางมายังประเทศไทยแล้วก็ตาม แต่อาจจะต้องใช้เวลาพอสมควรในการพลิกฟื้นความเชื่อมั่นจากนักท่องเที่ยว

o การระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในประเทศเม็กซิโก ซึ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นตั้งแต่ช่วงกลางเดือนเมษายน 2552 และแพร่ระบาดไปยังประเทศอื่นๆอย่างรวดเร็วทั้งในภูมิภาคอเมริกาเหนือและภูมิภาคอื่นๆ โดยการติดต่อระหว่างคนสู่คน ส่งผลกระทบทำให้การเดินทางระหว่างประเทศชะลอตัวลงอย่างเด่นชัด หรือแม้แต่การเดินทางภายในประเทศเองด้วย

o วิกฤตเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาที่ลุกลามไปยังยุโรป และส่งผลกระทบในวงกว้างไปยังประเทศคู่ค้าสำคัญในภูมิภาคต่างๆ ทำให้การเดินทางระหว่างประเทศชะลอตัวลง โดยเฉพาะการเดินทางระยะไกล

o ค่าใช้จ่ายในการเดินทางของปี 2552 มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นจากปลายปี 2551 เนื่องจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก โดยพิจารณาจากราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วที่อยู่ในระดับเฉลี่ยลิตรละ 19.75 บาทในเดือนธันวาคม 2551 ได้เพิ่มสูงขึ้นกว่าร้อยละ 30 มาอยู่ที่ระดับเฉลี่ยลิตรละ 26.96 บาทในเดือนกรกฎาคม 2552

ซึ่งหากจะวิเคราะห์ศักยภาพในการแข่งขันเพื่อทราบถึงจุดแข็ง-จุดอ่อน และโอกาส-อุปสรรค ของการท่องเที่ยวกรุงเทพฯ อันจะมีผลต่อการปรับตัวของผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องนับจากนี้ พบว่ามีรายละเอียดดังต่อไปนี้

ดังนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จึงเห็นว่า ท่ามกลางบรรยากาศการท่องเที่ยวของกรุงเทพฯที่ซบเซาจากการถดถอยลงอย่างต่อเนื่องของตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งสามารถสร้างรายได้คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาทต่อปี ตลาดนักท่องเที่ยวคนไทยโดยเฉพาะคนต่างจังหวัด รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติที่พำนักในเมืองไทยน่าจะก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญในการช่วยเสริมสภาพคล่องให้แก่ธุรกิจบริการด้านการท่องเที่ยวในกรุงเทพฯนับจากนี้ ด้วยกลยุทธ์การตลาดในเชิงรุกมากขึ้น เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางมาเยือนกรุงเทพฯเพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่เคยเน้นให้คนกรุงเทพฯเดินทางไปท่องเที่ยวในต่างจังหวัดเป็นส่วนใหญ่ อันได้แก่

การโฆษณาประชาสัมพันธ์ โดยเฉพาะการโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อโฆษณาที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในต่างจังหวัดได้อย่างทั่วถึง พร้อมกับนำเสนอข้อมูลรายชื่อโรงแรมที่พัก ร้านอาหาร และ แหล่งช้อปปิ้ง เป็นต้น ซึ่งหากสามารถระบุราคาได้ด้วยก็จะเป็นประโยชน์มากเพราะนักท่องเที่ยวในยุคปัจจุบันเพิ่มความระมัดระวังในการใช้จ่าย และให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าในการท่องเที่ยวมากขึ้น ทั้งนี้ ปัจจุบันเว็บไซต์ต่างๆในอินเทอร์เน็ตก็ได้กลายเป็นแหล่งแลกเปลี่ยนความรู้และแนะนำแหล่งท่องเที่ยว รวมถึงร้านอาหารที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปสืบค้นได้สะดวกมากขึ้น จึงนับเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับการสื่อสารกับนักท่องเที่ยว

