ทรูออนไลน์ เผยกลยุทธ์รุกบริการบรอดแบนด์ปี 2553 มุ่งรักษาตำแหน่งผู้นำด้วยนวัตกรรม คุณภาพโครงข่าย และคุณภาพบริการ วางแผนลงทุนกว่า 2,500 ล้านบาท ขยายโครงข่ายและเพิ่มพื้นที่ให้บริการครอบคลุมหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศพร้อมรองรับลูกค้าที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นได้ถึง 1.7 ล้านราย ตั้งเป้าขยายฐานตลาดทรูออนไลน์สู่กลุ่มลูกค้าธุรกิจที่เน้นรับส่งข้อมูล (Data) หลังประสบความสำเร็จจากกลยุทธ์คอนเวอร์เจนซ์ ส่งผลให้รายได้บรอดแบนด์สำหรับบริการที่ไม่ใช่เสียงมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยกว่าร้อยละ 11 คิดเป็น 8.8 พันล้านบาท เพิ่มยอดผู้ใช้บริการดาต้าและอินเทอร์เน็ตรวมมากกว่า 1.2 ล้านรายในปีที่ผ่านมา สร้างรายได้จากการให้บริการโดยรวมของกลุ่มธุรกิจทรูออนไลน์ เพิ่มขึ้นเป็น 26.4 พันล้านบาท
นายวิเชาวน์ รักพงษ์ไพโรจน์ กรรมการผู้จัดการ ทรูออนไลน์ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า
การดำเนินธุรกิจของทรูออนไลน์ในปีที่ผ่านมาประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย แม้ต้องเผชิญกับสภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนและมีความท้าทาย โดยความสำเร็จนี้เกิดจากปัจจัยหลายด้าน ทั้งการเติบโตของตลาด บรอดแบนด์โดยรวมอย่างต่อเนื่อง และการนำเสนอบริการใหม่ๆ จากกลุ่มธุรกิจทรูออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นบริการโทรศัพท์ทางไกลระหว่างประเทศ บริการโครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศ และการลดค่าใช้จ่ายด้านสื่อสัญญาณอินเทอร์เน็ตไปต่างประเทศ รวมถึงการนำกลยุทธ์คอนเวอร์เจนซ์กลุ่มทรูสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้า ทำให้ทรูออนไลน์มีรายได้จากการดำเนินธุรกิจรวมทุกบริการเป็น 26.4 พันล้านบาท โดยรายได้หลักมาจากบริการที่ไม่ใช่เสียง (Non-Voice) ของธุรกิจบรอดแบนด์ ที่รวมบริการอินเทอร์เน็ต บรอดแบนด์ วงจรรับส่งข้อมูลความเร็วสูงสำหรับลูกค้าธุรกิจ (Business Data) และ บริการอินเทอร์เน็ตเกตเวย์ โดยมีรายได้รวม 8.8 พันล้านบาท เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยมากกว่าร้อยละ 11 ต่อปี
“น่ายินดี ที่ทรูออนไลน์ยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ แม้จะต้องเผชิญกับสภาวะการแข่งขันและสภาพเศรษฐกิจที่มีความกดดัน แต่ก็ยังสามารถฝ่าฟันมาได้อย่างดี สำหรับปีนี้ บริการบรอดแบรนด์ในประเทศมีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นถึงร้อยละ 33 ซึ่งจะทำให้อัตราการเข้าถึงบรอดแบนด์ต่อครัวเรือนมีโอกาสขยายเพิ่มถึง 2.8 ล้านครัวเรือน เนื่องจากบรอดแบนด์เป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินธุรกิจยุคปัจจุบัน และกลายเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์คนเมือง รวมทั้งเป็นความจำเป็นของประเทศที่จะต้องขยายการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตให้เพิ่มมากขึ้น ดังนั้น กลุ่มทรูจึงตั้งเป้าหมายที่จะรุกธุรกิจบรอดแบนด์ รักษาความเป็นผู้นำตลาดด้วยนวัตกรรม คุณภาพการให้บริการ และโครงข่ายที่มีประสิทธิภาพสูง