สากล อินเตอร์เทรด เปิดแนวรุกทั้งในและต่างประเทศ ดันยอดขาย 1,000 ล้าน

ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ส่งสัญญาณฟื้น หลังภาพรวมทางเศรษฐกิจดีขึ้น ส่งผลตลาดอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้านขยับตัวโตตาม ทั้งขายเข้าโครงการใหม่และกลุ่มลูกค้าทั่วไป โดยล่าสุดสากล อินเตอร์เทรด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้ารายใหญ่ รุกสร้างแบรนด์ พร้อมขยายช่องจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ ดันยอดขายทะลุ 1,000 ล้าน

นายสิทธิศักดิ์ เกรียงยุทธภูมิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สากล อินเตอร์เทรด (1991) จำกัด หนึ่งในผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้าชั้นนำของไทย กล่าวถึงภาพรวมของตลาดอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้านในปีที่ผ่านมาว่า มีอัตราการเติบโตลดลง เนื่องจากปัญหาด้านการเมืองและเศรษฐกิจชะลอตัว ส่งผลให้โครงการอสังหาริมทรัพย์โครงการใหม่ๆ ซึ่งเป็นตลาดกลุ่มใหญ่ของอุปกรณ์ไฟฟ้ามีปริมาณลดลง แต่สำหรับ สากล อินเตอร์เทรด นั้น ผลประกอบการยังถือว่ายังทรงตัวอยู่ในระดับดี โดยมียอดขายโดยรวมอยู่ที่ 650 ล้านบาท เติบโตขึ้นประมาณ 22 เปอร์เซ็นต์ จากกลุ่มสินค้าประเภทหลอดไฟ, ปลั๊ก, ตู้ไฟ และท่อร้อยสายไฟ โดยกลุ่มลูกค้าหลัก 80% เป็นกลุ่มตัวแทนจำหน่ายและร้านจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้ารายย่อย ส่วนอีก 20% เป็นกลุ่มลูกค้าโครงการ อาทิ โครงการของแลนด์แอนด์เฮาส์, แสนสิริ, ศุภาลัย ซึ่งในกลุ่มลูกค้าประเภทโครงการน่าจะมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นในปีหน้า จากสัญญาณการฟื้นตัวของธุรกิจอสังหาฯ ที่เริ่มมีโครงการใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้นและกลุ่มวัสดุก่อสร้างที่เริ่มมีคำสั่งซื้อเข้ามามากขึ้น ประกอบกับภาพรวมทางเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศที่น่ามีทิศทางดีขึ้น พร้อมทั้งได้รับปัจจัยหนุนจากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่จะส่งผลอย่างเต็มที่ในปีหน้า

สำหรับแผนการขยายธุรกิจและการลงทุนนั้น บริษัทฯ มีได้มีการแผนขยายธุรกิจให้ครอบคลุมทุกส่วนของธุรกิจประเภทอุปกรณ์ไฟฟ้า โดยมีการจัดตั้งบริษัทในเครือเพิ่มขึ้นอีก 3 บริษัท คือ บริษัท โกบอลสตีลไพพ์ จำกัด, บริษัท สากลเวิร์ค จำกัด และบริษัท เดชละออ เอ็นเตอร์ไพร์ จำกัด เพื่อผลิตสินค้า อาทิ ท่อร้อยสายไฟภายใต้แบนด์ GSP, SKP, Focus และอุปกรณ์ไฟฟ้าภายใต้แบนด์ Plus Three พร้อมทั้งยังได้มีการลงทุนกว่า 40 ล้านบาท ในการนำเข้าเครื่องจักรใหม่มาเพิ่มศักยภาพในการผลิต นอกจากนั้นยังมีแผนการนำเข้าสินค้าคุณภาพจากต่างประเทศและเป็นตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้าให้กับแบนรด์ชั้นนำของตลาดอีกหลายแบนรด์อาทิ มิตซูบิชิ (Mitsubishi), ซีเมนต์ (Siemens), ซิลวาเนีย (Sylvania), ชไนเดอร์ (Schneider), คลิปเซิล (Clipsal) เป็นต้น

ส่วนในเรื่องการบริการนั้นบริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในการขนส่งสินค้าไปสู่ร้านค้าและตัวแทนจำหน่ายนั้น จะต้องเป็นไปอย่างรวดเร็ว แม่นยำ ตามเวลา เนื่องจากรถขนส่งสินค้าของบริษัทฯ ทุกคันจะมีการติดตั้ง GPS เพื่อตรวจสอบติดตามผล กำหนดระยะเวลา และแจ้งเวลาการจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้าได้อย่างแน่นอน ทั้งยังมีการตั้ง Call Center ขึ้น เพื่อเป็นหน่วนงานในการประสานงาน แก้ไขปัญหาและตอบคำถามของลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง

จากแผนการขยายธุรกิจดังกล่าว คาดว่าจะส่งผลให้บริษัทฯ สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มโรงงานอุสาหกรรมและกลุ่มลูกค้ารายย่อย (DIY) ซึ่งต้องมีการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ไฟฟ้าอยู่เสมอเมื่อถึงกำหนดระยะเวลา รวมถึงกลุ่มลูกค้าที่เป็นโครงการภาครัฐและเอกชน อาทิ อุปกรณ์ไฟฟ้าถนน, อุปกรณ์ไฟฟ้าของสนามบิน เป็นต้น ด้านตลาดต่างประเทศนั้น ได้มีการวางแผนในการขยายตลาดไปยังประเทศเพื่อนบ้านทั้ง ลาว กัมพูชา และฟิลิปปินส์ ที่ปัจจุบันเศรษฐกิจกำลังมีการเติบโต ซึ่งจากการนำสินค้าของบริษัทฯ เข้าไปจัดแสดงและทดลองจำหน่ายพบว่า ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เนื่องจากประเทศเหล่านี้ส่วนใหญ่ให้การยอมรับในด้านคุณภาพ มาตรฐานการผลิตและมีทัศนคติที่ดีต่อสินค้าไทย ต่างจากสินค้าที่ผลิตจากประเทศจีนที่แม้จะมีราคาถูกกว่าแต่ยังมีปัญหาเรื่องของมาตรฐานผลิตภัณฑ์ โดยหากสามารถเข้าไปทำตลาดในประเทศเหล่านี้ได้อย่างเต็มตัวแล้ว จะสามารถผลักดันรายได้รวมของบริษัทฯ ให้เติบโตเพิ่มขึ้นได้ถึง 840 ล้านบาท ในปี 2553 และในระยะเวลา 3 ปี หรือในปี 2555 จะสามารถเพิ่มขึ้นเป็น 1,000 ล้านบาทได้