ทรูคอฟฟี่ ยกระดับกาแฟไทย สะท้อนความภูมิใจแบรนด์ไทย เปิดตัว “เครื่องดื่มโบราณ” 5 รสชาติ

กรุงเทพฯ 2 พฤศจิกายน 2552 : ทรูคอฟฟี่ เติมเต็มคุณค่ากาแฟไทยสู่สากล ตอกย้ำความภูมิใจในความเป็นไทย ด้วยเครื่องดื่มสูตรโบราณแบบไทยกับซีรี่ส์เครื่องดื่ม 5 รสชาติที่คุ้นเคยของกาแฟเย็นโบราณ โอเลี้ยง ยกล้อ ชาดำเย็น และชาเย็น เน้นวัตถุดิบคุณภาพเยี่ยมที่ผลิตในประเทศไทย หนึ่งในกลยุทธ์ใหม่ที่สำคัญของทรู ต่อยอดความสำเร็จของการสร้างแบรนด์ไทย ของคนไทย 100% ร่วมสนับสนุนเกษตรกร กระตุ้นเม็ดเงิฟนให้หมุนเวียน ส่งเสริมเศรษฐกิจประเทศไทย พร้อมเดินเครื่องเพิ่มศักยภาพการให้บริการรองรับการเติบโตของธุรกิจ “ทรูคอฟฟี่” ปีนี้กว่า 50% และเดินหน้าขยายสาขาอย่างต่อเนื่องทั้งในและนอกประเทศ พร้อมรองรับข้อตกลง AFTA เปิดเสรีกาแฟเริ่มใช้ต้นปีหน้า

นายปพนธ์ รัตนชัยกานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ และรองหัวหน้ากลุ่มคณะผู้บริหาร ด้านการพาณิชย์ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ธุรกิจกาแฟในประเทศไทยยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้ ทรูคอฟฟี่ ต้องเร่งเดินหน้าพัฒนาศักยภาพด้านการบริการ ซึ่งคาดว่าภายในสิ้นปีนี้ ทรูคอฟฟี่ จะขยายตัวเพิ่มขึ้นกว่า 50% และมีสาขาเพิ่มขึ้นกว่า 50 สาขา ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีในการช่วยส่งเสริมเกษตรกรไทย และรวมไปถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากเราจะเน้นการคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพชั้นเลิศที่ผลิตขึ้นในประเทศไทยเป็นหลัก

การเปิดตัวเครื่องดื่มสูตรโบราณแบบไทย “กาแฟโบราณ” ครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ใหม่ที่ช่วยส่งเสริมความเป็นแบรนด์ไทยของ ทรู มีส่วนร่วมยกระดับกาแฟไทย ภูมิใจในความเป็นไทย ภูมิใจในรสชาติ ชั้นยอดของกาแฟไทยและชาไทยให้เทียบระดับโลก โดยนำเอาเครื่องดื่มที่เป็นเอกลักษณ์ วิถีไทยในอดีต ที่ทุกคนคุ้นเคยย้อนกลับมาผสมผสานเป็นเมนูใหม่ล่าสุดของทรูคอฟฟี่ ซึ่งผ่านการคัดสรรเมล์ดกาแฟคุณภาพชั้นเลิศที่ปลูกในเมืองไทย รวมทั้งแบบฉบับเฉพาะตัวในการชงที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์กลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบความคลาสสิคร่วมสมัย โดยคัดเลือก 5 เครื่องดื่มยอดนิยม ประกอบด้วย

กาแฟเย็นโบราณ
โอเลี้ยง
ยกล้อ
ชาเย็น
ชาดำเย็น

นายปพนธ์ ยังกล่าวเสริมอีกว่า เมล็ดกาแฟที่นำมาใช้ทำ “กาแฟโบราณ” ผ่านการคัดสรรจากเมล็ดพันธุ์ ชั้นดี อีกทั้งคงอนุรักษ์กรรมวิธีการคั่วบดตามสูตรดั้งเดิมกว่า 50 ปี ส่งผลให้มีกลิ่นหอม และได้รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ทรูคอฟฟี่ แต่ยังคงเสน่ห์ของกาแฟไทยโบราณที่คุ้นเคย ที่ให้ความรู้สึกแตกต่างจากกาแฟเอสเปรสโซ่หรืออเมริกาโน นอกจากนี้ทรูคอฟฟี่ยังคัดใบชาคุณภาพเยี่ยมมาเป็นชาดำเย็น และชาเย็นแก้วโปรดที่หอมกรุ่นและสดใหม่ทุกแก้ว

การเพิ่มเมนู “เครื่องดื่มโบราณ” เข้ามาในร้านทรูคอฟฟี่ ครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการสร้างสีสัน และเป็นการเพิ่มทางเลือกใหม่ๆที่หลากหลายให้กับลูกค้าแล้ว เรายังให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือเกษตรกรไทย ที่อาจจะได้รับผลกระทบจากข้อตกลง AFTA ที่ลดภาษีนำเข้าเมล็ดกาแฟเหลือเพียง 5% และผลิตภัณฑ์จากกาแฟเหลือ 0% ซึ่งเรามั่นใจว่าการเพิ่มเมนูใหม่นี้ จะช่วยให้ฐานลูกค้าของทรูคอฟฟี่ ขยายตัวเพิ่มมากขึ้นอีก เกษตรกรไทยที่อยู่ในภาคการผลิต ก็จะได้มีตลาดรองรับเพิ่มมากขึ้นด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น ทรูคอฟฟี่ ยังมีแผนการขยายธุรกิจ ไปในภูมิภาคอาเซียน โดยล่าสุดเปิดสาขาแฟรนไชส์ไปแล้ว 2 ประเทศ อาทิ เวียงจันทน์ ประเทศลาว และเมืองโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าในประเทศต่างๆดีเกินความคาดหมาย เป็นที่น่าภาคภูมิใจของคนไทย และไตรมาสหน้าจะขยายสาขาไปยังเมืองมรดกโลกหลวงพระบาง รวมทั้งการเตรียมการในอนาคตอันใกล้ที่จะบุกตลาดประเทศจีน ซึ่งถือเป็นตลาดใหญ่และมีกำลังซื้อสูง

นโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมการบริโภคสินค้าที่ผลิตในประเทศ กินของไทย ใช้ของไทย เป็นหน้าที่ของคนไทย และทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน “ไทยต้องช่วยไทย” ทุกคนในสังคมคือกลไกช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจไทยเดินหน้าต่อไปได้ในทิศทางบวก “ทรูคอฟฟี่” ในฐานะบริษัทคนไทย พร้อมที่จะร่วมกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้ยั่งยืน นำเสนอผลิตผล อาทิ เมล็ดกาแฟไทย ที่ปลูกโดยคนไทย บนผืนแผ่นดินไทย ผ่านร้าน “ทรูคอฟฟี่” ที่เป็นของคนไทย ทุกสาขาที่ตั้งอยู่ทั้งในและต่างประเทศ นายปพนธ์ กล่าวสรุป