บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด ประกาศทิศทางการดำเนินธุรกิจในอีก 10 ปีข้างหน้า ว่าฮอนด้ายังคงเดินหน้านำเสนอคุณค่าใหม่ ๆ สู่สังคมโลก และให้ความสำคัญกับความพึงพอใจของลูกค้าเป็นหลัก โดยจะมุ่งพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม ส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ดี มี Co2 ต่ำ ในราคาที่ย่อมเยาให้กับลูกค้าอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ ฮอนด้าได้กำหนดเป็นกลยุทธ์การดำเนินงานของบริษัทไว้ 3 ประการด้วยกันคือ มุ่งพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม ยกระดับความเข้มแข็งด้านการผลิต และเสริมสร้างการเติบโตทางธุรกิจในตลาดใหม่ๆ โดยภูมิภาคเอเชียยังคงมีบทบาทในการเป็นฐานการผลิตและส่งออกที่สำคัญของฮอนด้า
นายทาคาโนบุ อิโต้ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด ได้กล่าวในงานแถลงข่าวกลางปีที่สำนักงานวาโกะ ประเทศญี่ปุ่นว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็กทั่วโลกมีอัตราการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น อันเนื่องมาจากความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อมและวิกฤตการณ์การเงินโลก ตลอดจนโครงสร้างของเศรษฐกิจโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ฮอนด้าต้องตอบสนองอย่างรวดเร็วต่อการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว เพื่อให้องค์กรสามารถเติบโตและแข่งขันได้
“ในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่มีความเข้มงวดมากขึ้น ฮอนด้าจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องย้อนกลับไปที่หลักการดำเนินงานพื้นฐานของบริษัทที่ให้ความสำคัญกับมุมมองของลูกค้า เราได้กำหนดทิศทางการดำเนินงานในอีก 10 ปีข้างหน้าไว้ว่า เราจะส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ดี มี Co2 ต่ำในราคาที่ย่อมเยาให้กับลูกค้าอย่างรวดเร็ว ผลิตภัณฑ์ที่ดีนั้นหมายถึงผลิตภัณฑ์ซึ่งมีความดึงดูดใจที่ลูกค้าต้องการ และสร้างสรรค์ขึ้นจากเทคโนโลยีที่ฮอนด้าพัฒนาขึ้นเอง ผลิตภัณฑ์ที่ดีดังกล่าวนั้นจะต้องส่งมอบได้โดยเร็ว และต้องมีราคาที่ย่อมเยาซึ่งจะทำให้ลูกค้ามีความสุขที่ได้ซื้อผลิตภัณฑ์นั้น คำว่า ‘มี CO2 ต่ำ’ นั้นสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของฮอนด้าที่ต้องการจัดการกับปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง ”
นายอิโต้ กล่าวว่าฮอนด้าได้ให้ความสำคัญในการลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอดเห็นได้จากการแนะนำผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง อาทิ รถยนต์ไฮบริดรุ่นอินไซท์ และซีอาร์-ซี จากนี้ต่อไปฮอนด้าจะมุ่งพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้นอีก โดยจะเพิ่มจำนวนรุ่นรถยนต์ที่ใช้ระบบไฮบริดให้มากขึ้น เริ่มจาก ฟิต ไฮบริด ซึ่งจะจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ และจะพัฒนาระบบไฮบริดในรถยนต์ขนาดกลางและขนาดใหญ่ รวมถึงรถยนต์ที่ใช้ระบบไฮบริดแบบปลั๊ก-อินด้วย ทั้งนี้ เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าให้ได้มากที่สุด นอกจากนี้ ฮอนด้าจะเดินหน้าพัฒนารถไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่ โดยมีเป้าหมายที่จะนำมาใช้จริงให้เร็วที่สุด โดยจะเริ่มจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกาในปี 2012 อย่างไรก็ตาม ฮอนด้ายังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนารถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงเบนซินโดยในปี 2012 ฮอนด้าจะพัฒนาเครื่องยนต์และระบบเกียร์เพื่อให้มีอัตราการประหยัดน้ำมันที่เพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ ฮอนด้ายังมีแผนที่จะเปิดให้เช่าใช้รถจักรยานยนต์ไฟฟ้ารุ่น อีวี นีโอ แก่องค์กรธุรกิจในประเทศญี่ปุ่นในเดือนธันวาคมปีนี้ และจะแนะนำรถจักรยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ในประเทศจีนในปีหน้า ฮอนด้าจะทำตลาดรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าทั้งในประเทศที่พัฒนาแล้ว และประเทศที่กำลังเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยจะพัฒนาสมรรถนะของตัวรถให้ดียิ่งขึ้น และทำราคาให้สามารถแข่งขันได้เพื่อที่จะก้าวสู่การเป็นผู้นำในตลาดรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า
เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการสร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้าด้วยการแนะนำผลิตภัณฑ์ที่มี CO2 ต่ำออกสู่ตลาดอย่างรวดเร็วนั้น ฮอนด้าจะยกระดับความเข้มแข็งด้านการผลิต โดยสร้างองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีการผลิต โรงงานต้นแบบในประเทศญี่ปุ่นจะมุ่งเน้นเทคโนโลยีในการผลิตรถยนต์ขนาดเล็กและรถยนต์เพื่อสิ่งแวดล้อม โดยจะขยายองค์ความรู้และเทคโนโลยีดังกล่าวออกไปสู่โรงงานฮอนด้าในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ภายใต้นโยบาย “ผลิตในที่ที่มีความต้องการ” ฮอนด้าจะเสริมสร้างเครือข่ายการผลิตระหว่างโรงงาน และระหว่างประเทศเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นด้านการผลิต ด้วยวิธีนี้ ฮอนด้าจะสามารถสร้างระบบการผลิตที่แข็งแกร่ง และทำให้ฮอนด้ามีศักยภาพในการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงในตลาดได้ดียิ่งขึ้น
ด้านการเสริมสร้างการเติบโตทางธุรกิจในตลาดใหม่ๆ นั้น ในประเทศที่กำลังเติบโตทางเศรษฐกิจ รถจักรยานยนต์ถือเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินชีวิตประจำวันของผู้คน ประชากรจำนวนมากและตลาดขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพในประเทศเหล่านั้นกำลังจะกลายมาเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของฮอนด้า โดยมีคู่แข่งสำคัญ ได้แก่ ผู้ผลิตจากจีน และอินเดีย หากฮอนด้าต้องการที่จะรักษาความเป็นผู้นำตลาด ฮอนด้าต้องไม่เพียงแค่รักษาคุณภาพที่ดีของผลิตภัณฑ์เอาไว้เท่านั้น แต่ต้องทำราคาให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดดังกล่าวด้วย และเพื่อสร้างความดึงดูดใจในตัวผลิตภัณฑ์ ฮอนด้าจะเพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้านราคา โดยจะพยายามใช้ชิ้นส่วนและวัตถุดิบภายใน ประเทศที่ผลิตให้มากที่สุด ดังเช่นที่เคยทำในประเทศไทยมากว่า 40 ปี ปัจจุบันโรงงานผลิตรถจักรยานยนต์ในประเทศไทยได้เติบโตขึ้นเป็นฐานการผลิตรถจักรยานยนต์ที่จำหน่ายออกไปทั่วโลก (Global Model) เช่น รถสกู๊ตเตอร์รุ่น PCX ที่ผลิตและเปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อปีที่ผ่านมาและส่งออกไปยังประเทศต่างๆทั่วโลก และในปลายปีนี้ฮอนด้ามีแผนที่จะเปิดตัวรถ จักรยานยนต์สปอร์ตรุ่นใหม่ในประเทศไทย และจะส่งออกไปจำหน่ายทั่วโลกเช่นกัน
ภูมิภาคเอเชียยังคงเป็นฐานการผลิตที่สำคัญของฮอนด้า โดยในปีหน้าฮอนด้าจะเปิดโรงงานแห่งใหม่ในประเทศอินโดนีเซียเพื่อขยายกำลังการผลิตรถจักรยานยนต์ ซึ่งภายหลังจากการเริ่มเดินสายพานการผลิตในช่วงปลายปีหน้า กำลังการผลิตรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในภูมิภาคเอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) จะเพิ่มขึ้นจากปัจุบัน 16 ล้านคันต่อปีเป็น 18 ล้านคันต่อปี จากจำนวนการผลิตที่เพิ่มมากขึ้นทำให้ฮอนด้าสามารถรวมเอาทุกขั้นตอนมาไว้ในภูมิภาคเดียวกันตั้งแต่การวิจัยและพัฒนา การจัดซื้อชิ้นส่วน และการผลิต ซึ่งจะทำให้ฮอนด้ามีศักยภาพในการแข่งขันที่สูงขึ้นและสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
สำหรับธุรกิจรถยนต์ ฮอนด้าจะพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันในประเทศที่กำลังเติบโตทางเศรษฐกิจซึ่งตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็กกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยจะเร่งให้เกิดการพัฒนาฐานการผลิตรถยนต์ในภูมิภาคโดยใช้แม่พิมพ์ วัตถุดิบ ตลอดจนชิ้นส่วนที่ผลิตขึ้นเองภายในภูมิภาค ในปีหน้านี้ ฮอนด้าจะเปิดตัวรถอีโคคาร์ในประเทศไทย ซึ่งเป็นรถที่มีอัตราการประหยัดน้ำมันเป็นเลิศ โดยจะผลิตและส่งออกไปจำหน่ายยังกลุ่มประเทศอาเซียน นอกจากนั้น ยังมีแผนที่จะแนะนำรถยนต์ขนาดเล็กในประเทศอินเดียซึ่งจะใช้โครงสร้างตัวถังเดียวกันกับอีโคคาร์อีกด้วย