การนำเสนอตัวอย่างโปรแกรมการท่องเที่ยว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนควรจะมีการนำเสนอตัวอย่างโปรแกรมทัวร์ เพื่อดึงดูดหรือจูงใจนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาเที่ยวกรุงเทพมหานคร ควบคู่กับความรู้เกี่ยวกับเส้นทางการเดินทางด้วย เพราะปัญหาหลักของกรุงเทพมหานครก็คือการจราจรที่ติดขัด ทั้งๆที่รัฐบาลที่ผ่านมาหลายสมัยต่างได้พยายามแก้ปัญหานี้อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นโครงการทางด่วนยกระดับ การก่อสร้างสะพานและอุโมงค์ข้ามแยก การก่อสร้างรถไฟฟ้าและรถไฟใต้ดิน รวมถึงการตัดถนนเพิ่มเติม แต่ก็ยังคงไม่สามารถแก้ปัญหาการจราจรให้ลดลงได้มากนัก โดยเฉพาะในช่วงเวลาเร่งด่วน (06.00-09.00 น. และ 16:00-19:00 น.) ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นผลจากจำนวนรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นทุกปีอย่างต่อเนื่อง มิเช่นนั้นนักท่องเที่ยวอาจจะถึงขั้นเข็ดหลาบที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ เพราะนักท่องเที่ยวต่างจังหวัดส่วนใหญ่ไม่เคยชินกับการเดินทางที่ต้องใช้เวลานานเพื่อการเดินทางไปสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละแห่ง และอาจจะไม่ก่อให้เกิดการเที่ยวซ้ำตามมาได้ในที่สุด

การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวและแก้ไขปัญหาที่เป็นอุปสรรคสำคัญของการท่องเที่ยวกรุงเทพฯ ขณะเดียวกันก็ใม่ควรมองข้ามการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวและกิจกรรมต่างๆในเชิงอนุรักษ์ และเร่งแก้ไขปัญหาที่เป็นอุปสรรคสำคัญของการท่องเที่ยวกรุงเทพฯนอกเหนือจากปัญหาการจราจรติดขัดด้วย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการหลอกลวงและเอาเปรียบนักท่องเที่ยวของบรรดาร้านค้าและสถานบริการต่างๆ ปัญหาสุขอนามัย ปัญหาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และปัญหามลภาวะเป็นพิษ เป็นต้น

ซึ่งการจับจ่ายใช้สอยของกลุ่มเป้าหมายที่เกิดขึ้นน่าจะก่อให้เกิดการกระจายรายได้ไปสู่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องหลากหลายแขนงตามมา ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโรงแรมที่พัก ธุรกิจจำหน่ายสินค้าของที่ระลึกนักท่องเที่ยว เช่นห้างสรรพสินค้า ตลาดนัดจตุจักร เป็นต้น ภัตตาคารและร้านอาหาร ซึ่งมีทั้งร้านอาหารในโรงแรม และร้านอาหารทั่วไป รวมไปถึงธุรกิจบริการด้านบันเทิง เช่นสวนสนุกกลางแจ้ง สวนสัตว์ และสถานเริงรมย์ยามราตรี ธุรกิจบริการด้านการคมนาคมภายในกรุงเทพฯ เช่นรถแท็กซี่ รถตุ๊กตุ๊ก รถไฟฟ้า และรถไฟใต้ดิน ส่วนธุรกิจบริการนำเที่ยวรวมทั้งมัคคุเทศก์นั้นอาจจะไม่ชัดเจนมากนัก เพราะมีความเป็นไปได้ว่ากลุ่มที่เดินทางมาเยี่ยมลูกหลานก็น่าจะเป็นการท่องเที่ยวด้วยตนเองที่มีลูกหลานเป็นผู้นำเที่ยวมากกว่าการใช้บริการบริษัทนำเที่ยว ยกเว้นเป็นกลุ่มที่มาสัมมนาและต้องการจะเที่ยวต่อ ที่อาจจะมีการซื้อแพกเกจทัวร์ไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ

