เอปสันเปิดตัวพรินเตอร์ซีรี่ส์ ME โซลูชั่นการพิมพ์สุดประหยัด เพื่อลูกค้าที่ต้องการความคุ้มค่าของหมึกแท้ ประเดิมสองรุ่นแรก ME32 และ ME320 สำหรับตลาดผู้ใช้งานส่วนตัว นักศึกษา และออฟฟิศขนาดเล็ก
มร.เออิจิ คาโตะ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ซีรี่ส์ ME หรือ Max Economy สื่อถึงความคุ้มค่าอย่างยิ่งที่ลูกค้าของเอปสันจะได้รับ เพราะพรินเตอร์ในซีรี่ส์ ME จะใช้ตลับหมึกรุ่นใหม่ทิ่พิมพ์ได้มากด้วยต้นทุนการพิมพ์ต่อแผ่นที่ถูกลง อีกทั้งพรินเตอร์ของเอปสันใช้ตลับหมึกแยกสี ที่ทำให้ไม่สิ้นเปลืองหมึกในเวลาพิมพ์ ลูกค้าสามารถเปลี่ยนเฉพาะตลับสีที่หมด บวกกับตัวเครื่องที่ทนทาน ใช้งานได้นาน เพราะใช้เทคโนโลยีหัวพิมพ์ ไมโครปิเอโซ ทำให้พรินเตอร์ซีรี่ส์ ME รวมความคุ้มค่าในการลงทุนทุกด้านไว้ให้ลูกค้า
“ในช่วงภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน ผู้คนจะระมัดระวังการใช้จ่ายและการลงทุน เอปสันจึงได้พัฒนาพรินเตอร์ซีรี่ส์ ME ออกมา เพื่อเป็นทางเลือกให้กับกลุ่มลูกค้าที่มองหาความคุ้มค่าในการลงทุน รวมไปถึงกลุ่มลูกค้าที่อยากได้พรินเตอร์ที่สามารถพิมพ์งานคุณภาพ ใช้หมึกแท้ และมีการรับประกันจากแบรนด์ผู้ผลิต แต่ราคาสุดประหยัด ซึ่งเครื่องซีรี่ส์ ME จะสามารถติดตั้งตลับหมึกรุ่น 141 ที่พิมพ์ได้มากขึ้น ในต้นทุนต่อแผ่นไม่ถึง 1 บาท (**เฉลี่ยพิมพ์เอกสารขาว-ดำต่อ 1 แผ่นตามมาตรฐาน ISO24711/24712) เมื่อรวมกับเครื่องพรินเตอร์ที่มีราคาที่เหมาะสม ลูกค้าก็จะได้ของดี ใช้ทน แถมช่วยประหยัดเงินอีก”
“การเปิดตัวซีรี่ส์ ME ยังเป็นการตอกย้ำถึงกลยุทธ์ EXCEED ของบริษัทฯ ทั้งในด้าน Educate Epson Value หรือการให้ความรู้แก่ลูกค้าเกี่ยวกับคุณค่าของเอปสัน ซีรี่ส์ ME จะทำให้ลูกค้าเข้าใจถึงความคุ้มค่าของการใช้หมึกแท้ และช่วยให้ลูกค้าหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่คาดไม่ถึงจากการใช้หมึกเติมหรือหมึกเทียบเท่า ซึ่งจะทำควบคู่ไปกับกลยุทธ์
X-perience ซึ่งมีองค์ประกอบ 4 ด้าน ได้แก่
1) ใช้กลยุทธ์การสื่อสารการตลาดหลากหลายรูปแบบ เพื่อสร้างการรับรู้เกี่ยวกับซีรี่ส์ ME
2) การจัดกิจกรรมเพื่อสร้างการรับรู้ ผ่านการจัดโรดโชว์และสัมมนาตามหัวเมืองหลักทั่วประเทศ
3) การสร้างเครือข่ายในการขายกับร้านค้าตัวแทนจำหน่าย
4) จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย กิจกรรมการแข่งขันสำหรับพนักงานขาย เพื่อสร้างแรงจูงใจ
กลยุทธ์ที่สำคัญอีกข้อ คือ Dynamic Product Line Up คือ การออกผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ตรงตามความต้องการกลุ่มลูกค้าอย่างต่อเนื่องทั้งปี ซึ่งหลังจากเปิดตัว ME32 และ ME320 ในวันนี้ บริษัทฯ มีแผนที่จะออกพรินเตอร์ ME ในรุ่นต่าง ๆ ตามมาอีก โดยจะผลักดันให้ ME เข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่ต้องการความคุ้มค่าของหมึกแท้ และกำลังมองหาโซลูชั่นของพรินเตอร์และหมึกในราคาสุดประหยัด” มร.คาโตะกล่าว
