ฝ่ายวิจัยและพัฒนาธุรกิจ บริษัท ปทุมดีไซน์ ดีเวลลลอป จำกัด หรือรู้จักกันในนาม ศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ เปิดเผยผลสำรวจออนไลน์ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา (มกราคม-มิถุนายน 2553) จากลุ่มตัวอย่างจำนวน 2,548 รายทั่วประเทศ โดยมีผู้ตอบแบบสอบถามที่เป็นกลุ่มเป้าหมายจำนวน 364 ราย เกี่ยวกับความต้องการสร้างบ้านบนที่ดินตัวเองทั่วประเทศ ในหัวข้อ “ที่มาของเงินลงทุนสร้างบ้านหลังใหม่” มาจากแหล่งใดระหว่าง “เงินออม” กับ “เงินกู้ยืมธนาคาร” โดยผลสำรวจครั้งนี้มีความน่าสนใจ หากนำมาเปรียบเทียบกับข้อมูลเดิมเมื่อ 5-6 ปีก่อน ที่เคยพบว่าผู้บริโภคที่ใช้บริการบริษัทรับสร้างบ้านกว่า 60% นิยมใช้ “เงินออม” สร้างบ้านหลังใหม่ ในขณะที่มีเพียง 30% เศษเท่านั้นที่เลือกใช้ “เงินกู้ยืมธนาคาร”
แต่จากผลการสำรวจความเห็นครั้งล่าสุดนี้ กลุ่มเป้าหมายตัวอย่างหรือผู้บริโภคที่ต้องการจะสร้างบ้านหลังใหม่ บนที่ดินของตัวเองในปีนี้และอีก 1-2 ปีข้างหน้า กลับพบว่าเกือบ 80% ต้องการจะ “กู้ยืมธนาคาร” และมีเพียง 20% เท่านั้นที่จะใช้ “เงินออมหรือเงินสด” ทั้งนี้ผลสำรวจความเห็นดังกล่าวมีนัยสำคัญ ฉะนั้นกลุ่มผู้ประกอบการที่แข่งขันอยู่ในตลาดรับสร้างบ้าน ควรศึกษาและนำไปใช้วางแผนกลยุทธ์การตลาด เพื่อจะมุ่งตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและกลุ่มเป้าหมายของตนเอง รวมถึงร่วมมือกับธนาคารหรือสถาบันการเงิน พัฒนาผลิตภัฑ์ทางการเงินหรือรูปแบบสินเชื่อปลูกสร้างบ้านหลังใหม่ ให้สามารถตอบโจทย์และอำนวยความสะดวกมากยิ่งขึ้น เพื่อจะใช้เป็นเครื่องมือสำคัญอย่างหนึ่งต่อการพัฒนาตลาดรวมรับสร้างบ้านให้ขยายตัวและเติบโตอย่างเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน
ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยและพัฒนาธุรกิจฯ เปิดเผยจากผลสำรวจแสดงให้เห็นว่า ที่ผ่านมาผู้บริโภคยังมองว่าการกู้ยืมเงินธนาคารฯ เพื่อปลูกสร้างบ้านเป็นเรื่องยุ่งยาก และส่วนใหญ่ไม่ทราบมาก่อนว่าสามารถกู้ยืมได้ อาจเป็นเพราะขาดการประชาสัมพันธ์ที่ดีพอจากฝ่ายผู้ประกอบการและสถาบันการเงิน รวมถึงที่ผ่านมาขาดการอำนวยความสะดวกแก่ผู้บริโภคที่ต้องการใช้บริการ นอกจากนี้กลุ่มตัวอย่างจำนวน 55% เห็นว่าเหตุผลสำคัญที่ต้องการใช้เงินกู้ยืมธนาคารเพื่อปลูกสร้างบ้านเพราะเห็นว่าทำให้มีบ้านเร็วขึ้น และคุ้มค่าเมื่อเปรียบเทียบกับดอกเบี้ยที่จ่าย เหตุผลรองลงมากลุ่มตัวอย่างจำนวน 37% เห็นว่าการออมเงินอาจไม่ทันกับราคาบ้านที่แพงขึ้นทุกปี
หากพิจารณาจากสถิติดังกล่าวแล้ว แนวโน้มสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยประเภทปลูกสร้างบ้านบนที่ดินของตัวเองยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก ถ้าทำให้ผู้บริโภคและประชาชนรับรู้และมีความเข้าใจมากขึ้น รวมถึงตลาดรับสร้างบ้านก็จะสามารถขยายตัวเพิ่มได้เช่นกัน จากในอดีตที่ผู้บริโภคเคยคิดว่าจะต้องออมเงินให้ครบก่อนจึงจะสร้างบ้านได้ จึงนับเป็นข้อด้อยและเสียเปรียบธุรกิจที่อยู่อาศัยประเภทอื่น เช่น บ้านจัดสรร บ้านมือสอง ที่ผู้บริโภคมีความเข้าใจเป็นอย่างดีว่าสามารถกู้ยืมหรือขอสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยได้จากธนาคารโดยไม่ยุ่งยาก