บทสรุป
ด้วยปัจจัยลบทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศ ตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 2551 ต่อเนื่องมาจนถึงครึ่งแรกของปี 2552 ไม่ว่าจะเป็นปัญหาความวุ่นวายทางการเมือง ทั้งการปิดล้อมสนามบินดอนเมืองและสนามบินสุวรรณภูมิ การชุมนุมที่นำไปสู่เหตุการณ์รุนแรงถึงขั้นจลาจลที่พัทยาและกรุงเทพฯ รวมทั้งต่างจังหวัดในช่วงสงกรานต์ การระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 หรือวิกฤตเศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้ส่งผลกระทบค่อนข้างสูงต่อสถานการณ์การท่องเที่ยวไทย อันหมายรวมถึงการท่องเที่ยวในกรุงเทพฯด้วย โดยเฉพาะปัญหาการถดถอยอย่างรุนแรงของตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จึงคาดการณ์ว่า ในปี 2552 จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเยือนกรุงเทพฯลดลงร้อยละ 2.1 จากปีก่อนหน้า หรือมีจำนวนรวมทั้งสิ้นประมาณ 35 ล้านคน และก่อให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนประมาณ 305,000 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 4.1 เมื่อเทียบกับปี 2551 โดยจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติซึ่งมีสัดส่วนเกือบร้อยละ 30 มีแนวโน้มจะลดลงประมาณร้อยละ 9.5 และมีผลให้รายได้ด้านการท่องเที่ยวในกรุงเทพฯจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติลดลงร้อยละ 9.8

ดังนั้น หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องและผู้ประกอบการท่องเที่ยวจึงควรเร่งพัฒนาปรับปรุงแผนการตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างโอกาสในการเพิ่มพูนรายได้ให้แก่กิจกรรมต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นกิจการที่เกี่ยวเนื่องกับการเดินทาง สถานที่การท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร และแหล่งช้อปปิ้ง ที่กระจายตัวไปในพื้นที่ต่างๆทั่วกรุงเทพฯ โดยมีความเป็นไปได้ว่าโปรแกรมการท่องเที่ยวในกรุงเทพฯที่น่าจะได้รับความสนใจคือ โปรแกรมท่องเที่ยวที่สามารถตอบสนองความต้องการได้อย่างครบครัน ทั้งในส่วนของสถานที่ที่ท่องเที่ยว แหล่งช้อปปิ้ง และร้านอาหาร เพราะจะมีผลให้นักท่องเที่ยวรู้สึกได้ถึงความคุ้มค่าในการเดินทางท่องเที่ยวกรุงเทพฯที่มีปัญหาการจราจรติดขัดเป็นปัญหาใหญ่ อย่างไรก็ตาม การดำเนินกลยุทธ์การตลาดในเชิงรุกมากขึ้น ด้วยการประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการท่องเที่ยวกรุงเทพฯควรเป็นไปอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ในแง่มุมใหม่ๆและเจาะลึกในรายละเอียดของแต่ละสินค้าและบริการของการท่องเที่ยวกรุงเทพฯ เพื่อสร้างการรับรู้และกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวต่างจังหวัด หรือชาวต่างชาติที่พำนักในเมืองไทยต้องการเดินทางเข้ามาเยือนกรุงเทพมหานครเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันก็ใม่ควรมองข้ามการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวและกิจกรรมต่างๆในเชิงอนุรักษ์ และเร่งแก้ไขปัญหาที่เป็นอุปสรรคสำคัญของการท่องเที่ยวกรุงเทพฯนอกเหนือจากปัญหาการจราจรติดขัดด้วย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการหลอกลวงและเอาเปรียบนักท่องเที่ยวของบรรดาร้านค้าและสถานบริการต่างๆ ปัญหาสุขอนามัย ปัญหาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และปัญหามลภาวะเป็นพิษ เป็นต้น