“คายาริ” ปรับกลยุทธ์ครั้งใหญ่ ทุ่ม 50 ล้าน ชู “NATURES Marketing” มั่นใจขึ้นแท่นผู้นำ 1 ใน 3

“คายาริ” บุกตลาดช่วงไฮซีซันของยาจุดกันยุง ทุ่ม 50 ล้านบาท ปรับกลยุทธ์ ครั้งใหญ่ ชู “NATURES Marketing” หวังตีตื้นแซงคู่แข่ง เป็นเจ้าตลาดยาจุดกันยุงแบบขดโดยรวม พร้อมเปิดตัวหนังโฆษณาชุดใหม่ “คายาริ สมุนไพรปราบยุง” และบุกตลาดด้วยยาจุดกันยุงขดสีฟ้ากลิ่น “โรสแมรี่” ใหม่ และลุยจัดกิจกรรมคาราวานโรดโชว์ทั่วประเทศ ขอก้าวกระโดดเป้ายอดขายเท่าตัว หรือรวมกว่า 200 ล้านบาท ภายในปีนี้ หลังจากรักษาแชมป์อันดับ 3 เหนียวแน่นแล้วในตลาดแบบโมเดิร์นเทรด มั่นใจสิ้นปี และปีหน้า ได้ขึ้นเป็น 1 ใน 3 ของผู้นำตลาดยาจุดกันยุงทั่วประเทศรวม ที่มีมูลค่ากว่า 950 ล้านบาท

นางวรรณี ควรสถาพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สถาพร มาเก็ตติ้ง จำกัด เป็นผู้ผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ 3 แบรนด์ หลักคือ ผลิตภัณฑ์ป้องกัน และกำจัดแมลงในบ้านเรือน ภายใต้แบรนด์ “KAYARI” และผลิตภัณฑ์ดูแลสัตว์เลี้ยง ภายใต้แบรนด์ “BUXAWAY” และ “STARPETT” เปิดเผยว่า บริษัทฯ เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านการผลิตยาจุดกันยุงยาวนานเกือบ 20 ปี ซึ่งผลิตให้กับแบรนด์ต่าง ๆ ในประเทศ และเป็นผู้ส่งออกยาจุดกันยุงรายใหญ่ของประเทศโดยเฉพาะตลาดญี่ปุ่น หลังจากที่ได้ประสบความสำเร็จอย่างสูงในฐานะผู้ผลิต ทางบริษัทฯจึงได้มีนโยบายที่จะสร้างแบรนด์สินค้ายาจุดกันยุงที่มีอยู่ให้เข้มแข็งขึ้น โดยใช้ความชำนาญอย่างสูงเรื่องสมุนไพรธรรมชาติที่แตกต่างจากสินค้าที่มีอยู่ในท้องตลาด โดยจะเน้นในเรื่องคุณภาพ และความปลอดภัย เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้แก่ผู้บริโภคที่ห่วงใยสุขภาพและให้ความสำคัญในการเลือกใช้สินค้าที่ปลอดภัยกว่า

บริษัทฯ ได้มีการทำวิจัย และพัฒนาอย่างจริงจัง พบว่ามีสมุนไพรหลายชนิดที่มีคุณสมบัติในการไล่ยุงได้ดี เช่น ตะไคร้หอม ขมิ้นชัน และ ยูคาลิปตัส อีกทั้งยังสามารถสร้างความแตกต่างอย่างชัดเจนของตัวผลิตภัณฑ์ในเรื่องของสีและกลิ่น โดยมีการใช้สูตรการผสมแบบพิเศษทำให้ได้ยาจุดกันยุงขดที่มีเอกลักษณ์คือสีฟ้าสวยงาม และมีกลิ่นหอม บริษัทฯ ได้มีการเริ่มสร้างแบรนด์เป็นของตัวเองโดยได้จดเครื่องหมายการค้าของบริษัทเมื่อปี 2004 ในชื่อว่า “คายาริ” โดยได้มีการวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์คือ คายาริ เป็นยาจุดกันยุงผสมสมุนไพรที่มีกลิ่นหอม ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพการไล่ยุงสูง นับได้ว่า คายาริ เป็นผู้สร้างนวัตกรรมใหม่ในเรื่องของผลิตภัณฑ์ ให้กับวงการยาจุดกันยุงอย่างแท้จริง ด้วยส่วนวัตถุดิบธรรมชาติถึง 99 %

