ลีสซิ่งกสิกรไทยอายุครบ 5 ปี โชว์ผลงานหรู หลังจบครึ่งปีแรกของปี 2553 มีผลกำไร 224 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายถึง 42.68% และคิดเป็น 93.33% ของผลกำไรทั้งปี 2552 ขณะที่สัดส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อยู่ที่ 1.43%ต่ำที่สุดในระบบ ตั้งเป้าหมายสิ้นปีนี้ มียอดสินเชื่อคงค้าง 52,099 ล้านบาท
นายอิสระ วงศ์รุ่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ตั้งแต่ปลายปี 2552 เป็นต้นมา ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมมีการปรับตัวดีขึ้นเกือบทุกด้าน ส่งผลให้ตลาดรถยนต์มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยยอดขายรถยนต์ในช่วงหกเดือนแรกของปี 2553 มีการเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 54.1% ซึ่งสอดคล้องกับผลการดำเนินงานของบริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัด ที่สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ที่เป็นสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ได้ 13,515 ล้านบาท เป็นไปตามเป้าหมาย และยอดสินเชื่อเพื่อผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ 6,161 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายถึง 40.31% เนื่องจากผู้แทนจำหน่ายมีการเพิ่มยอดสต็อกรถยนต์ เพื่อตอบสนองความต้องการซื้อรถยนต์ใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ทำให้ยอดรวมการปล่อยสินเชื่อรวมทุกประเภทของบริษัทฯ ในครึ่งปีแรก 2553 อยู่ที่ 19,676 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 9.88% และเติบโตจากปี 2552 ถึง 33.50%
จากผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกของปี 2553 ที่เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนทุกด้าน ทำให้บริษัท ฯ มีผลกำไรในครึ่งปีแรกสูงถึง 224 ล้านบาท จากเป้าหมาย 157 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเป้าหมาย 42.68% หรือคิดเป็น 93.33% ของเป้าหมายผลกำไรทั้งปี 2552
ทั้งนี้ยอดสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ในครึ่งปีแรกอยู่ที่ 1.43% จากแผนเป้าหมายธุรกิจที่ 2.25% ซึ่งถือว่าในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา บริษัทฯ มียอด NPL ต่ำที่สุด และจากผลประกอบการข้างต้น ทำให้บริษัทฯ มียอดสินเชื่อคงค้างในระบบ (Outstanding Loan) รวม 6 เดือนแรกที่ 49,052 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่ายอดคงค้าง ณ 6 เดือนแรกปี 2552 ที่ 38,468 ล้านบาท หรือ 27.5%
สำหรับแผนธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2553 จากรายงานของศูนย์วิจัยกสิกรไทย ที่คาดว่ายอดขายรถยนต์ในประเทศทั้งปี 2553 น่าจะอยู่ระหว่าง 700,000 ถึง 730,000 คัน หรือขยายตัว 28-33% จากปี 2552 บริษัทฯ จึงได้วางแผนปล่อยสินชื่อทั้งหมดในครึ่งปีหลัง 2553 เท่ากับ 16,793 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์กสิกรไทย (K-Auto Finance) 7,662 ล้านบาท สินเชื่อรถยนต์เพื่อเงินสดกสิกรไทย (K-CAR to CASH) 2,686 ล้านบาท ผลิตภัณฑ์ลีสซิ่งรถยนต์ต่าง ๆ 2,054 ล้านบาท รวมสินเชื่อเช่าซื้อและลีสซิ่งเท่ากับ 12,402 ล้านบาท และสินเชื่อเพื่อผู้แทนจำหน่ายรถยนต์กสิกรไทย (K-Dealer Floorplan) ไว้ที่ 4,391 ล้านบาท
คาดว่าผลกำไรครึ่งปีหลังจะอยู่ที่ 176 ล้านบาท และจะควบคุมสัดส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ไม่เกิน 2.23% ทั้งนี้ จากแผนธุรกิจในครึ่งปีหลัง รวมกับผลงานของครึ่งปีแรก บริษัทฯ คาดว่าจะมียอดสินเชื่อคงค้าง (Outstanding) ณ สิ้นปี 2553 ที่ 52,099 ล้านบาท เติบโตจากยอดสินเชื่อคงค้างปี 2552 ประมาณ 20% มีจำนวนลูกค้าในระบบเช่าซื้อรวมไม่น้อยกว่า 1.45 แสนบัญชี
นายอิสระ กล่าวตอนท้ายว่า แนวทางการให้บริการของลีสซิ่งกสิกรไทย จะเน้นการนำเสนอ ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ใหม่ร่วมกับธนาคารกสิกรไทย เป็นแบบแพ็คเกจบริการ และการให้บริการที่ปรึกษาและข้อมูลเกี่ยวเนื่องที่เป็นประโยชน์แก่ลูกค้า ควบคู่ไปกับการรักษาความสัมพันธ์อันดีกับดีลเลอร์รถยนต์ซึ่งเป็นคู่ค้า และการขยายสาขาให้บริการที่ครอบคลุมพื้นที่สำคัญต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้บริษัทฯ ก็ได้เดินหน้าในเรื่องของกิจกรรมเพื่อสังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างเต็มตัว ผ่านกิจกรรม CSR ต่างๆ ตลอดทั้งปีนี้ด้วย
ทั้งนี้ในปี 2553 บริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย ได้รับรางวัล Best Car Leasing of The Year 2010 ซึ่งเป็นรางวัลที่จัดโดยบริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์ เนชั่นแนล จำกัด ในงานแสดงรถยนต์และรถจักรยานยนต์นานาชาติ “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 31” ซึ่งบริษัทฯ ได้รับรางวัลนี้เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน โดยรางวัลดังกล่าวเป็นรางวัลระดับประเทศ สำหรับบริษัทที่ให้บริการด้านสินเชื่อเช่าซื้อและลีสซิ่งรถยนต์ที่มีศักยภาพในการเติบโตทางธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใหม่อย่างชัดเจน และได้รับความพึงพอใจในด้านบริการจากบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ และลูกค้าโดยทั่วไป