รวมไปถึงการพัฒนากลยุทธ์คอนเวอร์เจนซ์เพื่อเพิ่มประโยชน์ให้กลุ่มลูกค้ายิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ในปีนี้ ยังเตรียมงบลงทุนกว่า 2,500 ล้านบาท เพื่อขยายการลงทุนโครงข่าย เพิ่มพื้นที่ให้บริการครอบคลุมหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศรองรับการขยายตัวของผู้ใช้บรอดแบนด์ได้ถึง 1.7 ล้านราย พร้อมสรรหาสิทธิประโยชน์และบริการใหม่ๆ เพื่อรักษาฐานลูกค้าให้ใช้บริการในระยะยาว นอกจากนี้ ยังมีเป้าหมายที่จะขยายฐานสู่กลุ่มลูกค้าระดับบน และ ลูกค้ากลุ่มธุรกิจที่มีแนวโน้มการใช้งานด้านการรับส่งข้อมูล (Data) เพิ่มสูงขึ้น โดยจะนำเสนอบริการ อัลตร้า ไฮสปีด อินเทอร์เน็ต (Ultra hi-speed) ที่ระดับความเร็ว 30 Mbps ขึ้นไป ซึ่งมั่นใจว่า จะได้รับการตอบรับอย่างดี ส่งผลให้ ทรูออนไลน์รักษาตำแหน่งผู้นำตลาดบรอดแบรนด์ได้อย่างต่อเนื่อง “
นายนนท์ อิงคุทานนท์ ผู้จัดการทั่วไป Wire-line Broadband Services Business บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า รายได้ของบริการบรอดแบนด์ที่เพิ่มขึ้นในปีที่ผ่านมา เป็นผลจากการทำตลาดที่เน้นกลยุทธ์คอนเวอร์เจนซ์ สร้างมูลค่าเพิ่มให้ลูกค้า รวมทั้งการนำเสนอแพคเกจที่มีความหลากหลายให้ลูกค้าไฮสปีดอินเทอร์เน็ตจากทรูออนไลน์กว่า 700,000 ราย เลือกได้ตามไลฟ์สไตล์การใช้งาน ทำให้มีอัตราการขยายตัวของลูกค้าที่ปรับเพิ่มความเร็วการใช้งานเป็น 3 Mbps ขึ้นไปเพิ่มขึ้นถึง 16 เท่า โดยในปีที่ผ่านมากลุ่มทรูเป็นรายแรกที่เปิดให้บริการความเร็ว 8 Mbps และ 16 Mbps ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามาตรฐานความเร็วอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตรงใจไลฟ์สไตล์การใช้งานของคนยุคปัจจุบัน นอกจากนี้ ความสะดวกในการใช้งานที่สามารถท่องเน็ตเร็วสูงทุกที่ ทุกเวลา ก็มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น สังเกตได้ชัดจากการเติบโตของบริการอินเทอร์เน็ต ไร้สายความเร็วสูง ไว-ไฟ กลุ่มทรู ที่มีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าของปีที่ผ่านมา เป็นประมาณ 263,000 ราย อย่างไรก็ตาม กลุ่มทรูมุ่งเน้นเรื่องคุณภาพการให้บริการ โดยสามารถซ่อมเหตุเสียไฮสปีดอินเทอร์เน็ตภายใน 24 ชั่วโมงได้กว่าร้อยละ 98 และ ให้บริการติดตั้งลูกค้าใหม่รวดเร็วภายใน 3 วัน ได้สูงถึงร้อยละ 94
“ ทรูออนไลน์ มุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพ สร้างมูลค่าเพิ่มอย่างต่อเนื่อง และอยู่ในระหว่างการขยายโครงข่ายให้บริการครอบคลุมหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ ซึ่งเน้นการให้บริการที่มีประสิทธิภาพสูง และจัดเตรียมศูนย์บริการให้ลูกค้าสามารถติดต่อได้สะดวกยิ่งขึ้นในกรุงเทพและปริมณฑล ผ่านทรูช็อปและทรูสเตชั่นกว่า 120 แห่ง เพื่อรองรับความต้องการใช้งานบรอดแบนด์ยุคปัจจุบัน ที่ต้องการเชื่อมต่อและเข้าถึงโลกแห่งข้อมูลข่าวสาร ตลอดจนสาระบันเทิง ได้เต็มอิ่มทุกเวลาที่ต้องการ ทั้งนี้ มั่นใจว่าการดำเนินธุรกิจในปี 2553 นี้ ทรูออนไลน์จะประสบความสำเร็จเช่น ปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอน “ นายวิเชาวน์ กล่าวสรุป