ถิรไทย หรือ TRT ประกาศกำหนดการใช้สิทธิ TRT-W1 30 ธ.ค. 52 ฉลองปีใหม่ แสดงความจำนงได้ตั้งแต่วันที่ 23 – 29 ธ.ค. ผู้บริหารวางเป้าปีหน้ารายได้ใกล้เคียงปีนี้ คาดทำได้ 2.5 พันล้าน พร้อมเดินหน้าประมูลงานรัฐอย่างต่อเนื่อง และเตรียมขยายตลาดส่งออกมากขึ้น ไตรมาส 4/52 รับรู้รายได้เพิ่มอีก 870 ล้านบาท ปัจจุบันแบ็กล็อกกว่า 1.51 พันล้านบาท ด้าน“สัมพันธ์ วงษ์ปาน” ย้ำ ปีนี้บริษัทยังคงนโยบายจ่ายปันผลที่ไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิแน่นอน
นายสัมพันธ์ วงษ์ปาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ถิรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TRT ผู้ผลิต จำหน่าย และซ่อมบำรุง หม้อแปลงไฟฟ้าทุกขนาด เปิดเผยว่า ตามที่ บริษัท ถิรไทย จำกัด (มหาชน) ได้ออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท “TRT-W1” จัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2552 จำนวน 67,547,500 หน่วย โดยผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิสามารถใช้สิทธิได้ โดยกำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก ตรงกับวันที่ 30 ธันวาคม 2552 บริษัทขอแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับการแจ้งความจำนงในการใช้สิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ครั้งที่ 1 โดยมีระยะเวลาแสดงความจำนงในการใช้สิทธิ คือ ภายใน 5 วันทำการก่อนวันที่ใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 23-25,28-29 ธันวาคม 2552 เวลา 9.00 น. ถึง 15.30 น. และราคาการใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิเท่ากับ 3 บาทต่อหุ้น โดยมีอัตราการใช้สิทธิ 1 หน่วย มีสิทธิซื้อหุ้นสามัญได้ 1 หุ้น และสามารถรับใบแจ้งความจำนงในการใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญDownload แบบฟอร์มได้ที่เว็บไซด์ของบริษัท www.tirathai-transformer.com
สำหรับทิศทางของบริษัทในปี 2553 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ในปี 2553 ไว้ใกล้เคียงกับปีนี้ ซึ่งคาดว่าจะทำได้อยู่ที่ 2,500 ล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) จะคงรักษาระดับให้ใกล้เคียงกับปีนี้ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 27% และในส่วนราคาต้นทุนวัตถุดิบ อาทิ ทองแดงและเหล็ก ถึงแม้จะมีความผันผวนแต่บริษัทไม่มีความกังวลมากนักเพราะมีการจัดการต้นทุนให้มีความสม่ำเสมอแล้ว
นายสัมพันธ์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับทิศทางในรับงานของบริษัทฯในปีหน้า ยังคงเดินหน้ามุ่งเน้นเรื่องการประมูลงานใหม่ ๆ ในประเทศอย่างต่อเนื่อง และจากงานที่เคยได้รับมาในปีนี้ ซึ่งจะเริ่มเข้าประมูลตั้งแต่ไตรมาส 1/2553 เป็นต้นไป อาทิ งานจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) ,การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และ การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) เป็นต้น โดยคาดว่าสัดส่วนรายได้ในปีหน้ายังคงสัดส่วนเดิมในปีนี้ คือ งานราชการ เอกชน และส่งออกอย่างละ 33%
“คาดการณ์เศรษฐกิจในปี 2553 จะยังไม่ฟื้นตัวอย่างชัดเจน ดังนั้นบริษัทจึงยังไม่มีการลงทุนขนาดใหญ่ที่ต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมากแต่จะใช้เงินประมาณ 30-50 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงเครื่องมือและใช้บำรุงรักษาเครื่องจักรเท่านั้น และในปีนี้บริษัทยังคงนโยบายจ่ายปันผลที่ไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิ โดยคาดว่าน่าจะจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นมากกว่า 0.50 บาทต่อหุ้น จากแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 4/2552 ที่น่าจะพลิกเป็นกำไรจากไตรมาส 3 โดยในไตรมาส 4 บริษัทเตรียมส่งมอบงานมูลค่า 870 ล้านบาท” นายสัมพันธ์ กล่าวปิดท้าย