“แปลนทอยส์” Green Manufacturer ด้านของเล่นไม้เพื่อการศึกษาที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ

“บริษัท แปลนครีเอชั่นส์ จำกัด” ผู้ผลิตและจำหน่ายของเล่นไม้ยางพาราเพื่อเสริมสร้างพัฒนาการเด็ก บริษัทแรกของไทยและของโลก ภายใต้แบรนด์ แปลนทอยส์ (PlanToys) “ของเล่นรักษ์โลก” ตอกย้ำผู้นำตลาดของเล่นไม้ยางพาราของโลก กวาดรางวัลของเล่นเด็กยอดเยี่ยมมากมายทั้งในระดับประเทศและระดับสากล โดยล่าสุดได้รับรางวัล The Oppenheim Toy Portfolio Awards 2010 และรางวัล Best Toy Award 2010 by Parents’ Magazine จากประเทศสหรัฐอเมริกา สร้างชื่อให้คนไทย ซึ่งแปลนทอยส์เน้นที่การทำการตลาดแบบใช้แนวคิดสีเขียว ซึ่งเป็นบริษัทแห่งเดียวในประเทศไทยที่ใช้แนวคิดทั้ง Green Material, Green Manufacturing และ Green Mind ในการสร้างสรรค์ของเล่นไปยังตลาดทั่วโลกกว่า 65 ประเทศ โดยฝีมือคนไทยทั้งสิ้นตั้งแต่การออกแบบจนถึงกระบวนการผลิตในขั้นตอนต่างๆ

นายวิชัย เตติวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แปลนครีเอชั่นส์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายของเล่นไม้ยางพาราเพื่อการศึกษาและเสริมสร้างพัฒนาการที่ดีของเด็ก ภายใต้แบรนด์ แปลนทอยส์ (PlanToys®) ซึ่งมีมากว่า 30 ปี เปิดเผยว่า แปลนทอยส์เป็นบริษัทผู้ผลิตของเล่นเพื่อเสริมสร้างพัฒนาการเด็ก ด้วยแนวทางบริษัทคือ
Green Toy – Green Company ยึดหลักของเล่นที่เป็นมิตรต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ทั้งด้าน Green Material แปลนทอยส์เป็นบริษัทแห่งแรกของโลกที่ผลิตของเล่นโดยใช้ไม้ยางพาราที่หมดอายุการให้น้ำยางแล้ว (Recycled Rubber Wood) ใช้ไม้ที่ปราศจากสารเคมี ใช้สีที่ปลอดสารพิษ Green Manufacturing วิธีการผลิตสีเขียว โดยแปลนทอยส์ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากลว่ามีความปลอดภัย ทั้งยังเป็นมิตรต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังยึดหลัก “4R” นั่นคือ Rethink (คิดใหม่), Reduce (ลดของเสีย), Reuse (ใช้ซ้ำ) และ Recycle (นำมาปรับใช้ใหม่) กระบวนการผลิตของแปลนทอยส์ ได้รับการออกแบบให้ลดปริมาณขยะ และประหยัดการใช้พลังงาน รณรงค์ให้นำวัสดุต่างๆ กลับมาใช้ใหม่ และใช้นวัตกรรมการรีไซเคิลกระดาษและผลิตภัณฑ์อื่นๆ เพื่อปรับปรุงและรักษาสิ่งแวดล้อมอยู่เสมอ

และ Green Mind ซึ่งแปลนทอยส์ ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดี และการให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมควบคู่กันไป ในฐานะบริษัทเอกชนที่รับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม เรามีความภาคภูมิใจที่ได้ยึดมั่นในหลักปรัชญาของเรา ความมุ่งมั่นที่จะลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้เหลือน้อยที่สุด และคืนประโยชน์กลับคืนสู่ธรรมชาติและผู้คนในสังคมอย่างมีประสิทธิภาพซึ่งแปลนทอยส์ได้ดำเนินโครงการความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) หลายโครงการอย่างต่อเนื่อง

เริ่มจากกระบวนการผลิตและการดีไซน์ของเล่นของแปลนทอยส์ ที่ใช้ไม้ยางพาราที่มีอายุเกินกว่าจะผลิตน้ำยางได้ แทนที่จะถูกตัดทิ้งและเผาทำลาย ไม้ทุกแผ่นจะถูกใช้ให้เหลือเศษน้อยที่สุด หรือไม่เหลือเลย นอกจากนี้ ยังเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและปลอดภัยแก่เด็กๆของเรา อาทิ กาว E-Zero ซึ่งปราศจากอันตรายจากสารฟอร์มัลดีไฮด์ และสีที่มีตัวทำละลายเป็นน้ำกับผลิตภัณฑ์ทุกชิ้น ซึ่งไม่มีส่วนประสมของสารปรอท ตะกั่ว และโลหะหนักต่างๆ ซึ่งเป็นอันตรายต่อเด็ก รวมไปถึง การใช้หมึกที่ทำจากถั่วเหลืองในการผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ หรือการใช้กระดาษรีไซเคิล เพื่อลดปริมาณขยะให้กับโลก

