ฟุตบอลโลก 2010 ที่จัดขึ้นในประเทศแอฟริกาใต้ ที่ได้เริ่มเปิดฉากไปแล้วตั้งแต่วันที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมาและจะสิ้นสุดลงในวันที่ 11 กรกฎาคมนี้ นอกจากเป็นการกระตุ้นให้คนไทยตั้งตาชมการถ่ายทอดสดการแข่นขันของแต่ละคู่อย่างคึกคักแล้ว ยังนับเป็นการช่วยผ่อนคลายความตึงเครียด ภายหลังจากที่ได้ผ่านพ้นช่วงปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองภายในประเทศเมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมา ช่วงนี้จึงเป็นโอกาสทองของบรรดาผู้ประกอบการสินค้า ต่างเร่งปรับกลยุทธ์ทางการตลาด เพื่อกระตุ้นยอดจำหน่าย ถึงแม้ว่าจะเป็นระยะเวลาเพียงสั้นๆ แต่ก็สามารถสร้างรายได้ให้หลายธุรกิจเป็นจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว “ธุรกิจสิ่งพิมพ์” ก็ถือเป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่ได้รับอานิสงส์จากการแข่งขันฟุตบอลในทุกลีกที่ผ่านมาเช่นกัน
โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้ทำการสำรวจพฤติกรรม “การติดตามชมฟุตบอลโลก 2010 ของคนกรุงเทพฯ” พบว่า ร้อยละ 82.5 ของกลุ่มตัวอย่างสนใจติดตามชมการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 ซึ่งเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับการแข่งขันฟุตบอลโลก 2006 ที่คนกรุงเทพฯสนใจติดตามชมการแข่งขันฟุตบอลโลกร้อยละ 79.7 นอกจากนี้ กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 18.9 ยังระบุว่า จะมีการซื้อหนังสือพิมพ์และนิตยสารเพิ่มขึ้นกว่าช่วงปกติ ประกอบกับผลการสำรวจพฤติกรรม “การชิงโชคของคนกรุงเทพฯในช่วงฟุตบอลโลก 2010” พบว่า ประมาณร้อยละ 63 จะมีการร่วมกิจกรรมชิงโชคลุ้นรางวัลที่จัดขึ้นสำหรับการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 ครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจะเป็นการสำรวจพฤติกรรมของประชาชนเฉพาะในเขตกรุงเทพฯเท่านั้น (ซึ่งในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองโดยตรง) แต่ก็สามารถสะท้อนให้เห็นถึงความตื่นตัว สนใจติดตามการแข่งขันฟุตบอลโลก และความต้องการร่วมสนุกในการทายผลลุ้นรางวัลในครั้งนี้ของคนไทยได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่าในช่วงของการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 จะส่งผลให้ยอดขายสิ่งพิมพ์ของไทย ทั้งส่วนของหนังสือพิมพ์ทั่วไป หนังสือพิมพ์/นิตยสารกีฬา รวมทั้งการส่งไปรษณียบัตรลุ้นรางวัลจากการทายผล และค่าใช้จ่ายในซื้อโปรการ์ดลิขสิทธิ์ มีเม็ดเงินสะพัดเพิ่มขึ้นจากช่วงปกติไม่ต่ำกว่า 820 ล้านบาท โดยมีปัจจัยหนุนสำคัญ คือ ความสนใจในการติดตามการแข่งขันและผลวิเคราะห์เกมส์ฟุตบอล การสะสมโปสการ์ดลิขสิทธิ์ และเพื่อร่วมกิจกรรมการชิงโชคลุ้นรางวัล
ฟุตบอลโลก 2010…ธุรกิจสิ่งพิมพ์ได้รับอานิสงส์ถ้วนหน้า
