อีกครั้งที่ค่ายโทรศัพท์มือถือต้องไล่ล่าไขว่คว้าหาโอกาสทางธุรกิจจาก Apple หลังจากผ่านบททดสอบจาก iPhone มาแล้ว และ iPad คืออีกหนึ่งการแข่งขันในยุคที่คนไทยพร้อมรับ Gadget ใหม่ๆ และเดินแถวเข้าเป็นสาวกของ Apple เพราะ iPad จะทำให้ค่ายมือถือที่สามารถหาพื้นที่ได้มั่นคง และทำรายได้จากธุรกิจสื่อสารข้อมูลได้เต็มที่
“ไมโครซิม” (Micro SIM ) หรือซิมโทรศัพท์ขนาดเล็ก ที่มาพร้อมแพ็กเกจราคาค่าใช้บริการสื่อสารข้อมูล คืออาวุธแรกที่ทั้ง 3 ค่ายงัดมาสู้กัน ทั้งที่ iPad ยังไม่ถูกนำมาจำหน่ายในเมืองไทยอย่างเป็นทางการ แต่เพราะยอดขายที่เพิ่มขึ้นทุกวันในมาบุญครอง และศูนย์การค้าไอทีหลายแห่ง จนทำให้ทั้งเอไอเอส ดีแทค และทรูมูฟ ประกาศขาย “ไมโครซิม” พร้อมแพ็กเกจดาต้า ตั้งแต่ iPad รุ่น 3G ที่ต้องมีซิมยังไม่ออกเสียด้วยซ้ำ
ไมโครซิม มีขนาดเล็กกว่าซิมการ์ดของโทรศัพท์มือถือที่ใช้ปัจจุบัน กลายเป็นโปรดักต์ใหม่ในตลาด รองรับอุปกรณ์ที่เน้นความบาง และใช้สอยพื้นที่ทุกมุมของเครื่องให้ได้ประโยชน์สูงสุด อย่าง iPad รวมทั้งคาดการณ์กันว่า iPhone รุ่นใหม่นับจากนี้ ก็ต้องใช้ ไมโครซิมเช่นกัน
ปรัธนา ลีลพนัง ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ส่วนงานบริการเสริม เอไอเอส บอกว่า แท็ปเล็ต ไม่ว่าจะเป็น iPad ของ Apple หรือ Android vPAD หรือแม้แต่โน้ตบุ๊กที่ใส่ซิม ล้วนแล้วแต่เป็นอุปกรณ์ที่เพิ่มการใช้งานสื่อสารข้อมูลผ่าน GPRS/EDGE รวมถึง 3G
“ผมมองว่า ด้วย Intuitive User Interface ของ iPad และ Android จะเป็นตัวผลักดันพฤติกรรมการใช้งานให้มีการเติบโตการใช้ Wireless Data หลายเท่าตัวเมื่อเทียบกับ Notebook ทั่วไป เราเห็นปรากฏการณ์ดังกล่าวแล้วกับSmartphone และ
Micro SIM เป็นหนึ่งในแผนการเตรียมการที่จะตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า High-end ที่อาจซื้อเครื่องจากต่างประเทศ รวมถึงอุปกรณ์ชนิดใหม่ๆ เช่น vPad Android”
การเตรียมการของเอไอเอสนั้น “ปรัธนา” บอกว่า เริ่มพัฒนาโปรดักต์อย่างไมโครซิม และทดสอบการใช้งานในเครือข่าย ตั้งแต่วันที่มีการประกาศเปิดตัว iPad เมื่อหลายเดือนก่อนแล้ว แม้ขณะนี้แพ็กเกจของไมโครซิมเอไอเอสยังเป็นแพ็กเกจเดียวกับซิมของสมาร์ทโฟน และเน็ตบุ๊ก แต่ “ปรัธนา” ก็เชื่อว่าต่อไปจะเห็นไมโครเซ็กเมนต์ และการ Bundling Tariff Plan กับอุปกรณ์ต่างๆ มากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง เพราะปัจจุบันการใช้งาน GPRS/EDGE และ 3G ได้กระจายไปทั่วประเทศ ทั้งโลกของ Mobile และ Internet ซึ่งทำให้ มีผู้ใช้หลากหลายเซ็กเมนต์มากขึ้น
เมื่อยักษ์ใหญ่ขยับ เบอร์ 2 และเบอร์ 3 จึงนิ่งเฉยไม่ได้
ค่ายทรูมูฟ ขยับด้วยจุดแข็งของ Wi-Fi และเครือข่าย 3G ที่ได้ทดลองในพื้นที่กว้างกว่าดีแทค จึงเปิดตัวไมโครซิมต่อจากเอไอเอสไม่นาน ด้วยการเน้นจุดขายว่าเครือข่ายทรูมูฟ 3G ในคลื่นความถี่ 850 เมกะเฮิรตซ์ เป็นเครือข่ายที่รองรับการใช้งาน iPad รุ่น 3G+WiFi ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นจุดขายเดียวกับที่เน้นโปรดักต์ “สมาร์ทโฟน”
“พิรุณ ไพรีพ่ายฤทธิ์” ผู้อำนวยการสายงานบริการมัลติมีเดีย กลุ่ม ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด บอกว่า กระแส iPad แรงและจะทำให้เกิดการบริโภคคอนเทนต์ต่างๆ มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่ใช้ iPhone อยู่แล้ว ก็จะได้ประสบการณ์ที่ดีกว่าจาก iPad ในการใช้งาน ตั้งแต่แอพพลิเคชั่นต่างๆ ไปจนถึงมัลติมีเดีย และการอ่านหนังสือบน iPad
