เด็มโก้เนื้อหอม งานเข้าไม่หยุด ล่าสุดเซ็นต์สัญญางานก่อสร้างสถานีไฟฟ้านวนคร มูลค่า 489.9 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างเดือนกันยายน พร้อมรับรู้รายได้ทันทีในปีนี้ 10% ผู้บริหารประเมินธุรกิจผ่านจุดต่ำสุดแล้ว คาดครึ่งปีหลังฟื้นตัวด้วย Backlog และงานเสาโครงเหล็กหลัง กทช. เปิดประมูล 3 จี
นายประเดช กิตติอิสรานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เด็มโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ DEMCO ผู้นำธุรกิจด้านงานก่อสร้างสถานีไฟฟ้าครบวงจร รวมถึงผลิตและจำหน่ายเสาโครงเหล็กสำหรับงานด้านไฟฟ้า โทรคมนาคมให้กับภาครัฐและเอกชน เปิดเผยว่า บริษัทฯได้รับงานโครงการก่อสร้างสถานีไฟฟ้า จากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค มูลค่าโครงการ 489.9 ล้านบาท ระยะเวลาในการดำเนินงาน 540 วัน โดยจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ภายในเดือนกันยายน 2552 นี้
“ที่ผ่านมาบริษัทฯ มีงานเข้ามาอย่างต่อเนื่องทั้งของภาครัฐและเอกชน ล่าสุดเราเพิ่งเซ็นต์สัญญางานก่อสร้างสถานีไฟฟ้าในนิคมอุตสาหกรรมนวนคร ซึ่งเป็นสถานีไฟฟ้าขนาดใหญ่ครอบคลุมพื้นที่การจ่ายไฟครึ่งหนึ่งของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ภายในเดือนกันยายนนี้ และจะสามารถรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 10% ส่วนที่เหลือทั้งหมดจะไปรับรู้ได้ในปี 2553” นายประเดช กล่าว
สำหรับงานก่อสร้างโครงการดังกล่าวบริษัทฯ ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) ซึ่งนอกเหนือจากโครงการนี้แล้วธนาคารยังอยู่ระหว่างการพิจารณาเพิ่มวงเงินสนับสนุนการดำเนินงานของบริษัทฯ ในโครงการอื่นๆ เช่นโครงการพลังงานลม เป็นการแสดงถึงความเชื่อมั่นในตัวบริษัทฯ และโครงการในอนาคต
กรรมการผู้จัดการ บริษัท เด็มโก้ จำกัด (มหาชน) กล่าวต่อว่า สำหรับแนวโน้มธุรกิจของบริษัทฯ ในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าจะดีกว่าในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งบริษัทฯ ได้รับผลกระทบจากภาวะวิกฤตเศรษฐกิจส่งผลให้ภาคเอกชนชะลอการลงทุน โดยมองว่าในช่วงไตรมาส 2/2552 ที่ผ่านมาถือเป็นจุดต่ำสุดของธุรกิจแล้ว
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทฯ จะได้รับประโยชน์จากงานก่อสร้างที่อยู่ระหว่างดำเนินการ
(Backlog) ที่มีมูลค่ามากกว่า 2,500 ล้านบาท พร้อมคาดหวังการลงทุนในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม หลังจากที่คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) มั่นใจว่าจะสามารถเปิดประมูล 3 จีได้ทันภายในปลายปี 2552 นี้ ซึ่งบริษัทฯ จะได้รับประโยชน์โดยตรงจากการเป็นผู้ผลิตเสาโทรคมนาคม โดยคาดว่าจะมีความต้องการเสาโครงเหล็กไม่น้อยกว่า 2,000 ต้น ซึ่งคงจะเห็นความชัดเจนภายในปลายปีนี้
นอกจากนี้ ข้อมูล ณ 31 กรกฎาคม 2552 บริษัทฯ มีโครงการที่อยู่ระหว่างการดำเนินงานและส่งมอบทั้งสิ้นมูลค่า 2,544.12 ล้านบาท โดยเป็นโครงการในครึ่งหลังของปี 2552 มูลค่า 1,341.74 ล้านบาท และปี 2553 มูลค่า 1,202.38 ล้านบาท ส่วนโครงการในอนาคตที่บริษัทฯ ได้มีการยื่นเสนอราคาไปแล้วมีจำนวน 3,626.49 ล้านบาท และอยู่ระหว่างเตรียมเสนอราคาอีกจำนวน 2,695.99 ล้านบาท ดังนั้น จึงคาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในช่วงครึ่งปีหลังจะกลับมาฟื้นตัวได้อย่างโดดเด่น