การแข่งขันฟุตบอลโลกที่จะเริ่มในช่วงวันที่ 11 มิถุนายน-11 กรกฎาคม 2553 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้มีการสำรวจเกี่ยวกับ พฤติกรรมเรื่อง ”การชิงโชคของชาวกรุงเทพฯในช่วงการแข่งขันฟุตบอลโลก2010” ในระหว่างวันที่ 4-18 มิถุนายน 2553 จำนวน 644 ชุด กระจายตามประชาชนกลุ่มต่างๆแยกตาม เพศ อายุ อาชีพ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร พบว่า การแข่งขันฟุตบอลโลกในปีนี้ ผู้ประกอบการในภาคธุรกิจต่างๆทั้งสินค้าอุปโภค-บริโภค เป็นจำนวนมาก สนใจเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อสร้างสีสันให้กับการแข่งขัน รวมทั้งเพื่อกระตุ้นยอดขายสินค้าให้สูงขึ้น โดยมีทั้งกลุ่มที่เข้าร่วมในฐานะผู้สนับสนุนการแข่งขัน หรือกลุ่มที่จัดกิจกรรมการตลาด โดยอิงกระแสฟุตบอลโลก ทั้งการโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ รวมถึงการชิงโชคทายผลการแข่งขัน ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งทางด้านกระตุ้นยอดขาย รวมไปถึงการสร้างภาพลักษณ์สินค้าหรือธุรกิจ ซึ่งกิจกรรมการชิงโชคดังกล่าว ก็ได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะสร้างความสนุกสนานแล้ว ยังได้ลุ้นของรางวัล ที่มีมูลค่าค่อนข้างสูง อาทิ บ้าน รถยนต์ ทองคำ และเงินสด ที่มีมูลค่ารวมกันถึงกว่าร้อยล้านบาท ดังจะพิจารณาได้จากผลการสำรวจที่พบว่า คนกรุงเทพฯร้อยละ 63.0 ของกลุ่มตัวอย่างที่สำรวจ สนใจที่จะส่งชิงโชคทายผลการแข่งขันฟุตบอลโลกปีนี้ ดังนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จึงคาดว่า คนกรุงเทพฯ น่าจะมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการส่งชิงโชคทายผลฟุตบอลโลกประมาณ 965 ล้านบาท
จากการสำรวจพฤติกรรม ”การชิงโชคของชาวกรุงเทพฯในช่วงการแข่งขันฟุตบอลโลก2010” พบประเด็นสำคัญที่ได้จากผลการสำรวจ ดังนี้
คนกรุงสนใจร่วมสนุก : ชิงโชคทายผลฟุตบอลโลก 2.58 ล้านคน
จากการสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับ ความสนใจต่อการเข้าร่วมรายการชิงโชคทายผลการแข่งขันฟุตบอลโลก พบว่า มีคนกรุงเทพฯสนใจชิงโชคทายผลสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 63.0 ส่วนผู้ที่ไม่สนใจมีสัดส่วนร้อยละ 37.0 ซึ่งแตกต่างจากการแข่งขันฟุตบอลโลกเมื่อปี 2549 ซึ่งในครั้งนั้น มีผู้สนใจร่วมรายการชิงโชคเพียงร้อยละ 40.8 และไม่เข้าร่วมมีสัดส่วนร้อยละ 59.2 โดยจำนวนผู้สนใจ เข้าร่วมรายการชิงโชคของคนกรุงเทพฯ ในการแข่งขันฟุตบอลโลกปีนี้ คาดว่าจะมีประมาณ 2.58 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 44.9 เมื่อเทียบกับการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งก่อน ซึ่งมีจำนวนผู้สนใจเข้าร่วมชิงโชคจำนวนประมาณ 1.78 ล้านคน โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลายประการ ทั้งจำนวนประชากรกรุงเทพฯที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับเวลาถ่ายทอดสดการแข่งขันในประเทศไทย ที่อยู่ในช่วงไม่ดึกจนเกินไปนัก