โตโย-ไทย (TTCL) ประสบความสำเร็จคว้า 2 งานใหญ่สร้างโรงงานเอทานอลของกลุ่มปิโตรเคมีประเทศเวียดนาม มูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท พร้อมลุยต่างประเทศต่อ เมินผลกระทบสถานการมาบตาพุด
สุวิทย์ มโนมัยยานนท์ กรรมการและรองประธานฝ่ายขาย บริษัท โตโย-ไทย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้ บริษัท TTCL ได้รับหนังสือแจ้งความจำนงเพื่อทำสัญญาก่อสร้างโรงงานผลิตเอทานอลพร้อมกัน 2 โครงการ โดยโครงการแรกเป็นโรงงานผลิตเอทานอลของ “กลุ่มปิโตร เวียดนาม (Petro Vietnam)” ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทน้ำมันและปิโตรเคมีที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม และโครงการที่ 2 เป็นโรงงานผลิตเอทานอลของ กลุ่มทุนจากประเทศญี่ปุ่น โดยทั้ง 2 โครงการมีมูลค่างานโครงการละ 2,000 ล้านบาท รวมเป็นมูลค่ารวม 4,000 ล้านบาท ทำให้ TTCL มีปริมาณงานเพิ่มเป็นกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทสามารถเริ่มรับรู้รายได้ทันที่ในปีนี้ โดยโรงงานทั้ง 2 แห่งตั้งอยู่ที่เมืองบินพอก และเมืองดัคลัค ห่างจากกรุงโฮจิมินท์ ประมาณ 100 กิโลเมตรและ 250 กิโลเมตร ตามลำดับ และมีกำหนดเริ่มก่อสร้างภายในปี 2553 และจะแล้วเสร็จภายในปี 2555 อนึ่งทั้ง 2 โครงการนี้มีกำลังการผลิตเอทานอล เท่ากันคือ โรงงานละ 300,000 ลิตรต่อวัน โดยผลผลิตเอทานอลที่ได้จะนำไปใช้ในการผลิตน้ำมันแก๊สโซฮอล์ภายในประเทศเวียดนาม
สาเหตุที่ TTCL ชนะการเสนองานทั้ง 2 โครงการนั้น เป็นเพราะ TTCL มีประสบการณ์ในการออกแบบและก่อสร้างโรงงานขนาดใหญ่ในต่างประเทศรวมถึงในประเทศเวียดนามมากว่า 13 ปี และยังมีบริษัท โตโย-เวียดนามเป็นบริษัทลูก ช่วยสนับสนุนการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ โตโย-ไทยดำเนินกลยุทธ์การรุกขยายงานในต่างประเทศ เพื่อสร้างผลประกอบการให้เติบโตยิ่งขึ้น เนื่องจากงานในต่างประเทศมีอัตรากำไรที่สูงกว่างานในประเทศ อีกทั้งบริษัทได้เปรียบในการแข่งขันจากการที่มีผลงานการก่อสร้างในต่างประเทศ ที่สร้างความมั่นใจให้กับเจ้าของโครงการมากว่า 13 ปี และ TTCL ยังมีต้นทุนที่ถูกกว่าเนื่องจากอัตราค่าจ้างวิศวกรไทย น้อยกว่าค่าจ้างวิศวกรในประเทศต่างๆ นอกจากนี้การรับงานในต่างประเทศจะช่วยยกระดับ จากบริษัทก่อสร้างแบบครบวงจรหรือ (EPC) ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศสู่การเป็นบริษัทรับเหมาแบบครบวงจรระดับนานาชาติ และยังเป็นการกระจายความเสี่ยงจากสถานการณ์มาบตาพุด ซึ่งโครงการก่อสร้างของบริษัทฯ ไม่ได้รับผลกระทบเนื่องจากดำเนินงานก่อสร้างแล้วเสร็จเกือบ 100% แล้ว
