เชฟรอนคาดตลาดน้ำมันเครื่องปีนี้เติบโตอย่างน้อยร้อยละ 10 จากความต้องการรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น

บริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด คาดตลาดน้ำมันเครื่องของไทยจะเติบโตเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่าร้อยละ 10 ในปีนี้ โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักส่วนหนึ่งมาจากจำนวนผู้บริโภคที่ซื้อรถยนต์เพิ่มขึ้น พร้อมระบุแนวโน้มความต้องการน้ำมันเครื่องในประเทศไทยจะพุ่งขึ้นสู่กว่า 350 ล้านลิตรภายใน ปี 2559 จากปริมาณ 250 ล้านลิตรในปี 2551

นายชุตินธร ปักเข็ม ผู้จัดการฝ่ายขาย ธุรกิจน้ำมันหล่อลื่น บริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “ประเทศไทยมีประชากรที่เป็นเจ้าของรถยนต์เป็นจำนวนมากและคาดว่าจะเพิ่มจำนวนขึ้นอีกในปีนี้ซึ่งผู้ผลิตรถยนต์ได้ประมาณการไว้ว่ายอดขายรถยนต์ปีนี้จะเติบโตร้อยละ 9 โดยรถปิกอัพดีเซลยังคงครองตลาดรถยนต์ในไทย แม้ว่าช่วงหนึ่งถึงสองปีที่ผ่านมา รถยนต์นั่งส่วนบุคคลจะได้รับความนิยมและมีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง”

นายชุตินธร กล่าวต่อไปว่า เทคโนโลยียานยนต์ยุคหน้าได้ทำให้เกิดรถยนต์ที่ประหยัดน้ำมันและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ทั้งยังผลักดันให้ผู้นำตลาดหลักๆ เช่น เชฟรอนลงทุนเพิ่มขึ้นในการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ และนำเสนอเทคโนโลยีสำหรับผลิตภัณฑ์น้ำมันเครื่องที่ล้ำหน้ามากขึ้นออกมาสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง

“เทคโนโลยีคอมมอนเรลได้รับกระแสตอบรับที่ดีเยี่ยมจากผู้ใช้รถ หลายปีที่ผ่านมาเทคโนโลยีดังกล่าวมีการปรับปรุงพัฒนาล้ำหน้าไปมาก ส่งผลให้เครื่องยนต์คอมมอนเรลเป็นที่ต้องการในหมู่ผู้ใช้รถที่มองหารถปิกอัพสมรรถนะสูงและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จากการที่ร้อยละ 70 ของรถปิกอัพในประเทศไทยใช้เครื่องยนต์ คอมมอนเรล จึงมีแนวโน้มว่ายอดขายน้ำมันเครื่องใหม่ เดโล่ สปอร์ต คอมมอนเรล 10W-30 ของเราจะมีการเติบโตในอัตราสูงที่สุดในปีนี้” นายชุตินธรกล่าว

นายชุตินธร ยังเปิดเผยต่อไปว่า รถญี่ปุ่น อาทิ อีซูซุ โตโยต้า และฮอนด้า เป็นที่นิยมอย่างสูงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในไทย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ซึ่งรถทั้งสามยี่ห้อนี้เมื่อรวมกันแล้วมีสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 80 ของจำนวนรถที่มีอยู่ในแต่ละประเทศที่กล่าวมาข้างต้น

“ทุกวันนี้รถยนต์มีประเภทและรุ่นให้เลือกหลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการ รสนิยมและรูปแบบการใช้ชีวิตของผู้บริโภคที่แตกต่างกัน การที่เดโล่เป็นผู้นำในเทคโนโลยีอุตสาหกรรมน้ำมันเครื่องมานานกว่า 70 ปี เราจึงเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่ารถเหล่านี้มีรูปแบบการขับขี่และใช้งานอย่างไร รวมถึงสิ่งที่ผู้ใช้รถต้องการจากน้ำมันเครื่อง ซึ่งจะต้องสามารถปกป้องชิ้นส่วนเครื่องยนต์ให้มีอายุการใช้งานได้นานขึ้น” นายชุตินธร กล่าว

ในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา คาลเท็กซ์ เดโล่ ได้ดำเนินกิจกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่องเพื่อตอกย้ำความเป็นหนึ่งในผู้นำตลาด ซึ่งรวมถึงการวางตลาดน้ำมันเครื่องเดโล่ สปอร์ต คอมมอนเรล 10W-30 การออกแคมเปญการตลาดใหม่ และการแนะนำเดโล่ สปอร์ต ฟูลลี่ ซินเธติก SAE 5W-40 ซึ่งเป็นน้ำมันเครื่อง มัลติเกรดล่าสุดที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อรองรับเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นใหม่ รวมทั้งเป็นน้ำมันเครื่องดีเซลตัวแรกในประเทศไทยที่ได้มาตรฐาน API CJ-4 ซึ่งเป็นมาตรฐานสูงสุดของน้ำมันเครื่องดีเซลที่ผ่านการรับรองจากสถาบันปิโตรเลียมของสหรัฐอเมริกา

เมื่อเร็วๆ นี้ คาลเท็กซ์ เดโล่ สปอร์ต ได้ร่วมมือกับอีซูซุเพื่อสนับสนุนรายการ “The Adventure ภารกิจพิชิตโลก” รายการโทรทัศน์แนวเดินทางกึ่งเรียลลิตี้โชว์ที่ได้พิธีกรอารมณ์ดี “นีโน่” เมทนี บุรณศิริมาดำเนินรายการโดยนำทีมดาราไทยชื่อดัง 8 ชีวิต เดินทางวิบากด้วยรถยนต์ 30 วัน จากกรุงเทพฯ สู่เบสแคมป์ยอดเขา เอเวอเรสต์ที่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 5,000 เมตร ผ่านสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศที่สุดขั้วทั้งร้อนจัด หนาวจัดและความชื้นสูงเป็นระยะทางทั้งสิ้น 15,000 กิโลเมตร

“การปฏิบัติภารกิจท้าทายดังกล่าวถือเป็นโอกาสอันดีสำหรับ คาลเท็กซ์ เดโล่ สปอร์ต ที่จะได้พิสูจน์ให้เห็นว่า น้ำมันเครื่องมัลติเกรดเทคโนโลยีล้ำหน้าของเดโล่ มอบสมรรถนะสุดยอดและการปกป้องเครื่องยนต์ในทุกสภาวะการใช้งาน” นายชุตินธรกล่าว

ในประเทศไทย ตลาดน้ำมันเครื่องมีปริมาณรวม 250 ล้านลิตร ร้อยละ 65 เป็นน้ำมันเครื่องดีเซล คาลเท็กซ์ เดโล่ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคในฐานะหนึ่งในสามแบรนด์ชั้นนำในตลาดน้ำมันเครื่องของเมืองไทยและ ใช้ในอุตสาหกรรมใหญ่ๆ ทุกแขนง อาทิ การขนส่งเชิงพาณิชย์ การก่อสร้าง การทำเหมือง เกษตรกรรม และ การผลิตกระแสไฟฟ้า