ส่งผลทำให้คนกรุงเทพฯให้ความสนใจติดตามชมการแข่งขัน และสนใจชิงโชคทายผลการแข่งขันเพื่อความสุกสนานมากขึ้น ในขณะเดียวกัน รูปแบบการชิงโชคที่มีความหลากหลาย ทั้งการทายผลผ่านไปรษณีย์บัตร การทายผลผ่านคูปองหรือฉลากสินค้า ที่ประชาชนมีการซื้อใช้อยู่แล้ว การทายผลผ่านทางโทรศัพท์ และการส่ง sms ที่ปัจจุบันมีจำนวนเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่เพิ่มขึ้น จำนวนกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่สนใจเข้าร่วมชิงโชคก็มีมากขึ้นตาม (เลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่จนถึงช่วงเดือนมีนาคม 2553 มีประมาณ 71.2 ล้านเลขหมาย เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน 2549 ซึ่งเป็นช่วงการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งก่อน ที่มีจำนวนเลขหมายประมาณ 36.2 ล้านเลขหมาย) นอกจากนี้ต้นทุนค่าใช้จ่ายในการส่งsms ส่วนใหญ่ก็ปรับลดลงเหลือเพียงประมาณ 3 บาท/ครั้ง ซึ่งลดลงจากเดิมที่ค่าใช้จ่ายสูงถึงประมาณ 6-9 บาท/ครั้ง อันเป็นผลจากการแข่งขันกันระหว่างผู้ให้บริการ ซึ่งจากปัจจัยดังที่กล่าวมาข้างต้น ทำให้ประชาชนบางส่วน ที่ไม่เคยเข้าร่วมชิงโชคการแข่งขันฟุตบอลโลกในครั้งก่อน ตัดสินใจเข้าร่วมรายการชิงโชคในครั้งนี้
หนังสือพิมพ์…ครองใจคนกรุงเทพฯเข้าร่วมกิจกรรมชิงโชคล้นหลาม
มหกรรมการแข่งขันฟุตบอลโลกแต่ละครั้ง จะมีธุรกิจหรือสินค้าต่างๆ เข้าร่วมกิจกรรมประเภทชิงโชคทายผลการแข่งขันเป็นจำนวนมาก ทั้งสินค้าประเภทอุปโภค-บริโภค ที่มีรูปแบบวิธีการชิงโชค รวมทั้งประเภทและจำนวนของรางวัลแตกต่างกัน แต่จากผลสำรวจพบว่า การแข่งขันฟุตบอลโลกในปีนี้ คนกรุงเทพฯสนใจที่จะเข้าร่วมชิงโชค ทายผลการแข่งขันกับสินค้าประเภทหนังสือพิมพ์มากที่สุด คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 46.8 ของกลุ่มตัวอย่างที่สำรวจ รองลงมาได้แก่ ธุรกิจประเภทห้างสรรพสินค้า/ดิสเคานท์สโตร์ ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ส่วนบุคคล และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ซึ่งที่เป็นดังนี้ เป็นเพราะของรางวัลที่หนังสือพิมพ์เตรียมไว้ร่วมรายการนั้น มีมูลค่าค่อนข้างสูงทั้งบ้าน รถยนต์ รถจักรยานยนต์ หรือแม้กระทั่งเงิดสดจำนวนหลายล้านบาท ประกอบกับรูปแบบการส่งชิงโชคก็มีต้นทุนค่าใช้จ่ายน้อย เพียงใช้ไปรษณีย์บัตรหรือคูปองชิ้นส่วนหนังสือพิมพ์ ก็สามารถร่วมสนุกได้ ซึ่งต่างจากการร่วมสนุกกับสินค้าหรือธุรกิจประเภทอื่น ที่ต้องซื้อสินค้ามาใช้ ซึ่งบางชิ้นอาจมีมูลค่าสูง เช่นเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือของใช้ส่วนตัว ดังนั้น การจัดกิจกรรมชิงโชคทายผลการแข่งขันฟุตบอลโลก ในแต่ละครั้งของธุรกิจประเภทหนังสือพิมพ์ จึงได้รับความสนใจ จากผู้ที่ต้องการร่วมสนุกทายผลการแข่งขันเป็นจำนวนมาก คิดเป็นคูปองหรือไปรษณีย์บัตรรวมกันสูงถึงกว่าร้อยล้านใบ
คนกรุงเทพฯเลือกใช้ไปรษณีย์บัตร…ลุ้นชิงโชคของรางวัล
