หอการค้าไทย โดยคณะกรรมการหอการค้าไทย ร่วมกับ กรุงเทพมหานคร จัดงาน “รัตนโกสินทร์ เฟสติวัล 2553” กิจกรรมที่ย้อนรำลึกถึงความเจริญของบ้านเมือง ความงดงามของห้างร้าน ที่ยังคงอยู่ในความทรงจำของคนไทยไม่เสื่อมคลาย เพื่อให้ชาวไทยได้ย้อนรำลึกถึงประวัติศาสตร์ และขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงาม ซึ่งภายในงานจะมีกิจกรรมมากมาย ทั้งรถโบราณสมัยคุณปู่ คุณย่า และจะได้ลิ้มลองความอร่อยของอาหารสูตรโบราณขนานแท้ดั้งเดิม เพลิดเพลินกับเพลงร่วมสมัย พร้อมพบกับศิลปินยอดนิยมทั้งรุ่นเก่า รุ่นใหม่ที่จะมาสร้างสีสัน กับวันเวลาดีๆ ที่ย้อนกลับมา โดยงาน“รัตนโกสินทร์ เฟสติวัล 2553” เริ่มตั้งแต่วันที่ 17-21 พฤศจิกายน 2553 ณ ลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพฯ ตั้งแต่เวลา 17.00 – 24.00 น.
คุณทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานครรู้สึกยินดีที่ได้ร่วมกับหอการค้าไทยจัดงานรัตนโกสินทร์ เฟสติวัล ในบริเวณ ลานคนเมือง ซึ่งปีที่ผ่านมาการจัดงานนี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ผู้เข้าร่วมงานต่างได้รับความสุขและความเพลิดเพลินกับบรรยากาศในงาน สำหรับปีนี้กรุงเทพมหานครได้จัดเตรียมกิจกรรมเพื่อมอบเป็นของขวัญให้ชาวกรุงเทพมหานคร เพราะกรุงเทพมหานครได้ให้สัญญาว่า “ทุกชีวิต เราดูแล”
นายดุสิต นนทะนาคร ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า นับตั้งแต่ปี 2476หอการค้าไทยเป็นองค์กรเอกชนที่ก่อตั้งมาเป็นระยะเวลา 77 ปี มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ มีสำนักงานตั้งอยู่ในบริเวณเกาะรัตนโกสินทร์ ซึ่งอยู่ใกล้กับศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ถือเป็นถิ่นที่มีประวัติศาสตร์และวิถีชีวิตของชาวกรุงมายาวนาน คณะกรรมการหอการค้าไทย จึงได้ มีแนวความคิดที่จะจัดงานย้อนยุครัตนโกสินทร์ขึ้นให้เป็นงานประจำปี โดยร่วมกับ กรุงเทพมหานคร (กทม.) และในปีนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 โดยใช้ชื่อว่า รัตนโกสินทร์ เฟสติวัล 2553 ขึ้น เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ครบรอบ 228 ปี ใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารแห่งราชวงศ์จักรีทั้ง 9 รัชกาล โดยต้องการสื่อถึงการเปลี่ยนแปลงของกรุงเทพมหานคร เมืองหลวงสยามประเทศในอดีตด้านศิลปวัฒนธรรม ความเป็นอยู่ วิถีชีวิต และธุรกิจการค้า โดยจะจัดเป็นกิจกรรมที่ย้อนรำลึกถึงวันหวานที่แสนหวาน ขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงาม ผ่านการจำลองบรรยากาศในอดีต
ภายในงานจะมีกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งนิทรรศการ “ตำนานคู่แผ่นดิน” ที่จะทำให้คุณได้ร่วมชื่นชมประวัติศาสตร์อันยาวนานของบริษัท หรือห้างร้านต่าง ๆ ที่ตั้งอยู่ในกรุงรัตนโกสินทร์ โดยจะนำสินค้าที่มีในประวัติศาสตร์ที่เติบโตมาพร้อมกับความเจริญของบ้านเมืองมาจัดแสดง และมี “การจัดแสดงรถยนต์โบราณ” ที่จะจัดแสดงรถยนต์โบราณหลากหลายรุ่น หลากหลายแบบ เพื่อให้ผู้เข้าชมงานได้ร่วมถ่ายภาพเป็นที่ระลึก
นอกจากนี้ยังมี “ตลาดโบราณ” ร่วมย้อนบรรยากาศตลาดโบราณ สื่อให้เห็นถึงการค้าขายสินค้าต่าง ๆ หมวดหมู่ต่าง ๆ อาทิ ร้านอาหาร, เครื่องดื่ม, ขนมโบราณ, สมุนไพร, เครื่องใช้สอย, ของที่ระลึก และของตกแต่งบ้านต่าง ๆ และ ลานการแสดงดนตรี ซึ่งจะมีการแสดงดนตรีประกอบแสง สี เสียง เพื่อให้ผู้ที่มาเที่ยวชมได้รับความสุขในบทเพลงย้อนยุค และยังมีสินค้าพื้นบ้านจากทุกเขตของกรุงเทพมหานคร จะเป็นโซนที่นำสินค้าที่มีชื่อเสียงของทุกเขตในกรุงเทพมหานครฯ มารวบรวมให้ผู้เข้าชมงานได้เที่ยวชมและจับจ่ายใช้สอย พร้อมเพลิดเพลินไปกับสินค้าที่มีให้คุณเลือกหลากหลายอีกมากมาย
และในปีนี้ หอการค้าไทยได้ร่วมกับ สมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และบริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) มอบตำแหน่ง ทูตหอการค้า ให้ผู้ได้รับตำแหน่งนางสาวไทย และรองนางสาวไทยอันดับ 1 และรองนางสาวไทยอันดับ2 ให้ทำหน้าที่ด้านการค้าควบคู่ไปกับการทำหน้าที่สำคัญอื่นที่ได้รับมอบหมาย เพื่อการประชาสัมพันธ์บทบาทและกิจกรรมของหอการค้าไทยที่เป็นองค์กรเอกชนที่ส่งเสริมการดำเนินธุรกิจด้วยจรรยาบรรณ มีจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคม และพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศร่วมกับภาครัฐบาลตลอดมา และด้วยความสามารถของผู้ที่ได้รับตำแหน่งนางสาวไทยที่มีทั้งความสวยงาม ความเพียบพร้อมด้านสติปัญญาความคิด และจิตใจ ที่จะทำคุณประโยชน์ให้กับสังคมไทย สมกับความมุ่งหมายที่จะให้นางสาวไทยเป็นผู้ที่ งามอย่างยั่งยืน นายดุสิต กล่าวเพิ่มเติม
นายฉัตรชัย บุญรัตน์ ประธานคณะกรรมการอำนวยการจัดงาน กล่าวว่า นอกจากจะมีกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย เรายังมีการแต่งเพลงพิเศษสำหรับงานนี้โดยเฉพาะ ชื่อเพลง “วันเวลาดีดี ที่ย้อนกลับมา” เพื่อขับขานให้ทราบถึงบรรยากาศเก่า ๆ ของรัตนโกสินทร์ และได้รับความร่วมมือจากศิลปินที่ได้รับความนิยมรุ่นเก่า และรุ่นใหม่มามอบความสุขและความบันเทิงในงานอีกด้วย
ในทุกค่ำคืนท่านจะได้สัมผัสบรรยากาศแสง สี เสียง และถ่ายภาพเพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึก พร้อมทั้งชมนิทรรศการ ร้านค้าชื่อดังในอดีต, เลือกซื้ออาหาร, ขนมโบราณ, ของที่ระลึกมากมายและสินค้าพื้นบ้านจากทุกเขตของกรุงเทพมหานครไปพร้อม ๆ กัน ในงาน “รัตนโกสินทร์ เฟสติวัล 2553” พบกันได้ตั้งแต่วันที่ 17-21 พฤศจิกายน 2553 ณ ลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพฯ ตั้งแต่เวลา 17.00 – 24.00 น.