กรุงเทพฯ 19 กุมภาพันธ์ 2553 – เจ็ทสตาร์ เผยผลประกอบการอันโดดเด่นเป็นประวัติการณ์ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2552 สิ้นสุด ณ เดือนธันวาคม 2552 โดยมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษีจำนวน 121 ล้านเหรียญออสเตรเลีย เพิ่มขึ้น 181% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา และมีรายได้รวมทั้งหมดในช่วงระยะเวลาดังกล่าวเพิ่มขึ้น 18.1% คิดเป็นจำนวน 1,131 ล้านเหรียญออสเตรเลีย
การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของเจ็ทสตาร์เป็นผลจากการมีสมรรถนะการให้บริการเพิ่มขึ้น 33% และการมีจำนวนผู้โดยสารในเส้นทางบินระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น 217% ทั้งนี้ ตัวเลขดังกล่าวคำนวณจากจำนวนที่นั่งต่อกิโลเมตร (หรือ ASK: Available Seat Kilometers)
ปัจจุบัน เจ็ทสตาร์เป็นสายการบินระหว่างประเทศที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วที่สุดทางด้านจำนวนเที่ยวบินที่ให้บริการระหว่างประเทศออสเตรเลียและจุดหมายปลายทางในประเทศต่างๆ ทั้งยังเป็นสายการบินต้นทุนต่ำรายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียในแง่ของรายได้ โดยมีจำนวนผู้โดยสารทั้งหมด 7.3 ล้านคน เพิ่มขึ้น 42%
ผลการดำเนินงานอันโดดเด่นตอกย้ำถึงความสำเร็จของเจ็ทสตาร์ในการบริหารต้นทุนของบริษัทได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยเจ็ทสตาร์สามารถลดต้นทุนทั้งหมดต่อจำนวนที่นั่งกิโลเมตร (ASK) ได้ถึง 16.5% ในช่วงครึ่งหลังของปี 2552 ขณะที่ต้นทุนต่อหน่วยควบคุมต่อ ASK (Controllable Unit per ASK) (ไม่รวมค่าเชื้อเพลิงและอัตราแลกเปลี่ยน) ลดลง 6.1% ในช่วงหกเดือนหลังของปี 2552 เจ็ทสตาร์มีเครื่องบินใหม่จำนวน 3 ลำ ส่งผลให้เจ็ทสตาร์มีฝูงบินทั้งหมด 59 ลำ และเตรียมรับมอบเครื่องบินใหม่อีก 10 ลำในปีงบประมาณ 2553
มร. บรูซ บิวคานัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินเจ็ทสตาร์ กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่สามารถสร้างผลประกอบการอันโดดเด่นอีกครั้ง ทั้งยังรู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างมากที่เป็นสายการบินที่มอบความคุ้มค่าให้แก่ผู้โดยสารเพียงรายเดียวที่สามารถทำกำไรได้อย่างต่อเนื่องทุกปีหลังจากเปิดดำเนินการเป็นต้นมา ความสำเร็จดังกล่าวตอกย้ำถึงความเป็นสายการบินระหว่างประเทศชั้นนำที่มีค่าโดยสารราคาประหยัดและโตเร็วที่สุดของประเทศออสเตรเลีย และสะท้อนถึงปณิธานของบริษัทที่มุ่งเดินหน้าเติบโตต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง โดยในช่วงครึ่งหลังของปี 2552 เจ็ทสตาร์เปิดเส้นทางบินใหม่ 2 เส้นทาง ได้แก่ ซิดนีย์ – เพิร์ธ และเมลเบิร์น – ซิดนีย์ และเตรียมเปิดเที่ยวบินใหม่ระหว่างเมลเบิร์น – บริสเบนในเร็วๆ นี้”
“นอกจากนี้ เจ็ทสตาร์ยังให้บริการเที่ยวบินในประเทศนิวซีแลนด์แทนสายการบินแควนตัส ซึ่งสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าให้แก่แควนตัส กรุ๊ป การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของเจ็ทสตาร์เป็นสิ่งที่สวนกระแสกับสภาวะอุตสาหกรรมการบินโดยรวมที่เผชิญกับวิกฤติต่างๆ ทั้งทางด้านการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ความซบเซาของการค้าระหว่างประเทศ ผลกระทบจากไข้หวัด 2009 และการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น ทั้งนี้ ข้อมูลจากสมาคมการขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (The International Air Transport Association : IATA) คาดการณ์ว่า สายการบินทั่วโลกจะประสบภาวะขาดทุนสุทธิเป็นจำนวน 5,600 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2553