หากจะพูดถึงตลาดอีคอมเมิร์ซไทยในปัจจุบัน แม้อัตราการเติบโตจะสูงแต่การแข่งขันก็สูงไม่ต่างกัน โดยเฉพาะผู้ประกอบการไทยที่เริ่มขายสินค้ายากขึ้นเพราะผู้ขาย ‘จีน’ ก็เข้ามาขายสินค้าในไทยมากขึ้น เนื่องจากไม่มี boundary เพราะโลกออนไลน์ ซึ่งผู้ประกอบการไทยบางรายก็เลยต้องพึ่ง ‘eBay’ (อีเบย์) แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซสัญชาติอเมริกันส่งสินค้าออกสู่ตลาดโลก
จิวเวลรี่ อะไหล่รถ อาหารเสริม 3 สินค้าไทยขายดี
อ้างอิงจากการคาดการณ์เทรนด์อีคอมเมิร์ซของ ป้อม ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ CEO and Founder tarad.com ได้เคยระบุไว้ว่าตลาด Inbound Cross Border หรือสินค้าที่มาจากต่างประเทศเป็นส่วนที่น่าเป็นห่วง เพราะสินค้าจาก จีน บน 3 มาร์เก็ตเพลสดังของไทยมีสัดส่วนถึง 77% หรือประมาณ 135 ล้านชิ้น ขณะที่สินค้าไทยมีสัดส่วนแค่ 23% หรือประมาณ 39 ล้านชิ้น ดังนั้น ทางรอดของผู้ประกอบการก็คือ Outbound Cross Border หรือการนำสินค้าไทยออกไปขายต่างประเทศ ซึ่งอีเบย์ก็ถือที่เป็นหนึ่งในช่องทางเอาสินค้าไทยออกไปขายต่างประเทศได้
รินทร์ลิตา ศรีโรจนภิญโญ หัวหน้าฝ่ายการตลาด อีเบย์ ประเทศไทย ระบุว่า ผู้ค้าไทยยังมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องตลอด 5 ปี ทั้งจำนวนร้านค้ารายใหม่ และยอดขายที่เติบโตของร้านค้าเดิมที่มีอายุเกิน 1 ปี โดย 3 กลุ่มสินค้าเด่นที่ขายดีมาก ได้แก่ จิวเวลรี่ เพชรพลอย เครื่องประดับ นาฬิกาหรู ตามด้วย อะไหล่ยนต์ อุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ รถบรรทุก มอเตอร์ไซค์ และ สินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม อาหารเสริม เครื่องสำอาง ซึ่งสินค้าทั้ง 3 กลุ่มสามารถขายได้ดีในตลาด สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร และออสเตรเลีย ซึ่งถือเป็นตลาดใหญ่
จากการศึกษาในปี 2564 นี้ อีเบย์เห็นเทรนด์ 5 กลุ่มสินค้า ที่มีความต้องการเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วได้แก่
- อะไหล่รถจักรยานยนต์
- จิวเวลรี่แบบมีพลอยประดับ หรือมีตัวเรือนเป็นเนื้อเงิน เนื้อทองคำ
- เพชรแบบเป็นเม็ดที่มีใบรับรอง
- ผลิตภัณฑ์ดูแลและจัดแต่งเส้นผม
- ต้นไม้ตกแต่งบ้าน
โดยทั้งหมดนี้เป็นกลุ่มสินค้าที่เป็นที่นิยมในตลาดที่มีอัตราการเติบโตของยอดขายมากกว่า 30% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่แล้ว
“95% ของผู้ขายไทย ขายสินค้าไปยังต่างประเทศ ขณะที่ผู้ซื้อไทยส่วนใหญ่จะเน้นซื้อสินค้าประเภทของสะสมเป็นหลัก แต่เราไม่ได้เน้นตลาดในประเทศ เพราะช่วง 10 ปีที่ผ่านมา คนไทยมีเครดิตการ์ดไม่ถึง 3% ทำให้การซื้อขายบนแพลตฟอร์มยาก ขณะที่ปัจจุบันยังจำกัดวงแค่ของสะสม ทำให้ปัจจุบันอีเบย์ยังไม่มีแผนที่จะทำตลาดโดเมสติก”
