บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) (“ไอวีแอล”) ผู้ผลิตโพลีเอสเตอร์รายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และผู้ผลิต PET รายใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ได้รายงานยอดขายประจำไตรมาสที่ 1 ของปี 2553 ที่ 24,100 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโตร้อยละ 37 จากไตรมาสที่ 1 ของปี 2552 ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจที่หดตัวและการแข็งค่าขึ้นของเงินบาท กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย เท่ากับ 3,010 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้นร้อยละ 7 จากไตรมาสที่ 1 ของปี 2552 ในขณะที่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 43 เป็น 1,583 ล้านบาท ยอดขายจากทุกกลุ่มธุรกิจเพิ่มขึ้น ทั้งจากปริมาณขายและราคาของ PET โพลีเอสเตอร์ และ PTA อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้นในไตรมาสนี้อยู่ที่ร้อยละ 30.8
ยอดขาย PET เพิ่มขึ้นร้อยละ 42 จากไตรมาสที่ 1 ของปี 2552 จากการขายที่เพิ่มขึ้นโดยรวม โดยเฉพาะอย่างยิ่งยอดขายจากโรงงานอัลฟ่าเพ็ท ซึ่งเป็นโรงงานใหม่ของบริษัทที่มีเทคโนโลยีชั้นสูง ตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกา และยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากการแปลงสายการผลิตโพลีเอสเตอร์สายหนึ่งในโรงงาน อินโดรามา โพลีเอสเตอร์ อินดรัสตรี้ส์ ในประเทศไทย เป็นสายการผลิต PET ถึงแม้ว่ากำลังการผลิตเส้นใยและเส้นด้ายโพลีเอสเตอร์ในโรงงาน อินโดรามา โพลีเอสเตอร์ อินดรัสตรี้ส์จะลดลงจากการแปลงสายการผลิตดังกล่าว ยอดขายของกลุ่มธุรกิจยังเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 83 จากไตรมาสที่ 1 ของปี 2552 ยอดขาย PTA สุทธิ (ไม่รวมการขายภายในกลุ่มบริษัท) เพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 13 ซึ่งจากยอดขายทั้งหมดของกลุ่มธุรกิจ PTA ประมาณครึ่งนึงเป็นการขายภายในกลุ่มบริษัท เพื่อใช้ในการผลิต PET และเส้นใยและเส้นด้ายโพลีเอสเตอร์
นายอาลก โลเฮีย ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของไอวีแอล กล่าวว่า “ผลประกอบการในไตรมาสที่ 1 ของปี 2553 นี้เป็นไปตามประมาณการที่บริษัทตั้งไว้เมื่อครั้งโร๊ดโชว์ผู้ถือหุ้นที่ผ่านมา คณะกรรมการบริษัทยังได้อนุมัติโครงการขยายกำลังการผลิตในโรงงานที่รอตเตอร์ดัม ซึ่งจะทำให้โรงงานดังกล่าวเป็นหนึ่งในโรงงานที่มีศักยภาพที่สุดในกลุ่ม จากการใช้ประโยชน์เพิ่มเติมจากระบบสาธารณูปโภคพิ้นฐานที่มีอยู่ นอกจากนี้ ไอวีแอลได้เข้าซื้อสินทรัพย์ของกิจการสาธารณูปโภคซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกัน ซึ่งจะรองรับการขยายกำลังการผลิตดังกล่าว อีกทั้งบริษัทยังสามารถเพิ่มการบริโภค PTA ส่วนเกินที่ผลิตได้จากโรงงานหนึ่งของบริษัทในพื้นที่ และได้รับประโยชน์ด้านต้นทุนค่าขนส่ง โรงงานนี้ยังได้รับประโยชน์จากบุคคลากรที่มีประสิทธิภาพ และคณะผู้บริหารที่มีความสามารถ
“ในทุกวันนี้ ยุโรปเป็นภูมิภาคที่มีความต้องการส่วนเกินในเม็ดพลาสติก PET ซึ่งการขยายโรงงานครั้งนี้จะช่วยเติมเต็มความต้องการในภูมิภาคนี้ได้” นายอาลก โลเฮียยังกล่าวอีกว่า “ไอวีแอลคาดว่าการขยายโรงงานครั้งนี้จะสามารถเริ่มดำเนินการผลิตได้ภายในไตรมาสที่ 1 ของปี 2555”
เมื่อไม่นานมานี้ ไอวีแอลได้ประกาศการลงทุนร้อยละ 50 ในกิจการร่วมค้ากับบริษัท PCH Holdings เพื่อเข้าซื้อกิจการผลิต PET และ PTA ในประเทศอิตาลี และประกาศการเข้าซื้อกิจการทั้งหมดของโรงงานสาธารณูปโภคขนาด 24 เมกะวัตต์ ที่ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกันกับโรงงานของบริษัทในรอตเตอร์ดัม บริษัทยังมุ่งใช้กลยุทธ์การเติบโตเพื่อเพิ่มมูลค่า ดังเช่นการขยายโรงงานในรอตเตอร์ดัม ซึ่งจะเพิ่มสายการผลิต PET ที่กำลังการผลิต 190,000 ตันต่อปี