“ธุรกิจสิ่งพิมพ์” เป็นธุรกิจหนึ่งที่มีความเคลื่อนไหวตามเกมส์การแข่งขันฟุตบอลในทุกลีกและทุกแมทซ์ โดยนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับเกมส์การแข่งขัน ผลการแข่งขัน การวิเคราะห์ทุกแง่มุม ทั้งในส่วนของนักเตะและการเล่นของแต่ละทีม นอกจากนี้ ผู้ประกอบการสิ่งพิมพ์ยังมีการปรับกลยุทธ์การตลาดควบคู่กันด้วย ทั้งการจัดอีเว้นต์เพื่อกระตุ้นกระแสฟุตบอลโลกให้คึกคัก รวมทั้งการจัดกิจกรรมส่งชิ้นส่วนทายผลการแข่งขัน โดยมีรางวัลเป็นเงินสด และของรางวัลต่างๆมากมาย ทั้งนี้ ก็เพื่อเป็นการช่วยกระตุ้นให้คอกีฬาที่ชื่นชอบการแข่งขันฟุตบอล หรือผู้ที่ชื่นชอบการชิงโชคของรางวัล ได้หันมาหาซื้อหรือหาอ่านหนังสือหรือสิ่งพิมพ์ดังกล่าวเพิ่มขึ้น รวมทั้งยังส่งผลต่อเนื่องไปยังยอดขายไปรษณียบัตร ซองจดหมาย และแสตมป์ ให้ขยายตัวตามกระแสความนิยมการส่งชิงโชคด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ยอดขายสิ่งพิมพ์ที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงที่มีการแข่งขัน นอกจากจะเกิดจากความต้องการติดตามการแข่งขันฟุตบอลโลกแล้ว ส่วนหนึ่งยังเป็นเพราะมีปัจจัยหนุนสำคัญ คือ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ และการใช้จ่ายของประชาชนที่เริ่มกลับมาฟื้นตัว ภายหลังจากที่ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ไทยได้ประสบกับปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศ จนมีผลให้ภาคธุรกิจในช่วงผ่านมาชะลอตัวลงไป
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าธุรกิจสิ่งพิมพ์จะได้รับอานิสงส์จากการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 ครั้งนี้ โดยมีเม็ดเงินสะพัดในธุรกิจกลุ่มนี้เป็นจำนวนไม่น้อย (เป็นการคิดมูลค่าจากราคาขาย ณ ท้องตลาด) ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้
นิตยสาร/หนังสือพิมพ์กีฬา จากข้อมูลของผู้ประกอบการในธุรกิจนิตยสาร/หนังสือพิมพ์กีฬา ระบุว่าในช่วงที่มีการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 ครั้งนี้ คาดว่าจะมียอดขายนิตยสาร/หนังสือพิมพ์กีฬาทั่วประเทศเพิ่มขึ้นประมาณ 60 ล้านบาท โดยมีปัจจัยหนุนจากการปรับกลยุทธ์ของผู้ประกอบการเองที่เน้นเพิ่มบทวิเคราะห์ที่มีเนื้อหาเข้มข้นมากขึ้น เจาะข้อมูลในเชิงลึก มีความแม่นยำและรวดเร็ว เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้อ่านกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ก็ยังมีกลุ่มผู้บริโภคที่มีความต้องการติดตามความเคลื่อนไหว หรือต้องการทราบการวิเคราะห์ผลการแข่งขันอย่างเข้มข้น ก็เป็นอีกหนึ่งกลุ่มเป้าหมายสำคัญที่มีส่วนช่วยผลักดันให้ยอดขายหนังสือพิมพ์กีฬาและนิตยสารกีฬาในช่วงนี้เติบโตเป็นอย่างมากเช่นกัน
หนังสือพิมพ์ทั่วไป คาดว่าจะมียอดขายในช่วงการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 เพิ่มขึ้นไม่เกินร้อยละ 10 จากยอดขายในช่วงปกติที่มียอดจำหน่ายเฉลี่ยเดือนละประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยเป็นการซื้อเพื่อติดตามความเคลื่อนไหวการแข่งขัน วิเคราะผลการแข่งขัน และคุยกับเพื่อน ซึ่งคาดว่าจะมียอดขายทั้งประเทศเพิ่มขึ้นจากช่วงปกติประมาณ 100 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ตาม ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่าช่องทางหลักในการติดตามความเคลื่อนไหวการแข่งขันฟุตบอลยังคงเน้นไปทางหนังสือพิมพ์/นิตยสารกีฬาเฉพาะทาง ที่ให้ผลการวิเคราะห์ฟุตบอลที่เข้มข้นมากกว่าหนังสือพิมพ์ทั่วไป อีกทั้ง ในปัจจุบันด้วยเทคโนยีการสื่อสารที่ก้าวหน้า จึงทำให้ช่องทางการติดตามข่าวสารทั่วไปมีหลายช่องทางมากขึ้น ทั้งทางอินเทอร์เน็ต บริการเสริมเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือ และเครือข่ายสังคมออนไลน์ ซึ่งล้วนช่วยอำนวยความสะดวกและรวดเร็วสำหรับในการติดตามผลการแข่งขัน รวมถึงการรายงานผลการวิเคราะห์ต่างๆ โดยสามารถตอบสนองกลุ่มผู้บริโภคที่นิยมกระแสเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้ส่วนหนึ่ง
