พานาโซนิคขอสู้ด้วยพลาสม่า

ถึงแม้กระแสทีวี 3 มิติในไทยกำลังมาแรง โดยคู่แข่งรายใหญ่ๆ อย่างซัมซุง แอลจี โซนี่ ทยอยเปิดตัวไปก่อนหน้านี้ เมื่อถึงคิวของพานาโซนิค ค่ายนี้กลับไม่รีบร้อน การนำพลาสม่าทีวี 3 มิติมายลโฉม พร้อมกับเครื่องเล่นบลูเรย์ และแว่นตาแบบครบเซตในวันเปิดตัวทีวีรุ่นใหม่ เต่เป็นเพียงยืนยันว่าพานาโซนิคพร้อมแล้วสำหรับทีวี 3 มิติ

เพราะหลังจากประเมินสภาพตลาดแล้วพบว่า ตลาดทีวี 3 มิติในไทยยังต้องอาศัยเวลา ยังขาดความพร้อมเรื่องของ “เนื้อหา” ทุกวันนี้สถานีโทรทัศน์ยังออกอากาศด้วยระบบอนาล็อก ถึงแม้จะมีแผ่นบลูเรย์ระบบ 3 ดีวางขาย แต่ยังมีไม่มาก พานาโซนิคจึงไม่รีบร้อนสำหรับตลาดนี้ กำหนดวางตลาดทีวี 3 ดี และแอลอีดีทีวีจึงไปอยู่ช่วงสิ้นปี โดยจะหันไปมุ่งทำตลาดทีวีจอพลาสม่า ซึ่งพานาโซนิคก็ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าตลาดนี้อยู่แล้ว

ไฮไลต์งานเปิดตัวครั้งนี้ จึงไปอยู่ที่ทีวีพลาสม่ารุ่นใหม่ขนาด 50 นิ้ว 46 นิ้ว และ 42 นิ้ว หรือที่เรียกว่าเป็น เวียร่า เจนเนอเรชั่นที่ 2 มีความละเอียด Full HD แถมพ่วงด้วย แอลซีดีทีวี ขนาด 32-42 นิ้ว

แม้ว่าตลาดจอพลาสม่ารวมในไทย จะมีสัดส่วนเพียงแค่ 14-15% จากทีวีจอแบน 1 ล้านเครื่อง ในขณะที่เหลือ 85% เป็นตลาดของแอลซีดีทีวี (ซึ่งในจำนวนนี้เป็นตลาดแอลอีดีทีวี 10%) แต่พานาโซนิคคิดแล้วคุ้ม

อย่างแรก – ความพร้อมของโรงงานผลิตในไทย เนื่องจากที่ผ่านมาโรงงานในไทยได้ยกเลิกผลิตจอแก้ว (CRT) หันไปผลิตจอพลาสม่า ป้อนทั้งตลาดไทยและในยุโรป ออสเตรเลีย และยังมีโรงงานผลิตในประเทศอินโดนีเซีย ส่วนในญี่ปุ่นจะผลิตเฉพาะจอแอลอีดี

สอง – หากมุ่งไปตลาดจอพลาสม่า ทำให้พานาโซนิคไม่ต้องสู้รบคู่แข่งจากค่ายเกาหลีอย่าง ซัมซุง และแอลจี ที่กำลังมาแรงมากๆ ทุ่มสรรพกำลังเต็มที่ ทั้งเงินทุน เทคโนโลยี และการตลาด หวังขึ้นแท่นครองตลาดแอลซีดีทีวี และแอลอีดีทีวี ส่วนทีวีจอพลาสม่า แม้จะมีออกมาทำตลาดแต่ก็ไม่เน้นมากนัก น่าจะเป็นโอกาสให้กับพานาโซนิคที่จะรักษาฐานลูกค้าในส่วนนี้ไว้

ขณะเดียวกัน ปัญหาความเข้าใจของลูกค้าที่คิดพลาสม่าทีวีเป็นเทคโนโลยีเก่ากำลังจะเลิกผลิตในไม่ช้าเริ่มคลี่คลายไปแล้ว เนื่องจากผู้ผลิตทุกค่ายยังคงทยอยเปิดตัวจอพลาสม่าออกมาสม่ำเสมอ และยังมีลูกค้าจำนวนหนึ่งที่ยอมรับในเรื่องความคมชัดของพลาสม่าทีวี แม้ว่าจะมีรุ่นให้เลือกไม่หลากหลายเท่ากับแอลซีดีก็ตาม

การทำตลาดทีวี ของพานาโซนิคงวดนี้ จึงต้องอาศัยแบรนด์แอมบาสเดอร์ โดยดึงเอา “เคน ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์” มาเป็นตัวช่วย ซึ่งเป็นสินค้าตัวที่ 6 ของพานาโซนิคที่ใช้เคนมาเป็นจุดขาย นอกจากนี้พานาโซนิคยังหันมาให้ความสำคัญกับกลยุทธ์ “Last 1 meter” หรือระยะสุดท้ายก่อนผู้บริโภคตัดสินใจซื้อ ซึ่งหมายถึงการทำตลาด ณ จุดขาย ตกแต่งร้าน พัฒนาความสามารถพนักงานขาย เพราะเริ่มรู้แล้วว่าพฤติกรรมของลูกค้าเวลานี้ มักจะตัดสินใจซื้อทีวี ณ จุดขาย ถึง 50 % หากแก้เกมการตลาดจุดนี้ได้ โอกาสที่จะรักษาตำแหน่ง เจ้าแห่งพลาสม่าคงไม่ยากนัก

แต่ถึงจะไม่รีบร้อนกับทีวี 3มิติแค่ไหนก็ตาม แต่สำหรับอีเว้นท์ระดับบิ๊กอย่างฟุตบอลโลก พานาโซนิคไม่ยอมพลาด เพราะประเมินแล้วว่าฟุตบอลโลกงานเดียวามารถกระตุ้นตลาดทีวีโดยรวมโตขึ้นไม่ต่ำกว่า 10-15% พานาโซนิคจึงทุ่มงบถึง 50 ล้านบาท (ปกติแล้วจะใช้งบการตลาด 10% ของยอดขายในแต่ละปี) ออกโฆษณาตัวใหม่ ที่ได้เคนเป็นมาเป็นพระอก แถมพ่วงด้วยการโปรโมต ณ จุดขาย และแคมเปญชิงโชค แบบนี้ก็มั่นใจได้ว่า งานนี้ต้องมีพานาโซนิคเป็นหนึ่งในทางเลือกของผู้บริโภค

ส่วนแบ่งตลาดทีวีแต่ละประเภทของพานาโซนิค
2009/2010
พลาสม่าทีวี 29 % 42%
แอลซีดีทีวี 7% 11%
ตลาดรวมทีวี 8% 15%