การพัฒนาตลาดรับสร้างบ้านควบคู่ไปกับตลาดสินเชื่อเพื่อปลูกสร้างบ้าน จำเป็นที่ผู้ประกอบการในธุรกิจรับสร้างบ้านควรหันมาให้ความสำคัญอย่างจริงจัง โดยเฉพาะบริษัทรับสร้างบ้านต้องเร่งปรับตัวให้มีการบริหารจัดการที่ชัดเจน เพื่อสถาบันการเงินจะได้ไว้วางใจและสนับสนุนสินเชื่อปลูกสร้างบ้านแก่ลูกค้าที่มาใช้บริการ รวมถึงผู้ประกอบการเกิดใหม่หรือที่เข้ามาสู่ธุรกิจรับสร้างบ้านได้ไม่นานก็ตาม การมีระบบการบริหารจัดการที่ดีและมีความเป็นมืออาชีพจริงคือสิ่งสำคัญ โดยอาจใช้วิธีเข้าร่วมเป็นเครือข่ายกับมืออาชีพตัวจริงที่มีประสบการณ์มานาน อย่างเช่น โมเดลธุรกิจใหม่ในรูปแบบแฟรนไชส์รับสร้างบ้าน ซึ่งในปัจจุบันสถาบันการเงินก็อำนวยความสะดวกและสนับสนุนการปล่อยสินเชื่อให้เช่นกัน
สำหรับภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านในเขตกรุงเทพฯในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2553 นี้พบว่าปริมาณการสร้างบ้านหลังใหม่ชะลอตัวลง ยกเว้นในเขตปริมณฑลและจังหวัดใกล้เคียงยังสามารถเติบโตได้ สาเหตุหลักเกิดจากผลกระทบจากปัญหาการชุมนุมทางการเมืองในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคมที่ผ่านมา สำหรับตลาดรับสร้างบ้านในต่างจังหวัด พบว่าสามารถเติบโตได้ดีกว่าปีที่แล้วชัดเจน โดยปัจจัยสำคัญคือผู้ประกอบการหรือบริษัทรับสร้างบ้านชั้นนำ มีการขยายสาขาและสร้างเครือข่ายออกไปสู่ภูมิภาค สามารถตอบสนองความต้องการและให้บริการครอบคลุมพื้นที่ได้มากขึ้น ทั้งนี้ยังจะส่งผลให้มูลค่ารวมตลาดรับสร้างบ้านในครึ่งปีหลัง มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากครึ่งปีแรกอีกด้วย
นอกจากนี้ ฝ่ายวิจัยและพัฒนาธุรกิจฯ ยังคาดว่ามูลค่าตลาดรับสร้างบ้านทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัดตลอดปี 2553 อาจจะเติบโตลดลงต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ จากเดิมคาดว่าเติบโตประมาณ 5-8% เหลือเพียง 3-5% พร้อมชี้ว่ากลุ่มผู้ประกอบการควรขยายการให้บริการรับสร้างบ้านไปสู่ตลาดใหม่ๆ และสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภคและประชาชนในวงกว้างอย่างเป็นรูปธรรมให้มากขึ้น เพื่อจะช่วยชดเชยกำลังซื้อในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่หายไปในช่วง 6 เดือนกลับคืนมา มิฉะนั้นโอกาสที่จะทำมูลค่ารวมตลาดรับสร้างบ้านเติบโตดังที่คาดไว้คงยากจะเป็นจริง
นายสิทธิพร สุวรรณสุต ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป จำกัด หรือที่รู้จักกันในนาม ศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ เปิดเผยว่า ในช่วง 5-6 เดือนที่ผ่านมา ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการกับศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ทั้ง 17 สาขา พบว่ากว่า 70% ต้องการกู้ยืมเงินเพื่อสร้างบ้านและผ่อนชำระกับธนาคาร ซึ่งในส่วนของศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์เองมีบริการติดต่อและอำนวยความสะดวก รองรับลูกค้าที่ต้องการขอใช้สินเชื่อกับธนาคารอยู่แล้ว นอกจากนี้ลูกค้ายังได้รับสิทธิและอัตราดอกเบี้ยพิเศษต่ำกว่าทั่วๆไป โดยเฉพาะลูกค้าที่ต้องการสร้างบ้านในพื้นที่ต่างจังหวัดทั่วประเทศ นายสิทธิพร เผยว่า ปัจจุบันธนาคารหลักที่ให้การสนับสนุนสินเชื่อปลูกสร้างบ้านแก่ลูกค้าของศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ ได้แก่ ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เป็นต้น