Trading Cards สินค้าขายดีสุดบน eBay
ในส่วนของตลาดโลกนั้น สินค้าเฉพาะกลุ่มในอีเบย์นั้นมีการเติบโตเพิ่มขึ้นสูงมาก โดยในปีที่ผ่านมา สินค้าขายดีและมีมูลค่าสูงที่สุดบนอีเบย์ทั่วโลก ได้แก่
- การ์ดสะสม เช่น การ์ดกีฬา การ์ดเกม และการ์ดโปเกมอน ที่มีการขายไปแล้วมากกว่า 45 ล้านใบในปี 2563 ด้วยอัตราการขายออกสูงถึงกว่า 90 ใบในหนึ่งนาที
- กลุ่มอะไหล่ยนต์
- อุปกรณ์วิดีโอเกม
- รองเท้าผ้าใบ
- ของสะสมลักซ์ชัวรี
ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาสที่สองของปี 2564 อีเบย์มีผู้ซื้อทั่วโลกมากกว่า 159 ล้านคน มีผู้ขายกว่า 19 ล้านคน มีสินค้ามากกว่า 1,500 ล้านรายการ โดยมียอดการใช้จ่ายมากกว่า 22,100 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 730,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังพบว่า โควิดทำผู้ซื้อใจร้อน เน้นส่งด่วน
“เราเห็นเทรนด์การส่งด่วน แต่มันก็ส่งผลต่อผู้ประกอบการไทยที่ขายสินค้าที่มีน้ำหนักเบา แต่เราก็เห็นการปรับตัวคือขายแบบเป็น ‘เซต’ ซึ่งช่วยแก้ปัญหาต้นทุน และเพิ่มยอดขาย”
ผุด eBay NextGen เพิ่มจำนวนผู้ขาย
เพราะอีเบย์ไทยไม่ได้ทำตลาดโดเมสติกหรือซื้อขายภายในประเทศเหมือน Shopee, Lazada ดังนั้น สิ่งที่ต้องทำก็คือ เพิ่มจำนวนผู้ขายใหม่ ๆ ออกสู่ตลาดโลกผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ 1.เน้นโครงการสนับสนุนผู้ขาย, 2.ส่งเสริมการขายกลุ่มสินค้าที่มีการเติบโตสูง ซื้อง่าย ขายคล่อง เป็นที่ต้องการตลาด และ 3.นำระบบชำระเงิน ebay PM ซึ่งเป็นระบบชำระเงินที่อีเบย์ผู้พัฒนามาใช้
โดยอีเบย์ได้พัฒนาโครงการ ‘eBay NextGen’ ที่จะเปิดโอกาสให้กับผู้ประกอบการไทยที่ยังไม่เคยค้าขายบนอีเบย์มาก่อน โดยจะให้สิทธิพิเศษ อาทิ
- อนุมัติให้ลงขายสินค้าในหมวดหมู่ขายดีราคาสูงได้ทันที
- ได้รับ Selling Limit เพิ่มพิเศษ สามารถขายสินค้าที่มีราคาสูง
- ฟรีค่าเปิดร้าน eBay Store โดยจะสนับสนุนค่าธรรมเนียมการเปิดร้านนาน 3 เดือน
- ออกค่าโฆษณาสินค้าให้ 50% สูงสุดไม่เกิน 1,000 เหรียญสหรัฐ
- ให้คำปรึกษาโดยทีม Business Development Manager
“ปกติผู้ขายใหม่ในอีเบย์จะมีข้อจำกัดคือ ขายสินค้าได้เดือนละ 10 รายการ ในวงเงินยอดขายรวมกันไม่เกิน 500 เหรียญ หรือประมาณ 16,350 บาท และไม่สามารถขายขายสินค้าในบางหมวดหมู่ได้ เช่นหมวดหมู่สินค้าขายดี แต่เพราะสินค้าขายดีของไทยเป็นจิวเวลรี่ โครงการ eBay NextGen ก็จะช่วยให้ขายของได้เร็วขึ้น”