บอร์ดบริหาร “ECL” น้องเล็กกลุ่มลีสซิ่ง อนุมัติจ่ายปันผลปี 52 เพิ่มเป็นหุ้นละ 0.06 บาท โดยจ่ายเพิ่มอีก 0.04 บาท จากที่จ่ายไปแล้ว 0.02 บาทเมื่อเดือนสิงหาคมปีก่อน พร้อมประกาศออกวอร์แรนท์ จำนวน 205 ล้านหุ้น ให้กับผู้ถือหุ้นเดิม ในอัตราส่วน 2 ต่อ 1 ราคา 1 บาท และอนุมัติเพิ่มทุนจดทะเบียนเพื่อรองรับวอร์แรนท์ออกใหม่ จาก 410 ล้านบาท เป็น 615 ล้านบาท ระบุชัดเตรียมแผนเพื่อรองรับการขยายธุรกิจลิสซิ่งเพิ่ม หวังเจาะตลาด “เกรมาร์เก็ต” เพิ่ม เผยมีพันธมิตรผู้นำเข้ารถยนต์รายใหม่แล้วชื่อ “ยูเนี่ยนออร์โต้” ที่พร้อมเปิดตัวต้นเดือนเม.ย.นี้ รวมถึงรุกตลาดรถยนต์มือสองที่มีสัญญาณการฟื้นตัวอย่างชัดเจน ตั้งเป้าขยายสินเชื่อโดยรวมทั้งปีเพิ่มขึ้นอีก 50% เป็น 600 ล้านบาท
นายดนุชา วีระพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ตะวันออกพาณิชย์ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า วานนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 2/2553 ได้มีมติอนุมัติวาระสำคัญ ได้แก่ การอนุมัติจัดสรรกำไรเป็นเงินสำรองตามกฎหมาย จำนวน1,421,425.44 บาท และอนุมัติการจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานประจำปี 2552 อัตราหุ้นละ0.06 บาท เป็นจำนวนเงิน 24.60 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 86.53 ของกำไรสุทธิ ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2552 ในอัตราหุ้นละ 0.02 บาท ครั้งนี้ โดยจะจ่ายอีกหุ้นละ 0.04 บาท โดยมติดังกล่าวจะต้องได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นอีกครั้ง ในวันที่ 29 เมษายน 2553 ซึ่งหากเป็นไปตามแผนการดำเนินงานดังกล่าว จะกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 11 พฤษภาคม 2553
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัท มีมติอนุมัติให้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท (“ใบสำคัญแสดงสิทธิครั้งที่ 1”) จำนวน 205,000,000 หน่วย ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น โดยไม่คิดมูลค่า ในอัตราส่วน 2 หุ้นเดิมต่อใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วย และกำหนดราคาการใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิเท่ากับ 1.00 บาทต่อหุ้น พร้อมกันนี้มีมติอนุมัติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจากเดิม 410,000,000 บาท เป็น 615,000,000 บาท โดยการออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน 205,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท เพื่อใช้รองรับสิทธิ์แปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิ์ดังกล่าวด้วย ทั้งนี้มติคณะกรรมการดังกล่าว บริษัทจะนำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติในลำดับต่อไป
ก่อนหน้านี้ บริษัท ตะวันออกพาณิชย์ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) ได้ประกาศผลการดำเนินงานสำหรับปี 2552 มีผลกำไรสุทธิ 28.43 ล้านบาท เทียบกับปี 2551 มีผลกำไรสุทธิ 29.77 ล้านบาท มีกำไรลดลง 1.34 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 4.50 เนื่องจากปัจจัยความไม่มั่นคงทางการเมืองภายในประเทศ และภาวะเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงอย่างชัดเจน ได้ส่งผลกระทบถึงธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อชะลอตัวลงด้วย