วิเคราะห์ดีล AIS ซื้อ 3BB และอนาคตธุรกิจโทรคมนาคมไทยหลังจากนี้

หลังจากที่ในตอนเช้าของวันนี้ (4 กรกฎาคม) ทาง AIS ได้ประกาศเข้าซื้อกิจการผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตรายใหญ่อันดับ 2 ของตลาดอย่าง 3BB ด้วยมูลค่าสูงถึง 19,500 ล้านบาท เรามาดูกันว่าดีลนี้สร้างความสั่นสะเทือนให้กับวงการโทรคมนาคมไทยอย่างไร รวมถึงมาดูกันว่าอนาคตของธุรกิจโทรคมนาคมในไทยหลังจากนี้จะเป็นเช่นไร

ทำไมดีลนี้ถึงเกิดได้

สำหรับดีลนี้อาจต้องเล่าย้อนไปถึงในช่วงความพยายามที่ บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัทแม่ของ 3BB มีความพยายามที่จะเติบโตขึ้นมาผู้เล่นรายที่ 4 ในตลาดผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ ซึ่งทางบริษัทได้เข้ามาประมูลคลื่น 900 MHz แต่ในท้ายที่สุดบริษัทกลับไม่จ่ายเงินค่าประมูลคลื่นก้อนใหญ่ แม้ว่าในตอนแรกบริษัทจะชี้ว่ามีเงินทุนและพันธมิตรพร้อมแล้วก็ตาม

แต่หลังจากนั้นบริษัทก็ได้เน้นทำแต่ธุรกิจอินเทอร์เน็ตตามบ้าน โดยมีการเพิ่ม Value Added อย่างเช่นมีบริการ IPTV หรือเป็นพันธมิตรกับทาง HBO นำ HBO Go เข้ามา เป็นต้น และไม่มีการพูดถึงธุรกิจผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถืออีกต่อไป

ทางด้านของ AIS เองก็ได้เริ่มเข้ามารุกในตลาดอินเทอร์เน็ตบ้านมากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นผู้ให้บริการโทรคมนาคมครบวงจร โดยเปิดตัวบริการอินเทอร์เน็ตบ้านในปี 2015 แต่ก็ยังไม่สามารถขึ้นมาเป็นผู้เล่นอันดับ 1 ใน 3 ของตลาดได้ นอกจากนี้ยังมีการแข่งขันที่ดุเดือดจากทั้ง True หรือแม้แต่ทาง NT (CAT และ TOT เดิม) ทำให้ในช่วงที่ผ่านมาเราจะเห็นข่าวลือว่า AIS สนใจซื้อกิจการ 3BB อยู่หลายครั้งเพื่อที่จะเพิ่มจำนวนลูกค้า

แต่จุดเปลี่ยนสำคัญในช่วงที่ผ่านมาคือ บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัทแม่ของ 3BB เองก็ต้องการที่จะไปทำธุรกิจด้านอื่นมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจเกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งที่ผ่านมาเราจะเห็นบริษัทลูกอย่าง บมจ. จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น ได้สนใจในธุรกิจเหมืองขุดบิตคอยน์

อย่างไรก็ดี สภาวะตลาด Cryptocurency เองก็กำลังอยู่ในสภาวะขาลงอาจทำให้ผู้เขียนมองว่าบริษัทตัดสินใจขาย 3BB เพื่อนำเงินสดมาลงทุนในธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น หรือลงทุนในธุรกิจอื่นที่ไม่ใช่ธุรกิจแบบเดิมๆ อีกต่อไป ขณะเดียวกันทาง AIS ก็ได้ฐานลูกค้าขนาดใหญ่ ซึ่งถือว่าเป็น Win-Win Strategy ในช่วงเวลาเช่นนี้

เป้าหมายดีลนี้เพื่อเป็นเบอร์ 1 ของตลาดเน็ตบ้าน

ถ้าหากมองจำนวนลูกค้าในปัจจุบันแล้ว ข้อมูลล่าสุดเมื่อไตรมาส 1 ของปี 2022 ผู้นำตลาดอินเทอร์เน็ตบ้านนั้นยังคงเป็น True ที่มีฐานลูกค้ามากถึง 4.7 ล้านราย ขณะที่อันดับ 2 คือ 3BB มีลูกค้าราวๆ 3.68 ล้านราย ขณะที่ อันดับ 3 อย่าง NT นั้นมีลูกค้าราวๆ 2 ล้านราย (ข้อมูลล่าสุดปี 2021) ตามมาด้วยอันดับ 4 นั่นก็คือ AIS ที่มีฐานลูกค้า 1.86 ล้านราย