และในปีนี้ทางบริษัทฯ ได้ปรับกลยุทธ์ในการทำตลาดใหม่ เพื่อเป็นแนวทางการทำตลาดในอนาคต ทั้งยังเป็นการทำตลาดในช่วงที่ถือว่าเป็นไฮซีซันของยาจุดกันยุงด้วยแนวคิด NATURES MARKETING (เนเจอร์ส มาเก็ตติ้ง) ในการทำตลาดของบริษัท 7 ประการคือ N = NEW = ความใหม่ / ทันสมัยอยู่เสมอ, A = ALTERNATIVE = เป็นทางเลือกที่ดีอีกทางเลือกหนึ่ง, T = TECHNOLOGY = มีเทคโนโลยี / นวัตกรรม นำหน้าคู่แข่ง, U = UNIQUE = มีเอกลักษณ์โดดเด่น, R = RESULT = มีประสิทธิภาพจริง, E = ENVIROMENT = ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และ S = SAFE = ปลอดภัย แน่นอน

สรุปคือ สินค้าของบริษัทจะเป็นทางเลือกใหม่ ที่มีเอกลักษณ์ มีนวัตกรรม มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และใส่ใจสิ่งแวดล้อม ซึ่งเราจะใช้กลยุทธ์ดังกล่าวเป็นจุดยืนในการทำตลาดต่อไปของบริษัทฯ ในอีก 12 เดือนข้างหน้า และมั่นใจว่า ยุทธศาสตร์ “เนเจอร์ส มาร์เก็ตติ้ง” นี้ สามารถนำแบรนด์คายาริ ไปสู่ชัยชนะ ไม่แพ้ กลยุทธ์ดัง ๆ ในด้านการตลาด เช่น “Blue Ocean marketing” ฯลฯ ที่บริษัทฯ อื่นๆใช้มานาน

นางวรรณี กล่าวย้ำถึงจุดยืนของแบรนด์ (Brand Positioning) ไปในทิศทางที่ตั้งไว้คือ ความเป็นสมุนไพรและปลอดภัย เพราะที่ผ่านมาได้มีการทำสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคถึงความรู้สึกต่อผลิตภัณฑ์ยาจุดกันยุง”คายาริ” โดยเลือกผู้ใช้ผลิตภัณฑ์กำจัดยุงที่จงรักภักดีกับแบรนด์ชั้นนำ โดยตั้งโจทย์กำหนดว่า หากมีห้อง 4 ห้องที่จุดยาจุดกันยุง ใน 3 ห้องเป็นยาจุดกันยุงแบรนด์ชั้นนำอื่น ๆ และอีกห้องจุดยาจุดกันยุง “คายาริ” คุณจะเลือกเข้าห้องไหน ซึ่งผลสำรวจพบว่าผู้บริโภค 100% เลือกที่จะเข้าห้องที่จุดด้วยยาจุดกันยุงคายาริ เพราะมีความรู้สึกว่าเป็นสมุนไพร และปลอดภัยกว่า

นางวรรณี กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อเป็นการตอกย้ำ และสร้างการจดจำภาพลักษณ์ของการเป็นผู้นำด้าน “ยาจุดกันยุงผสมสมุนไพร” ตัวจริง บริษัทจึงได้เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ ที่มีนวัตกรรม เรียบง่าย และสั้นกระชับ เพียง 7.5 วินาที ภายใต้ Concept ““คายาริ สมุนไพรปราบยุง” ด้วยแนวคิดที่ว่า “ยาจุดกันยุง คายาริ” เป็นยาจุดกันยุงชนิดแรกและชนิดเดียว ที่ผลิตขึ้นด้วยส่วนผสมจากสมุนไพรธรรมชาติแท้ ๆ จึงปลอดภัยสูงต่อสุขภาพของคนในบ้าน แต่เต็มเปี่ยมด้วยประสิทธิภาพในการปราบยุง ที่สร้างความรำคาญ และเป็นพาหะของโรคไข้เลือดออกได้เป็นอย่างดี ซึ่งนับเป็นยาจุดกันยุงชนิดแรกในตลาดที่มีจุดยืนที่แตกต่าง และโดดเด่นในการเป็นผู้นำยาจุดกันยุงผสมสมุนไพรตัวจริง