สำหรับลักษณะหรือรูปแบบในการเข้าร่วม ชิงโชคทายผลฟุตบอลโลกในครั้งนี้ พบว่า คนกรุงเทพฯเลือกที่จะใช้ไปรษณีย์บัตร เพื่อการทายผลคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 48.7 ของกลุ่มตัวอย่างที่สำรวจ รองลงมาได้แก่คูปองหนังสือพิมพ์ และการทายผลผ่านsms ทั้งนี้ การที่ผู้สนใจส่งชิงโชค เลือกใช้ไปรษณีย์บัตรในสัดส่วนที่สูง เป็นเพราะมีต้นทุนในการส่งไม่สูงมากนัก เฉลี่ยประมาณ 2 บาท/ใบ อีกทั้งขั้นตอนการส่งก็ไม่ยุ่งยาก สามารถส่งได้โดยไม่ต้องใส่ซองจดหมายหรือติดแสตมป์ ในขณะที่กลุ่มที่เลือกใช้คูปองหนังสือพิมพ์ ซึ่งแม้ว่าจะมีต้นทุนต่อฉบับที่สูงถึงประมาณ 10-15 บาท แต่ส่วนใหญ่จะเป็นหนังสือพิมพ์ ที่ผู้ร่วมชิงโชคซื้ออ่านเป็นประจำอยู่แล้ว จึงช่วยลดต้นทุนในส่วนนี้ลงไปได้พอสมควร ส่วนการส่งชิงโชคผ่านsms นั้น ปัจจุบัน มีต้นทุนที่ไม่สูงมากเหมือนอดีต อีกทั้งการเลือกเล่นชิงโชควิธีนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นการทายผลการแข่งขันคู่แข่งขันในแต่ละวัน จึงเป็นที่นิยมสำหรับผู้ที่ต้องการทราบผลการชิงโชคในระยะเวลาไม่นานนัก อีกทั้งยังสามารถทายผลได้ถึง 64 นัด ที่มีการแข่งขันกันตลอด 1 เดือน ซึ่งต่างจากการส่งไปรษณ๊ย์บัตร หรือคูปองหนังสือพิมพ์ ที่ส่วนใหญ่จะทายผลทีมผู้ชนะเลิศ ทำให้ลุ้นได้เพียงแค่ครั้งเดียว
ค่าใช้จ่ายในการส่งชิงโชคทายผลฟุตบอลโลกสูงถึง 965 ล้านบาท
เมื่อพิจารณาถึงคนกรุงเทพฯที่สนใจ ชิงโชคทายผลฟุตบอลโลกในครั้งนี้ ที่มีจำนวนถึงประมาณ 2.58 ล้านคน ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จึงคาดว่า ค่าใช้จ่ายเพื่อลุ้นโชคทายผลฟุตบอลโลกในปีนี้ จะมีเม็ดเงินทั้งสิ้นประมาณ 965 ล้านบาท โดยเม็ดเงินดังกล่าว ตกไปสู่ไปรษณีย์บัตรมากที่สุด ประมาณ 365 ล้านบาท(เฉลี่ยการส่งประมาณ 100 ใบ/คน ค่าใช้จ่ายประมาณ 200 บาท/คน) รองลงมาได้แก่คูปองหนังสือพิมพ์มีมูลค่าประมาณ 320 ล้านบาท(เฉลี่ยการส่งประมาณ 20 ชิ้น/คน ค่าใช้จ่ายประมาณ 200 บาท/คน) และชิ้นส่วนสินค้าจะมีมูลค่าประมาณ 190 ล้านบาท(เฉลี่ยการส่งประมาณ 20 ชิ้น/คน ค่าใช้จ่ายประมาณ 500 บาท/คน) ส่วนการส่ง sms จะมีมูลค่าประมาณ 60 ล้านบาท(เฉลี่ยการส่งประมาณ 20 ครั้ง/คน ค่าใช้จ่ายประมาณ 30-60 บาท/คน) และ เป็นที่น่าสังเกตว่า การส่งชิงโชคโดยใช้ไปรษณีย์บัตรนั้น ผู้สนใจจะส่งจำนวนมาก เพราะของรางวัลที่ค่อนข้างสูง รวมทั้งมีผู้สนใจส่งชิงโชคกันมาก ทำให้ต้องส่งชิ้นส่วนจำนวนมาก เพื่อเพิ่มโอกาสในการได้รับรางวัล
เงินสด…ของรางวัลยอดนิยมที่ผู้ร่วมชิงโชคอยากได้
โดยปกติ นอกจากเพื่อต้องการความสนุกสนาน ความตื่นเต้นในการลุ้นของรางวัลแล้ว ประเภทหรือชนิดของรางวัลที่จูงใจ ก็มีผลต่อการตัดสินใจเข้าร่วมกิจกรรมการชิงโชคเป็นอย่างมาก โดยเป็นที่น่าสังเกตว่า การจัดกิจกรรมชิงโชคการแข่งขันฟุตบอลระดับนานาชาติในแต่ละครั้ง ผู้ประกอบการสินค้าต่างๆ มีการจัดเตรียมของรางวัล ทั้งเงินสดที่มีมูลค่าการแจกตั้งแต่หลักแสนบาทไปจนถึงหลักล้านบาท และสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆที่มีมูลค่ารวมกันไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท สำหรับรางวัลที่คนกรุงเทพฯนิยมและต้องการมากที่สุด จากการเข้าร่วมรายการชิงโชคทายผล การแข่งขันฟุตบอลโลกในครั้งนี้ อันดับหนึ่งได้แก่ เงินสด สัดส่วนถึงร้อยละ 36.6 รองลงมาได้แก่รถยนต์ บ้าน ทองคำ ตั๋วชมการแข่งขัน แพ็กเก็จท่องเที่ยว เครื่องใช้ไฟฟ้าและอื่นๆ สำหรับปัจจัยที่คนกรุงเทพฯให้ความนิยม กับของรางวัลประเภทเงินสดเป็นอันดับหนึ่งนั้น นอกเหนือจากมูลค่าเงินสดค่อนข้างสูงแล้ว การได้เป็นเงินสดยังอำนวยความสะดวกทางด้านภาษีให้กับผู้ได้รางวัล เพราะสามารถหักออกจากเงินรางวัลได้ทันที ซึ่งต่างจากของรางวัลประเภทบ้านหรือรถยนต์ ซึ่งแม้ว่าจะมีมูลค่าสูง แต่หากผู้โชคดี ไม่สามารถแบกรับภาระทางด้านภาษีได้ ก็ต้องหาหนทางในการจำหน่ายของรางวัลออกไป เพื่อให้ได้เป็นเงินสดกลับมาเสียภาษี ทำให้มีความยุ่งยากพอสมควร
และเมื่อสอบถามการดำเนินการเกี่ยวกับของรางวัลที่ได้ พบว่า หากเป็นเงินสดหรือทองคำที่แปลงเป็นมูลค่าเงินได้ คนกรุงเทพฯจะเลือกออมเงินไว้เอง คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 38.6 ของกลุ่มตัวอย่างที่สำรวจ รองลงมาจะมอบให้กับพ่อแม่/ญาติมิตร ร้อยละ 23.9 จะจับจ่ายใช้สอยเพื่อซื้อสินค้าและบริการสัดส่วนร้อยละ 19.4 และจะใช้เป็นทุนการศึกษาให้กับบุตรหลานสัดส่วนร้อยละ 17.6
สำหรับกลุ่มที่ได้ของรางวัลเป็นสินค้าหรือสิ่งของ นั้นพบว่า จะจัดการโดยการเก็บไว้ใช้เองคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 54.2 ของกลุ่มตัวอย่างที่สำรวจ รองลงมาคือ มอบให้กับพ่อแม่/ญาติมิตร สัดส่วนร้อยละ 27.5 และขายต่อมีสัดส่วนร้อยละ 17.9
บทสรุป
จากผลการสำรวจพฤติกรรม ”การชิงโชคของชาวกรุงเทพฯในช่วงฟุตบอลโลก2010” ระหว่างวันที่ 4-18 มิถุนายน 2553 ของ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย พบว่า คนกรุงเทพฯสนใจที่จะเข้าร่วมชิงโชคทายผลการแข่งขันฟุตบอลโลกถึงร้อยละ 63.0 ของกลุมตัวอย่างที่สำรวจ คิดเป็นประชากรประมาณ 2.58 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 44.9 เมื่อเทียบกับการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งก่อน ซึ่งมีจำนวนผู้สนใจเข้าร่วมชิงโชคจำนวนประมาณ 1.78 ล้านคน โดยมีปัจจัยสนับสนุน ทั้งจำนวนประชากรกรุงเทพฯที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับเวลาถ่ายทอดสดการแข่งขันในประเทศไทย ที่อยู่ในช่วงไม่ดึกจนเกินไปนัก ส่งผลทำให้คนกรุงเทพฯให้ความสนใจติดตามชมการแข่งขัน และสนใจชิงโชคทายผลการแข่งขันเพื่อความสนุกสนานมากขึ้น และคาดว่า ค่าใช้จ่ายเพื่อลุ้นโชคทายผลฟุตบอลโลกของคนกรุงเทพฯในปีนี้ ที่ผ่านรายการชิงโชคในรูปแบบต่างๆ รวมกันทั้งสิ้นประมาณ 965 ล้านบาท โดยเม็ดเงินดังกล่าวจะตกไปสู่ไปรษณีย์บัตรมากที่สุด ซึ่งปัจจัยดังกล่าว จะส่งผลดีต่อธุรกิจและสินค้าต่างๆ ที่มีการจัดกิจกรรมทายผลการแข่งขันฟุตบอลโลก เพราะได้รับความสนใจเข้าร่วมกิจกรรม จากประชาชนผู้บริโภคเป็นจำนวนมาก ซึ่งนอกจากจะช่วยกระตุ้นยอดขายแล้ว ยังถือเป็นการสร้างภาพลักษณ์สินค้าให้เป็นที่จดจำอีกด้วย