อีเบย์ อิงค์ (หรือมีชื่อในตลาดหลักทรัพย์แนสแดคว่า EBAY) เผยผลประกอบการไตรมาส 1/2553 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2553 โดยในไตรมาสแรกของปีนี้ มีรายได้เท่ากับ 2,200 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือคิดเป็นร้อยละ 18 เมื่อคำนวณโดยไม่นับรวมสไกพ์ ทั้งนี้ ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของอีเบย์ อิงค์ ในไตรมาส1/2553 สืบเนื่องมาจากการเติบโตของธุรกิจบริการด้านการเงินควบคู่กับธุรกิจตลาดออนไลน์ ทั้งยังได้รับผลกระทบเชิงบวกจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
เมื่อคำนวณตามหลักการบัญชีทั่วไป (GAAP) สำหรับไตรมาส 1/2553 อีเบย์ อิงค์ มีรายได้สุทธิ 397.7 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 0.30 เหรียญสหรัฐต่อหุ้นปรับลด โดยมีสัดส่วนกำไรสุทธิสูงถึงร้อยละ 22.2 ซึ่งนับว่าเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีสัดส่วนกำไรสุทธิที่ร้อยละ 20.9 ขณะเดียวกัน ในไตรมาส 1/2553 อีเบย์ อิงค์ มีรายได้สุทธิที่ไม่ได้คำนวณตามหลักการบัญชีทั่วไป (non-GAAP) คิดเป็น 554.2 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 0.42 เหรียญสหรัฐต่อหุ้นปรับลด โดยมีสัดส่วนกำไรสุทธิที่ร้อยละ 30.6 ซึ่งนับว่าลดลงเพียงเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีสัดส่วนกำไรสุทธิที่ร้อยละ 30.7 ทั้งนี้ การที่ธุรกิจที่มีสัดส่วนกำไรต่ำกว่า เช่น เพย์พาล มีการเติบโตอย่างพุ่งทะยาน ผนวกกับการมีอัตราผู้เข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการขายลดลง ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการทำกำไรของอีเบย์ อิงค์ที่เพิ่มสูงขึ้นนั้น ไม่ปรากฎผลโดดเด่นเท่าที่ควร
โดยมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเท่ากับ 418.3 ล้านเหรียญสหรัฐ และกระแสเงินสดอิสระ (Free Cash Flow) 266.0 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ กระแสเงินสดจากการดำเนินงานและกระแสเงินสดอิสระมีจำนวนลดลงเนื่องจากการชำระภาษีมูลค่า 207.4 ล้านเหรียญสหรัฐในคราวเดียว เพื่อปรับโครงสร้างนิติบุคคลตามข้อบังคับทางกฎหมาย การดำเนินการดังกล่าวส่งผลให้อีเบย์ อิงค์ ได้เคลื่อนย้ายกระแสเงินสดสู่สหรัฐอเมริการาว 1,100 ล้านเหรียญสหรัฐ ในไตรมาส 4/2552
มร. จอห์น โดนาโฮ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อีเบย์ อิงค์ กล่าวว่า “ผลประกอบการในไตรมาสแรกของปีนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของอีเบย์ ซึ่งเดินหน้าสู่เป้าหมายระยะ 3 ปี และเป้าหมายด้านผลกำไรได้อย่างต่อเนื่อง โดยอีเบย์ยังคงสานต่อกลยุทธ์ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ควบคู่กับการสร้างความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี และการมีสินค้าที่หลากหลายมากขึ้นเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่สมาชิก ซึ่งจะเป็นการสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งให้แก่ธุรกิจตลาดออนไลน์อีเบย์ พร้อมผลักดันเพย์พาลให้เป็นผู้นำด้านระบบการชำระเงินออนไลน์ระดับโลก”
สำหรับธุรกิจมาร์เก็ตเพลซ ซึ่งประกอบด้วยตลาดออนไลน์อีเบย์ ช้อปปิ้งดอทคอม (Shopping.com) สตับฮับ (StubHub) อีเบย์คลาสสิฟายด์ (Classifieds) และเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซอื่นๆ รวมมีมูลค่าการซื้อขายสินค้ารวม (Gross Merchandise Volume) ซึ่งไม่รวมถึงสินค้าประเภทรถยนต์ สูงถึง 13,000 ล้านเหรียญ ในไตรมาส 1/2553 คิดเป็นอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 24 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ ธุรกิจมาร์เก็ตเพลซยังได้รับผลกระทบเชิงบวกจากการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของสินค้าที่ปิดการขายโดยมีการกำหนดราคาตายตัว (Fixed-price Format) ผนวกกับการควบรวมกิจการ จี มาร์เก็ต (Gmarket)
ธุรกิจมาร์เก็ตเพลซ มีรายได้เท่ากับ 1,400 ล้านเหรียญสหรัฐ ในไตรมาส 1/2553 คิดเป็นอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 13 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สืบเนื่องจากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของทุกหน่วยธุรกิจ ควบคู่กับการควบรวมกิจการ จี มาร์เก็ต ผนวกกับแรงหนุนเชิงบวกจากการขยายตัวของการค้าขายข้ามพรมแดน ซึ่งมีสัดส่วนรายได้สูงถึงร้อยละ 60 ของรายได้ทั้งหมดของหน่วยธุรกิจมาร์เก็ตเพลซ ทั้งนี้ อีเบย์ยังคงมุ่งขับเคลื่อนธุรกิจมาร์เก็ตเพลซโดยเน้นการสร้างความเชื่อถือไว้วางใจ การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้า พร้อมส่งเสริมการซื้อขายสินค้าและขยายบริการในรูปแบบต่างๆ ให้แก่ลูกค้าเพิ่มขึ้น เช่น บริการคลาสสิฟายด์