Capital A บริษัทแม่ AirAsia ที่มาเลเซีย ได้ปรับโครงสร้างโดยที่จะเตรียมควบกิจการ AirAsia X กับ AirAsia เป็นกิจการเดียว เพื่อความสะดวกในการบริหาร และบริษัทยังมีแผนที่จะเตรียมระดมทุนเม็ดเงินเพิ่มเติมด้วย
Capital A บริษัทแม่ของสายการบินราคาประหยัดอย่างแอร์เอเชีย (AirAsia) ได้ปรับโครงสร้างกิจการอีกครั้ง โดยจะมีการควบรวมกิจการของ AirAsia และ AirAsia X ให้เป็นกิจการเดียว นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะระดมทุนเพิ่มเติม เพื่อที่จะใช้ในการดำเนินธุรกิจด้วย
การปรับโครงสร้างดังกล่าวจะทำให้ AirAsia และ AirAsia X เป็นกิจการใต้ชายคาเดียวกัน ตามแผนที่บริษัทได้แจ้งไว้ในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งแตกต่างกับในอดีตที่ทั้ง 2 บริษัทนั้นมีแผนการดำเนินธุรกิจคนละรูปแบบ โดย AirAsia เองจะเน้นเส้นทางการบินระยะสั้น ขณะที่ AirAsia X เน้นการบินระยะยาว
ไม่เพียงเท่านี้การควบรวมกิจการยังทำให้บริษัทโอนเครื่องบินที่สั่งจองไว้จาก Capital A มากถึง 362 ลำ มาเป็นของบริษัทใหม่ที่เกิดจากการควบรวมกิจการนี้ด้วย และบริษัทใหม่ที่ควบรวมกิจการสายการบินราคาประหยัดทั้ง 2 รายยังมีแผนที่จะระดมทุนเพิ่มด้วย
ปัจจุบันสายการบินราคาประหยัดรายนี้มีฝูงบินมากกว่า 200 ลำ ซึ่งให้บริการกับนักท่องเที่ยวหรือผู้ที่เดินทางในอาเซียน และยังสามารถเดินทางไปยังประเทศอื่นในทวีปเอเชียอีกหลายเส้นทาง รวมถึง ออสเตรเลีย เป็นต้น
Tony Fernandes ซึ่งเป็น CEO ของ Capital A ได้กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวใน Linkedin ของเขาว่า การควบรวมกิจการของ 2 สายการบินจะทำให้ AirAsia กลายเป็นสายการบินราคาประหยัดรายใหญ่ของทวีปเอเชีย ขณะเดียวกันการควบรวมกันยังทำให้มีเครื่องบินไซส์เดียวที่สามารถลงจอดสนามบินขนาดเล็กได้ ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสตามเมืองรองต่างๆ ส่งผลทำให้ค่าการเดินทางลดลง 30%
ซึ่งการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยเขาได้กล่าวเสริมเรื่องดังกล่าวว่า เมื่อโควิดมา สิ่งใดที่ไม่ฆ่าคุณ จะทำให้คุณกลับมาแข็งแกร่งขึ้นได้ เราไม่เคยยอมแพ้และวันนี้เรากำลังแสดงให้เห็นว่าเราจะแข็งแกร่งขึ้น
ปัจจุบันรายได้หลักของ Capital A ยังมาจากสายการบิน AirAsia ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 75% ของรายได้รวมทั้งหมดของบริษัท ขณะที่รายได้อื่นๆ นั้นมาจาก โลจิสติกส์ บริการโทรศัพท์มือถือ ประกันภัย ไปจนถึงบริการผ่าน SuperApp ของบริษัท
นอกจากนี้หัวเรือใหญ่ของ Capital A เองยังกล่าวว่า เขาพยายามที่จะทำให้อัตราส่วนทางการเงินกลับมาเป็นบวกให้ได้ หลังจากที่บริษัทประสบปัญหาขาดทุนซึ่งเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์มองว่าผลประกอบการของบริษัทจะกลับมาเป็นบวกได้ในปีนี้