ด้านนายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า พรินเตอร์ซีรี่ส์ ME รุ่น ME32 และ ME320 เป็นสองรุ่นแรกที่เปิดตัว นอกจากเป็นเครื่องที่ช่วยประหยัดต้นทุนการพิมพ์ ยังสามารถพิมพ์งานด้วยความเร็วสูงสุด 28 หน้าต่อนาที ให้ชิ้นงานคุณภาพสูงที่ความละเอียดสูงสุด 5,760×1,440 จุดต่อนิ้ว ใช้งานง่าย และหมึกที่ใช้ก็ยังเป็นหมึกดูราไบร์ท อัลตร้า (DURABrite Ultra Ink) ที่มีความคงทน เงางาม ทนต่อแสงและน้ำ ไม่ซีดจาง รุ่น ME32 เป็นซิงเกิลฟังก์ชั่น พรินเตอร์ ราคา 2,190 บาท และ ME320 เป็นมัลติฟังก์ชั่นพรินเตอร์ ราคา 2,690 บาท เหมาะกับกลุ่มนักเรียน นักศึกษา ออฟฟิศขนาดเล็ก และโซโห ที่ต้องการงานพิมพ์คุณภาพจากหมึกแท้ ในราคาต้นทุนต่อแผ่นที่ต่ำ ซึ่งทั้งสองรุ่นจะขายตามไอทีมอลล์ชั้นนำทั่วประเทศ
“สำหรับในการทำโปรโมชั่น ทั้ง ME32 และ ME320 ก็จะจัดรวมอยู่ในแคมเปญ “เอปสันฉลองครบรอบ 20 ปี แจกทอง 20 สัปดาห์” ที่เปิดตัวไปตั้งแต่เดือนมิถุนายนด้วยเช่นกัน ลูกค้าที่ซื้อสินค้าเอปสันจะได้รับคูปองชิงโชค เพื่อส่งลุ้นโชคในทุกสัปดาห์ ชิงรางวัลทองคำและรางวัลอื่นอีกมากมาย มูลค่ารวมกว่า 2 ล้านบาท จากการจับรางวัลทางรายการ 07 โชว์ ทุกวันอาทิตย์ เวลา 15.45 – 17.00 น. ไปจนถึงเดือนตุลาคม ศกนี้”
นายยรรยงกล่าวถึงภาพรวมของสินค้าพรินเตอร์ของเอปสันต่ออีกว่า บริษัทฯ ประสบความสำเร็จอย่างมากในปีที่แล้ว ซึ่งมียอดขายอิงค์เจ็ตพรินเตอร์รวมทุกรุ่นเติบโตขึ้น 41% โดยเฉพาะมัลติฟังก์ชั่น พรินเตอร์โตขึ้นถึง 60% สวนทางกับกระแสภาวะการหดตัวของตลาดไอทีในประเทศ ถึงแม้ในช่วงไตรมาสแรกของบริษัทฯ (เอปสัน ประเทศไทยเริ่มต้นปีงบประมาณในเดือนเมษายนของทุกปี) ปัจจัยด้านการเมืองภายในประเทศส่งผลกระทบต่อยอดขายพรินเตอร์ แต่ช่วงปลายไตรมาสแรกจนถึงต้นไตรมาสสอง ยอดขายเริ่มกลับมาเติบโตขึ้นอีกครั้ง
“บริษัทฯ เชื่อว่าจากการออกสินค้าใหม่ที่ตรงใจลูกค้า โดยเฉพาะในช่วงภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ อย่างซีรี่ส์ ME ที่เหมาะกับกลุ่มผู้ใช้ที่เน้นความประหยัด บวกกับการให้บริการหลังการขายที่ดี ซึ่งเอปสันยังเป็นเพียงแบรนด์เดียวที่สามารถซ่อมเครื่องและมอบคืนลูกค้าได้ภายใน 5 วันเท่านั้น (ผลสำรวจ Service Score Card ณ ร้านไอทีซีตี้ทั่วประเทศ) แม้ว่าตลาดพรินเตอร์อาจเติบโตเพียง 10% ด้วยสภาวะเศรษฐกิจ แต่เอปสันเชื่อว่าพรินเตอร์รุ่นใหม่ ๆ ที่จะเปิดตัวในปีนี้ จะตรงความต้องการของผู้บริโภคในทุกระดับ โดยตั้งเป้ายอดขายพรินเตอร์ในปีนี้ว่าจะเติบโตกว่า 15%” นายยรรยงกล่าวทิ้งท้าย