ไปรษณียบัตร…ยังคงครองอันดับหนึ่ง ช่องทางการส่งชิงโชคยอดนิยม การจัดกิจกรรมทายผลการแข่งขันฟุตบอลเพื่อลุ้นโชค โดยรับผลทายทางไปรษณียบัตรกำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก ซึ่งมีผลให้ความต้องการใช้ไปรษณียบัตรขยายตัวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะรางวัลในการทายผลการแข่งขันฟุตบอลโลกทางไปรษณียบัตรนี้มีมูลค่าสูงถึง 40 ล้านบาท จากรางวัลรวมทั้งหมดในทุกช่องทางการทายผลที่มีมูลค่ามากกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าน่าจะสูงกว่าครั้งก่อนๆที่ผ่านมา โดยอยู่ในรูปของรางวัลเงินสด รถยนต์ ทองคำ โทรศัพท์มือถือ รวมถึงตั๋วเข้าชมการแข่งขันฟุตบอล และตั๋วเครื่องบินไปกลับประเทศแอฟริกาใต้
ทั้งนี้ ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2006 ที่ผ่านมามีผู้ร่วมส่งทายผลการแข่งขันทางไปรษณียบัตรทั้งสิ้น 150.28 ล้านใบ และฟุตบอลโลก 2010 ครั้งนี้คาดว่าจะมีผู้ร่วมส่งทายผลมากขึ้น ทางผู้จัดจำหน่ายไปรษณีย์จึงได้จัดเตรียมไปรษณียบัตรไว้รองรับความต้องการจำนวน 160 ล้านฉบับ ซึ่งได้สำรองเพิ่มอีก 20 ล้านฉบับ รวมเป็นจำนวน 180 ล้านฉบับ จึงคาดว่ายอดจำหน่ายไปรษณียบัตรทายผลจะมีมูลค่าประมาณ 360 ล้านบาท
ขณะเดียวกันผู้จัดจำหน่ายไปรษณีย์ยังได้อำนวยความสะดวกแก่ผู้ร่วมทายผล โดยบริการจัดพิมพ์ชื่อที่อยู่จัดส่ง รวมทั้งพิมพ์ชื่อทีมลงไปรษณียบัตรให้ด้วย รวมทั้งมีการส่งตัวแทนจำหน่ายออกบริการประชาชนตามชุมชนและบ้านเรือนต่างๆ อย่างไรก็ตาม คาดว่าความต้องการซื้อไปรษณียบัตรลุ้นโชคจะเพิ่มมากขึ้นเป็นพิเศษในช่วงท้ายของเกมส์การแข่งขัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเข้าสู่รอบ 4 ทีมสุดท้าย เพราะยิ่งทำให้การทายผลทีมผู้ชนะมีโอกาสถูกมากขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีการจำหน่ายซองจดหมายแบบพรีเพด(Prepaid Envelope) ที่ทำขึ้นเฉพาะช่วงการแข่งขันฟุตบอลโลก เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ร่วมสนุกส่งชิ้นส่วนสินค้าหรือชิ้นส่วนสิ่งพิมพ์ต่างๆทายผลลุ้นโชค โดยสามารถจัดส่งชิ้นส่วนได้ไม่จำกัดน้ำหนัก และไม่ต้องติดแสตมป์
โปสการ์ดลิขสิทธิ์บอลโลก 2010 นอกเหนือจากการทายผลการแข่งขันผ่านไปรษณียบัตรแล้ว ยังมีการจัดกิจกรรมของผู้ประกอบการสินค้าร่วมกับบริษัทพันธมิตรทางการค้า โดยการจัดทำโปสการ์ดลิขสิทธิ์บอลโลก 2010 ออกจำหน่าย ทั้งเพื่อการสะสมและส่งลุ้นโชค โดยมีราคาจำหน่ายใบละ 6 บาท ทั้งนี้ ผู้ประกอบการผู้จัดกิจกรรมดังกล่าว คาดว่าจะสามารถจำหน่ายโปสการ์ดลิขสิทธิ์ได้ทั่วประเทศ ประมาณ 50 ล้านใบ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 300 ล้านบาท