อนึ่ง TTCL เป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่มีผลกำไรสุทธิสูงที่สุด 2 ปีซ้อน คือ 327 ล้านบาท (ปี 2552) แถมมีค่า PE เพียง 9.44เท่า (ถูกที่สุดในกลุ่มรับเหมาฯ) และเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่รายเดียวที่จ่ายเงินปันผลสูงสุดในปีนี้ คือ 35 สตางค์ต่อหุ้นหรือ 5.31% คิดเป็นการจ่ายปันผลอัตรา 50.33% ของกำไรสุทธิ โดยบริษัทจะจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งปีหลังอีก 19.50 สตางค์ต่อหุ้น ในวันที่ 30 เมษายนนี้ นอกจากนี้ TTCL ยังมีอัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) และมีกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ที่สูงที่สุดในกลุ่มรับเหมาขนาดใหญ่ที่ 23.71% และ 78 สตางค์ ตามลำดับ ขณะที่บริษัทฯสามารถเพิ่มกำไรขั้นต้นได้ถึง 21.30% เป็น 883 ล้านบาทในปี 2552 จาก 728 ล้านบาทในปี 2551 และเพิ่มอัตราการทำกำไรสุทธิ หรือ เน็ตมาร์จิ้น ได้ถึง 14.3% เป็น 3.2% จาก 2.8% ในปี 2551 โดย สิ้นปี 2552 บริษัทมีรายได้จากค่าก่อสร้างและบริการวิศวกรรม 10,240 ล้านบาท และ มีสถานะทางการเงินทีแข็งแกร่งด้วยมูลค่าเงินสดและเงินลงทุนชั่วคราวกว่า 2,700 ล้านบาท โดยไม่มีภาระหนี้เงินกู้เลย นอกจากนี้ TTCL กำลังเสนองงานรับเหมาครบวงจร EPC อีกหลากหลายโครงการ มีมูลค่าโครงการรวมกว่า 39,000 ล้านบาท อาทิ โรงงานปุ๋ยที่ประเทศเวียดนามและ โมร็อคโค ซึ่งบริษัทฯ คาดว่าจะสามารถชนะงานประมูลได้พอสมควร
บริษัทโตโย-ไทย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TTCL เป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างแห่งเดียว ทีมีผลประกอบการที่เติบโตสูงและต่อเนื่องมาตลอดกว่า 25 ปี เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัท โตโย เอนจิเนียริ่ง คอร์ปอเรชั่น ผู้นำด้านรับเหมาวิศวกรรมโรงงานครบวงจรที่มีประสบการณ์กว่า 48 ปีจากประเทศญี่ปุ่น และ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ผู้รับเหมาทั่วไปที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของไทย มีทุนจดทะเบียนรวม 480 ล้านบาท เป็นทุนที่ชำระแล้ว 480 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัทมีจำนวนวิศวกรทุกสาขามากที่สุดในประเทศไทยคือ 817 คนจากพนักงานทั้งหมด 1,563 คน บริษัทฯ มีประสบการณ์ในการรับเหมาสร้างโรงงานอุตสาหกรรมแบบครบวงจรทั้งในประเทศและต่างประเทศมาแล้วกว่า 160 โครงการ คิดเป็นมูลค่างานรวมกว่า 60,000 ล้านบาท มีฐานลูกค้าครอบคลุมหลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ เคมีภัณฑ์ ปิโตรเคมี ปิโตรเลียม ปุ๋ยเคมี โรงไฟฟ้า พลังงานทดแทน ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นบริษัทมหาชนและบริษัทต่างชาติขนาดใหญ่ อาทิ กลุ่มปตท. กลุ่ม SCGหรือปูนซิเมนต์ไทย กลุ่มบมจ. วีนิไทย กลุ่มคาโอและกลุ่มอูเบะของญี่ปุ่น กลุ่มไบเออร์ของเยอรมัน และกลุ่มโซลเวย์ของเบลเยี่ยม เป็นต้น นอกจากนี้บริษัทมีประสบการณ์รับงานในต่างประเทศมากว่า 13 ปี ซึ่งสร้างรายกว่า 6,000 ล้านบาท โดยกลุ่มตลาดหลักในต่างประเทศได้แก่ เวียดนาม (ซึ่งบริษัทมีบริษัทย่อยดำเนินงานอยู่) จีน กลุ่มประเทศอาเซียน กลุ่มตะวันออกกลาง กลุ่มแอฟริกา และสหรัฐอเมริกา”