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้เพิ่มประสิทธิภาพการไล่ยุงจากพลังธรรมชาติในยาจุดกันยุงของคายาริ ด้วยส่วนผสมจากสมุนไพรธรรมชาติถึง 99 % อาทิ ตะไคร้หอม ขมิ้นชัน และยูคาลิปตัส ทำให้ได้ยาจุดกันยุง ขดสีฟ้า จากดอก “โรสแมรี่” ซึ่งเป็นเจ้าแรกในโลกที่ได้คิดค้นสูตรนี้ ซึ่งมีประสิทธิภาพในการไล่ยุง และมีกลิ่นหอม รวมถึงมีความปลอดภัยสูง และในปีต่อ ๆ ไป บริษัทฯ จะยังคงมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ที่ดีกว่าอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย

นอกจากนี้บริษัทยังได้มีการจัดกิจกรรมโรดโชว์แนะนำสินค้าไปยังหัวเมืองใหญ่ ๆ ทุกภาคทั่วประเทศ ด้วยกิจกรรม “คายาริ ให้โชคทั่วทิศ…พิชิตยุงทั่วไทย” ซึ่งจะมีการจัดกิจกรรมไปตามจังหวัดต่างๆ อาทิ ชลบุรี, สุพรรณบุรี, นครราชสีมา, นครสวรรค์ และสุราษฎร์ธานี โดยจะมีกิจกรรมให้กลุ่มเป้าหมายในจังหวัดต่างๆ ได้รับทราบถึงคุณสมบัติพิเศษของผลิตภัณฑ์ พร้อมทั้งได้มีกิจกรรมร่วมสนุก และเล่นเกม แจกของรางวัลมากมาย และจัดโปรโมชั่นราคาพิเศษรับโชค 3 ชั้น และตามด้วยความมันส์กับคอนเสิร์ตจาก ตั๊กแตน ชลดา อีกด้วย

นางวรรณี กล่าวอีกว่า ในปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 700 ล้านขดต่อปี ด้วยพื้นที่โรงงาน 48,000 ตร.ม. อยู่จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งปีที่ผ่านมา “คายาริ” มียอดขายกว่า 120 ล้านบาท และในปีนี้เองที่ได้มีการปรับกลยุทธ์ทางการตลาดใหม่ “NATURES MARKETING” ทางบริษัทได้ทุ่มงบประมาณกว่า 50 ล้านบาท ทำตลาดในทุกด้าน ทั้ง Above the line และ Below the line ซึ่งน่าจะทำให้มีส่วนแบ่งตลาดถึงกว่า 20 % ขึ้นเป็นอันดับ 3 ของตลาดรวมยาจุดกันยุง ที่มีมูลค่าตลาดกว่า 950 ล้านบาท อย่างแน่นอน (จากประมาณ 11% ในปัจจุบัน)

สำหรับภาพรวมตลาดยาจุดกันยุงของประเทศในครึ่งปีแรก มีอัตราการเติบโตที่ลดลงเนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และอากาศที่ร้อนกว่าปรกติ แต่คาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังจากปัจจัยของการระบาดของโรคไข้เลือดออกอย่างหนักในปีนี้ ตลาดจะเติบโตมากขึ้นโดยทั้งปีจะเติบโตประมาณ 5% หรือ มีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 950 ล้านบาท แบ่งเป็นตลาดต่างจังหวัด 70% ตลาดกรุงเทพฯและปริมณฑล 30% ปัจจุบันผู้นำตลาดเป็นแบรนด์ห่านฟ้า มีส่วนแบ่ง 29 % ไบกอน 28 % ช้าง 19 % คายาริประมาณ 11 % แต่สำหรับตลาดโมเดิร์นเทรด (Modern Trade) คายาริ มีส่วนแบ่งตลาดอยู่อันดับที่ 3 อยู่ที่ 12.5 %