ดังนั้น อานิสงส์จากการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 คาดว่ามีส่วนช่วยกระตุ้นให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนเพิ่มขึ้นในธุรกิจสิ่งพิมพ์เป็นมูลค่าประมาณ 820 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดยอดจำหน่ายสิ่งพิมพ์ในแต่ละประเภท ซึ่งคิดมูลค่าจากราคาขายสิ่งพิมพ์ ณ ท้องตลาด ดังนี้
รายได้ที่กล่าวมาข้างต้นยังไม่นับรวมถึงรายรับด้านอื่นของธุรกิจสิ่งพิมพ์ ที่ได้รับอานิสงส์จากการแข่งขันฟุตบอลโลก ได้แก่ รายได้ค่าจากโฆษณา และการจัดกิจกรรมพิเศษหรืองานอีเว้นต์ต่างๆ ซึ่งคาดว่าจะมีเม็ดเงินหมุนเวียนเป็นจำนวนไม่น้อยเช่นกัน เนื่องจากผู้ประกอบการต่างเร่งทำการตลาดเชิงรุกมากขึ้น เพื่อชดเชยกับยอดขายที่ชะลอตัวลงไปในช่วงปีที่ผ่านมาและต้นปี 2553 จากปัญญาการเมืองภายในประเทศ ดังนั้น ในช่วงการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งนี้จึงเป็นโอกาสทองในการเร่งกระตุ้นยอดขายสินค้าของผู้ประกอบการ
สรุป
ฟุตบอลโลก 2010 ที่จัดขึ้นในประเทศแอฟริกาใต้ ที่ได้เริ่มเปิดฉากไปแล้วตั้งแต่วันที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมาและจะสิ้นสุดลงในวันที่ 11 กรกฎาคมนี้ นอกจากเป็นการกระตุ้นให้คนไทยตั้งตาชมการถ่ายทอดสดการแข่นขันของแต่ละคู่อย่างคึกคักแล้ว ยังนับเป็นการช่วยผ่อนคลายความตึงเครียด ภายหลังจากที่ได้ผ่านพ้นช่วงปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองภายในประเทศเมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมา ช่วงนี้จึงเป็นโอกาสทองของบรรดาผู้ประกอบการสินค้า ต่างเร่งปรับกลยุทธ์ทางการตลาด เพื่อเร่งกระตุ้นยอดจำหน่ายสินค้าของตน
อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งนี้ หลายธุรกิจจะได้รับอานิสงส์มียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจสิ่งพิมพ์ ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่าในช่วงของการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 จะส่งผลให้ยอดขายสิ่งพิมพ์ของไทย ทั้งส่วนของหนังสือพิมพ์ทั่วไป หนังสือพิมพ์/นิตยสารกีฬา รวมทั้งการส่งไปรษณียบัตรลุ้นรางวัลจากการทายผล และค่าใช้จ่ายในซื้อโปรการ์ดลิขสิทธิ์ มีเม็ดเงินสะพัดเพิ่มขึ้นจากช่วงปกติไม่ต่ำกว่า 820 ล้านบาท โดยเป็นการคิดมูลค่าจากราคาขายสิ่งพิมพ์ ณ ท้องตลาด ซึ่งความต้องการบริโภคสิ่งพิมพ์ในช่วงฟุตบอลโลกที่เพิ่มขึ้นนี้ มีปัจจัยหนุนสำคัญ คือ ความสนใจในการติดตามการแข่งขันและผลวิเคราะห์เกมส์ฟุตบอล การสะสมโปสการ์ด และเพื่อร่วมกิจกรรมการชิงโชคลุ้นรางวัล
ทั้งนี้ เม็ดเงินจำนวน 820 ล้านบาท ที่คาดว่าจะสะพัดเพิ่มขึ้นในธุรกิจสิ่งพิมพ์ของไทย ช่วงที่มีการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 ครั้งนี้ สามารถแบ่งออกเป็นยอดจำหน่ายในส่วนของ นิตยสาร/หนังสือพิมพ์กีฬา ประมาณ 60 ล้านบาท หนังสือพิมพ์ทั่วไป ประมาณ 100 ล้านบาท การส่งไปรษณียบัตรทายผลลุ้นโชค ประมาณ 360 ล้านบาท และโปสการ์ดลิขสิทธิ์บอลโลก ประมาณ 300 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม รายได้ที่กล่าวมาข้างต้นยังไม่นับรวมถึงรายรับด้านอื่นของธุรกิจสิ่งพิมพ์ ที่ได้รับอานิสงส์จากการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งนี้ ได้แก่ รายได้ค่าจากโฆษณา และการจัดกิจกรรมพิเศษหรืองานอีเว้นต์ต่างๆ ซึ่งคาดว่าจะมีเม็ดเงินหมุนเวียนเป็นจำนวนไม่น้อยเช่นกัน