ถ้าหาก AIS ได้ควบรวมกิจการของ 3BB มาแล้ว ก็จะทำให้ AIS มีลูกค้าอยู่ที่ราวๆ 5.5 ล้านราย ซึ่งจะทำให้ยักษ์ใหญ่โทรคมนาคมรายนี้ขึ้นเป็นผู้เล่นตลาดอินเทอร์เน็ตบ้านอันดับ 1 ทันที และแซงหน้า True ทันที นอกจากนี้ในบทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์บัวหลวงยังชี้ว่า AIS จะมีรายได้จากอินเทอร์เน็ตบ้านเป็นสัดส่วน 20-25% ในอนาคต ซึ่งจากเดิมอยู่ที่ราวๆ 15% ของรายได้รวมเท่านั้น

นอกจากจะได้ลูกค้าอินเทอร์เน็ตบ้านแล้ว ถ้าหากดีลนี้ประสบความสำเร็จ ยังสามารถทำให้ AIS ลงทุนกับธุรกิจ Value Added กับลูกค้าเหล่านี้ได้อีกมาก ไม่ว่าจะเป็นระบบ IPTV หรือบริการอื่นๆ ซึ่งอาจดึงดูดลูกค้าจากค่ายอื่นตามมาอีกได้

ภาพจาก Shutterstock

อนาคตของวงการโทรคมนาคม

นอกจากดีลนี้จะทำให้ AIS ก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นสำคัญของตลาดอินเทอร์เน็ตบ้านแล้วนั้น ยังแสดงให้เห็นอนาคตของอุตสาหกรรมโทรคมนาคม ซึ่งเป็นเทรนด์ทั่วโลกคือตลาดกลับมามีผู้เล่นน้อยรายมากขึ้น ขณะเดียวกันผู้เล่นบางรายอาจตัดสินใจขายกิจการหรือควบรวมกิจการ เนื่องจากไม่มีแรงจูงใจในการทำธุรกิจต่อไป

สาเหตุสำคัญที่ตอบประเด็นดังกล่าวได้ก็คือปัจจัยของการประหยัดต่อขนาด (Economy of scale) เนื่องจากปัจจุบันธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้านปัจจุบันต้องใช้เงินลงทุนที่สูง เนื่องจากต้องขยายโครงข่ายเคเบิลใยแก้วนำแสงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งถ้าหากยิ่งมีฐานลูกค้ามากขึ้นเท่าไหร่ ขณะที่ค่าใช้จ่ายคงที่เท่าเดิม ย่อมทำให้รายได้และกำไรเข้ามามหาศาล

นั่นทำให้ผู้เล่นโทรคมนาคมรายใหญ่ทั่วโลกพยายามที่จะซื้อกิจการผู้เล่นรายรองๆ ลงมา ขณะเดียวกันผู้เล่นรายรองๆ เองก็อยากขายกิจการหรือไม่ก็ต้องควบรวมกิจการกันเพราะเงินลงทุนในด้านอุปกรณ์ต่างๆ นั้นเพิ่มมากขึ้น แต่จำนวนลูกค้ากลับเท่าเดิม จึงเหลือทางออกไม่กี่ทาง

ทำให้เราเห็นว่าทำไมผู้เล่นในตลาดโทรคมนาคมหลายๆ ประเทศ และอาจรวมในไทยถึงกำลังจะมีผู้เล่นน้อยรายลงเรื่อยๆ

คำถามที่ประชาชนจับตามอง เรื่องของการผูกขาด

อย่างไรก็ดี ยังมีคำถามที่ประชาชนหลายคนได้ตั้งคำถามหลังจากที่ AIS ได้ประกาศดีลนี้ นั่นก็คือว่าการควบรวมกิจการ 3BB เข้ามานั้นถือว่าเป็นการผูกขาดตลาด ทำให้ผู้เล่นเหลือน้อยรายลงหรือไม่ เนื่องจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตตามบ้านของไทยจะเหลือผู้เล่นรายใหญ่แค่ True และ NT รวมถึง AIS (ถ้าหากควบรวมกิจการ 3BB สำเร็จ) เท่านั้น

ขณะเดียวกันผู้เล่นรายเล็กๆ ในตลาดอินเทอร์เน็ตตามบ้านนั้นก็มีไม่ค่อยมาก อย่างเช่น PlanetFiber โสภณเคเบิ้ล หรือแม้แต่ Cable Connect ของเจริญเคเบิลทีวี นั้นมีเครือข่ายเคเบิลใยแก้วนำแสงทั่วประเทศ แถมยังทำตลาดในพื้นที่จำกัดมาก ซึ่งผู้เล่นเหล่านี้ยังไม่สามารถเติบโตขึ้นมาเป็นผู้เล่นระดับประเทศได้ เนื่องจากต้องใช้เงินลงทุนมหาศาล

และนั่นเป็นคำถามต่อคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ว่าจะพิจารณาให้ดีลการควบรวมกิจการนี้เดินหน้าต่อไปได้หรือไม่ รวมถึงแรงจูงใจในการทำตลาดของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตตามบ้านว่าจะยังมีแรงจูงใจในการออกโปรโมชันออกมาหรือไม่หลังจากดีลการควบรวมกิจการนี้