โดยส่วนของดอกผลตามสัญญาเช่าซื้อของบริษัทปี 2552 มีจำนวน 90.82 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนมีจำนวน 107.48 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 15.50 โดยปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญกับการบริหารและจัดการเกี่ยวกับการชำระหนี้สินของลูกค้าอย่างใกล้ชิด ทำให้บริษัทมีหนี้สูญรับคืน มีจำนวน 5.55 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนที่มีถึง 7.47 ล้านบาท มีอัตราส่วนลดลงร้อยละ 25.70 ในขณะที่หนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญมีจำนวน 3.64 ล้านบาท เทียบกับปีก่อน 7.72 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 52.85 นอกจากนี้ผลจากการที่บริษัทมีการควบคุมคุณภาพหนี้และเร่งรัดติดตามหนี้ได้เร็วขึ้น ทำให้หนี้สูญปี 2552 มีจำนวนเพียง 3.12 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่มีจำนวน 4.97 ล้านบาท ลดลงถึงร้อยละ 37.22 ส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ ปี 2552 ตั้งสำรองฯจำนวน 0.52 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่มีจำนวน 2.75 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 81.09
นายดนุชา กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันบริษัทมีฐานเงินทุนที่เพียงพอในการรองรับธุรกิจสินเชื่อรถยนต์อยู่แล้ว ซึ่งการเพิ่มทุนในครั้งนี้ เป็นการเตรียมความพร้อม เพื่อรองรับการขยายโอกาสทางธุรกิจด้านสินเชื่อรถยนต์ให้มากยิ่งขึ้น หลังจากมีสัญญาณบ่งชี้อย่างชัดเจน อาทิ ตัวเลขทางเศรษฐกิจของภาครัฐและผู้ประกอบการรถยนต์หลายแห่ง ระบุว่าในปีนี้ตลาดรถยนต์มีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน หลังจากที่ไม่มีอัตราการขยายตัวมา 1-2 ปีแล้ว ซึ่งการขยายตัวดังกล่าวรวมถึงรถยนต์มือสองที่เป็นฐานธุรกิจสำคัญของบริษัทด้วย ในขณะที่ตลาดรถยนต์นำเข้าจากต่างประเทศ หรือ เกรมาร์เก็ต นั้น ก็นับเป็นอีกตลาดหนึ่งที่มีแนวโน้มการเติบโตสูงเช่นกัน โดยเฉพาะหลังจากผู้นำในตลาดเกรมาร์เก็ตมีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน ในขณะที่ขณะนี้ทางบริษัทเองก็มีผู้นำเข้ารถยนต์รายใหม่ ที่พร้อมจะเข้ามาร่วมเป็นพันธมิตร โดยให้บริษัทรองรับการปล่อยสินเชื่อให้กับธุรกิจนี้ด้วย ยิ่งทำให้มีความจำเป็นอย่างมากที่ต้องจัดเตรียมฐานเงินทุนให้เพียงพอนั่นเอง
“ ปีที่ผ่านมา ECL มีการปล่อยสินเชื่อรถยนต์ใหม่และรถยนต์มือสองไปประมาณ 400 ล้านบาท ซึ่งผลจากแนวโน้มในการขยายการเติบโตของธุรกิจรถยนต์ใหม่ , รถยนต์มือสอง รวมถึงตลาดเกรมาเก็ตมีมากขึ้นอย่างชัดเจน ทำให้คาดการณ์ว่าในปีนี้ บริษัทน่าจะมียอดการปล่อยสินเชื่อรถยนต์เพิ่มขึ้นเป็น 600 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 50% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาเลยทีเดียว ส่วนบริษัทนำเข้ารถยนต์ที่มีการติดต่อเข้ามาเป็นพันธมิตรธุรกิจกับบริษัทในครั้งนี้ ชื่อบริษัทยูเนี่ยนออร์โต้ เดิมเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์มือสอง ซึ่งมองเห็นโอกาสการขยายตัวของเกรมาร์เก็ตมากขึ้นหลังจากที่ผู้นำธุรกิจนี้เปลี่ยนมือไป จึงมีการนำเสนอแผนธุรกิจและพร้อมที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงต้นเดือนเมษายนนี้ด้วย นับเป็นอีกหนึ่งโอกาสในการขยายฐานธุรกิจของบริษัทตะวันออกพาณิชย์ลิสซิ่งให้เติบโตยิ่งขึ้นด้วย” นายดนุชา กล่าว