กรุงเทพฯ/ 8 มีนาคม 2553 – สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์กรมหาชน) หรือ สสปน. เร่งเสริมประสิทธิภาพงานแสดงสินค้าไทย ประเดิมสนับสนุนการทำตลาดต่างประเทศ 6 สุดยอดงานแสดงสินค้า ใน 6 อุตสาหกรรม เดินเครื่องปักธงชัยปั้นงานแสดงสินค้าไทยสู่งานระดับ “แชมเปี้ยน” ของภูมิภาค ตั้งเป้านำรายได้เข้าประเทศจากการจัดงานรวมกว่า 518,731 ล้านบาท พร้อมต่อยอดขยายผลสู่งานแสดงสินค้าระดับนานาชาติของไทยในอุตสาหกรรมอื่นๆ มั่นใจเสริม แรงขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์ไทยโตต่อเนื่องร้อยละ 25 ภายในสิ้นปี พร้อมครองแชมป์ผู้นำในอุตสาหกรรมงานแสดงสินค้าระดับอาเซียนได้ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5
นายอรรคพล สรสุชาติ ผู้อำนวยการ สสปน. กล่าวว่า “ที่ผ่านมา สสปน. ประสบความสำเร็จ เป็นอย่างสูงในการส่งเสริมและสนับสนุนอุตสาหกรรมงานแสดงสินค้า ที่วัดได้จากรายงานของสมาคมอุตสาหกรรมนิทรรศการระดับโลก หรือ UFI ที่ระบุว่าในปี 2551 ประเทศไทยมีจำนวนงานแสดงสินค้าที่จัดขึ้นในประเทศ สูงถึง 71 งาน นับเป็นอันดับหนึ่งในภูมิภาคอาเซียน ดังนั้นแผนการดำเนินงานในปี 2553 ที่นอกจากแผนงานประจำปีแล้ว สสปน.เล็งเห็นความสำคัญของอีกหนึ่งพันธกิจหลักคือ การผลักดันให้งานแสดงสินค้าของไทยในแต่ละอุตสาหกรรมก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำของงานแสดงสินค้าในอุตสาหกรรมนั้นๆ หรือที่เรียกว่า Regional Champion Show โดย สสปน. ได้เพิ่มเติมแผนงานโครงการพิเศษเปิดตัวโครงการ Better the Best ขึ้นโดยคัดเลือก และให้การสนับสนุนการทำตลาดต่างประเทศให้แก่งานแสดงสินค้าที่มีความเป็นเอกลักษณ์ เป็นที่ยอมรับในระดับภูมิภาค อันจะเป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยตอกย้ำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการจัดงานแสดงสินค้านานาชาติ”
โครงการ Better the Best เป็นโครงการที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพทางการแข่งขันให้งานแสดงสินค้านานาชาติของไทยก้าวสู่งานระดับภูมิภาค (Regional Champion Show) และสามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก พร้อมเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมงานแสดงสินค้า ผู้เข้าร่วมงาน และผู้จัดงานแสดงสินค้าจากต่างประเทศให้เข้ามาในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น โดย สสปน.ได้นำร่องคัดเลือกและสนับสนุนงานแสดงสินค้าที่โดดเด่น ทั้งสิ้น 6 งาน เข้าร่วมโครงการ ได้แก่ งานบางกอก เจมส์ แอนด์ จิวเวลรี่ แฟร์ (Bangkok International Gems & Jewelry Show) งาน โปรแพค เอเชีย (Propak Asia) งานแสดงสินค้าของขวัญและงานแสดงสินค้าของใช้ในบ้าน (BIG+BIH) งานเมทัลเล็กซ์ (Metallex) งานรีนิวอเบิล เอ็นเนอร์ยี่ เอเชีย (Renewable Energy Asia) และงานวีฟ เอเชีย (VIV Asia)
ทางด้านนางศุภวรรณ ตีระรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายงานแสดงสินค้านานาชาติ สสปน. กล่าวว่า “สสปน. ได้คัดเลือกงานแสดงสินค้าทั้ง 6 งานโดยแบ่งเป็นอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งแต่ละอุตสาหกรรมได้รับการบรรจุให้อยู่ในวาระแห่งชาติด้านการส่งเสริมการส่งออก อันได้แก่ อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ อุตสาหกรรมเครื่องจักรกลและยานยนต์ อุตสาหกรรมเกษตรกรรมและอาหาร อุตสาหกรรมด้านพลังงาน อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ และอุตสาหกรรมด้านของขวัญและของชำร่วย ซึ่งสสปน.ได้ให้การสนับสนุนด้านการทำตลาดในต่างประเทศอาทิ กิจกรรมการตลาดและประชาสัมพันธ์ โรดโชว์เฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมฯ เพื่อโปรโมทงานในต่างประเทศ การประชุมภาคอุตสาหกรรมระดับนานาชาติ การยกระดับโปรไฟล์งาน และกิจกรรมเจรจาทางธุรกิจ (Business Matching) ต่างๆเพื่อดึงผู้ซื้อและผู้ขายจากต่างประเทศให้เข้ามาในประเทศไทย อันจะผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางการค้าและการลงทุนในอุตสาหกรรมดังกล่าวในระดับภูมิภาค โดยอาศัยงานแสดงสินค้าเป็นแพลตฟอร์มที่สำคัญ”
การสนับสนุนของ สสปน. ภายใต้โครงการ Better the Best จะช่วยสนับสนุนเครือข่าย สมาคมการค้าไทยและผู้ประกอบการของแต่ละภาคอุตสาหกรรมที่จัดและบริหารงานแสดงสินค้าให้สามารถก้าวสู่ความเป็นผู้นำของงานแสดงสินค้าในแต่ละอุตสาหกรรมได้ในระดับภูมิภาค ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มจำนวนผู้ซื้อและผู้ขายชาวต่างชาติให้เข้ามาเจรจาธุรกิจในประเทศไทยแล้ว หากแต่ยังจะช่วยให้อุตสาหกรรมงานแสดงสินค้าของไทยในอุตสาหกรรมอื่นๆ เติบโตและก้าวสู่การเป็นผู้นำของงานแสดงสินค้าของอุตสาหกรรมนั้นๆ ในภูมิภาค (Regional Champion Show) ทำให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายหลักและ ศูนย์รวมของงานแสดงสินค้านานาชาติในอาเซียน และเอเซีย รวมถึงการเป็นศูนย์รวมของการค้าการลงทุนแห่งภูมิภาค
“สสปน.คาดว่าการสนับสนุนงานแสดงสินค้าทั้ง 6 งานนี้จะสามารถสร้างรายได้จากการจัดงานทั้งสิ้น 518,731 ล้านบาทแบ่งเป็นรายได้โดยตรงจากการเจรจาธุรกิจ 514,513 ล้านบาท และรายได้จากการเดินทางในกลุ่มไมซ์ 4,217.9 ล้านบาท จากจำนวนผู้ซื้อและผู้ขายชาวต่างชาติที่คาดว่าจะเดินทางเข้ามาในประเทศไทยทั้งสิ้น 58,582 คน ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าพอใจและเสริมประสิทธิภาพให้อุตสาหกรรมไมซ์ในภาพรวมของไทยเติบโตขึ้นได้ร้อยละ 25 ตามเป้าหมายที่วางไว้” นายอรรคพล กล่าวทิ้งท้าย