“ปกรณ์ พรรณเชษฐ์” ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายผลิตภัณฑ์ บริษัทโทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) เตรียมไมโครซิมไว้ 1 หมื่นเบอร์ จำหน่ายกลางเดือนมิถุนายนนี้ แม้ดีแทคจะมีจุดเสียเปรียบเรื่อง Wi-Fi และ3G ที่ยังทดลองอยู่ในพื้นที่จำกัด แต่เครือข่าย GPRS EDGE ก็ตอบสนองลูกค้าที่ใช้ iPad ได้
“กับ iPad เราต้องลงไปเล่น เพราะกลัวตกขบวน และเป็นกระแสที่ตอกย้ำให้เห็นว่าเป็น Positioning ที่สวยงาม”
“ปกรณ์” เผยว่า ข้อมูลเบื้องต้นมีคนใช้ iPadในประเทศไทยประมาณ 10,000 เครื่อง เป็นเครื่อง 3G ประมาณ 1,000 เครื่องหลักฐานนี้เขาจคงเชื่อว่าตลาดนี้จะขยายขึ้นอีกอย่างแน่นอน
จอใหญ่กว่า โอกาสมากกว่ของ “ทรูแอพฯ”
สำหรับค่ายทรูมูฟ ไม่เพียงรายได้จากสื่อสารข้อมูลจะเพิ่มขึ้นจาก iPad เท่านั้น ธุรกิจอีกด้านหนึ่งที่กลุ่มทรู คอร์ปอเรชั่น คือ “ทรูแอพเซ็นเตอร์” ก็กำลังตื่นเต้นและเตรียมพร้อม
“พิชิต ธันโยดม” หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านสารสนเทศ คอนเวอร์เจนซ์ บอกว่า สิ่งที่ทรูแอพฯทำอยู่คือเริ่มพัฒนา Application สำหรับ iPad และคงจะมี Application ดีๆ ที่น่าสนใจออกมาให้ลูกค้าของทรูได้ใช้งานเร็วๆ นี้ และยังได้เพิ่มหลักสูตรการพัฒนา Application บน iPad ไว้ในหลักสูตรที่เปิดสอน iPhone ในปีนี้ด้วย
“ด้วยหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นและมีความละเอียดสูง อีกทั้งสามารถใช้งานได้นานต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ผมเชื่อว่า Application ที่น่าจะเหมาะก็ยังคงเป็นกลุ่ม Life Style กลุ่มเดียวกันกับที่ได้รับความเป็นอย่างมากบน iPhone และเชื่อว่าแอพฯ บางกลุ่มนั้น จะยิ่งได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นอีก เนื่องด้วยนักพัฒนาแอพฯ (Developer) สามารถพัฒนาแอพฯให้มีความน่าสนใจเพิ่มมากขึ้น”
กลุ่มของแอพพลิเคชั่นที่น่าจะมีโอกาส คือแอพฯสำหรับคอนเทนต์ประเภท VDO ซึ่งเดิม User กลุ่มหนึ่งอาจยังไม่ค่อยพึงพอใจเมื่อใช้งานบน iPhone เนื่องจากขนาดจอที่เล็ก ระยะเวลาการใช้งานสั้น และคุณภาพของภาพยังไม่เหมาะกับการดู VDO ที่มีคุณภาพสูง (HD) ซึ่งได้รับความนิยมในปัจจุบัน
แอพฯสำหรับ Game ก็น่าจะยิ่งได้รับความนิยมมากขึ้นอีก เนื่องด้วยขนาดจอที่ใหญ่ขึ้นทำให้การเล่นเกมสนุกมากยิ่งขึ้น
แอพฯกลุ่มใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมในต่างประเทศคือ กลุ่ม e-Reader เพื่อใช้สำหรับการอ่านหนังสือ ที่ Apple หวังที่จะครองส่วนแบ่งตลาดจากเจ้าตลาดในปัจจุบัน โดยมีหนังสือทั้งฟรี และขายให้เลือก Download มากมาย
การปฎิบัติการของทรูครั้งนี้ เพราะเชื่อมั่น iPad น่าจะได้รับความนิยมเช่นเดียวกับในตลาดต่างประเทศแน่นอน
จะเห็นได้ว่าที่มาบุญครองหรือฟอร์จูนทาวน์นั้นมีของหิ้ววางขายจำนวนมาก และเราเชื่อว่า iPad กำลังจุดกระแสการแข่งขันของตลาดใน Segment ที่เป็น Netbook, e-Reader และ Tablet Notebook ซึ่งทั้งหมดกำลังอยู่ในระหว่างการปรับตัวเพื่อออกโปรดักต์ใหม่ๆ เพื่อให้สามารถแข่งขันกับ iPad ได้