นายวิชัย กล่าวต่อว่า นอกจากนี้แปลนทอยส์ยังจัดกิจกรรมให้เกิดการมีส่วนร่วมในการรู้ซึ้งถึงคุณค่าของธรรมชาติที่เรานำมาใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน โดยร่วมกันปลูกป่าทดแทน ณ ป่าภูหลง บริเวณวัดป่าสุคะโต จ.ชัยภูมิ โดยมีชื่อโครงการว่า “โครงการแปลนรักษ์ป่า” คิดเป็นพื้นที่ประมาณ 5,000 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการเผาป่าและลักลอบตัดไม้อยู่เป็นประจำ สมควรแก่การฟื้นฟูและอนุรักษ์

และแปลนทอยส์ยังให้การสนับสนุนโครงการต่างๆ ที่ส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็กและจัดกิจกรรมเพื่อสังคมโดยดำเนินการต่อเนื่องและสม่ำเสมอ อาทิ โครงการ “Green Head Club” ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้เด็กๆ รักการเรียนรู้นอกห้องเรียน การก่อตั้งพิพิธภัณฑ์เด็กที่จังหวัดตรัง การร่วมกับกลุ่มบริษัทแปลนฯก่อตั้งมูลนิธิสานแสงอรุณ การให้โอกาสทางอาขีพแก่ผู้พิการ เป็นต้น ซึ่งจะเห็นได้ว่ากิจกรรมทุกอย่างของเราสะท้อนถึงปณิธานในระดับโลกที่มีเป้าหมายเพื่อการสร้างสรรค์สังคมที่ดีขึ้น ปรับปรุงคุณภาพชีวิตและเคารพต่อสิ่งแวดล้อม

จากแนวทางการมุ่งปฏิบัติเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง เราจึงได้รับเลือกให้เป็นผู้ชนะเลิศอันดับที่สองจากการแข่งขันเศรษฐกิจพอเพียงแห่งชาติ จัดโดยหน่วยงานของคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งมีบริษัทมากกว่า 500 แห่งเข้าร่วมการแข่งขัน โดยบริษัทเข้าแข่งขันในประเภท “ธุรกิจขนาดกลาง” ร่วมกับองค์กรระดับประเทศ และระดับนานาชาติ ที่มีมูลค่าเงินทุนหมุนเวียนหลายพันล้านบาทหลายแห่ง

นอกจากนี้แปลนทอยส์ ยังได้รับรางวัลระดับนานาชาติในด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมแบบอนุรักษ์อย่างยั่งยืน ถึง 3 รางวัล ทั้งทางด้านประเภทสถานประกอบการและผู้ผลิตที่ห่วงใยและรักษาสิ่งแวดล้อมดีเด่น, รางวัลรณรงค์และส่งเสริมการเรียนรู้ด้านอนุรักษ์ รักษาสิ่งแวดล้อม และรางวัลเหรียญทอง การบริหารองค์กรด้านการจัดการระบบนิเวศน์เศรษฐกิจ โดยได้รับจากกระทรวงพลังงานและระบบนิเวศน์สิ่งแวดล้อมจากประเทศฝรั่งเศสในปี 2010 ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

นายวิชัย กล่าว ต่ออีกว่า ล่าสุดแปลนทอยส์ได้รับรางวัล The Oppenheim Toy Portfolio Awards 2010 จากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นรางวัลที่ก่อตั้งและรีวิวโดยผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านพัฒนาการเด็ก โจแอน และสเตฟานี โอพเพนไฮม์ (Joanne and Stephanie Oppenheim) เปรียบเสมือนดั่งเกณฑ์มาตรฐาน การันตีคุณภาพยอดเยี่ยมของสินค้า และการยอมรับจากผู้บริโภคทั่วโลก แปลนทอยส์ได้รับยกย่องจากรางวัล Oppenheim Toy Portfolio Platinum Award สำหรับ ชุดของเล่นแปลนนิมอล (Planimal Sets), รางวัล Oppenheim Toy Portfolio Gold Award สำหรับ ของเล่นรถยืดหยุ่น (Baby Car) และรางไม้แสนสนุก (Click Clack Roller) นอกจากนี้แปลนทอยส์ยังได้รับรางวัลอีกมากมายจากทั่วโลกทางด้านดีไซน์ยอดเยี่ยม ซึ่งเป็นเครื่องหมายยืนยันคุณภาพ และการยอมรับจากทั่วโลก โดยฝีมือคนไทย

ปัจจุบันแปลนทอยส์ มีกลุ่มผลิตภัณฑ์แบ่งออกเป็น 4 หมวด คือ หมวดของเล่นสำหรับเด็กก่อนวัยเรียน “แปลนพรีสคูล (PlanPreschool)”, หมวดของเล่นกิจกรรมจำลอง “แปลนแอคทิวิตี้ (PlanActivity)”, หมวดของเล่นบ้านตุ๊กตา “แปลนดอลล์เฮาส์ (PlanDollhouse)”, และหมวดของเล่นเมืองจำลอง “แปลนซิตี้ (PlanCity)” ในปีหน้าบริษัทจะออกสินค้า Line ใหม่อย่างเป็นทางการโดยใช้ชื่อว่า PlanEducation

นายวิชัย กล่าวอีกว่า ปัจจุบันแปลนทอยส์ ยังคงเน้นการทำตลาดส่งออกไปยังต่างประเทศถึง 95% ซึ่งแปลนทอยส์มีการส่งออกไป 65 ประเทศทั่วโลก ซึ่งนับได้ว่าแปลนทอยส์เป็นผู้นำตลาดของเล่นไม้ยางพาราแห่งแรกของโลกที่นำไม้ยางพารารีไซเคิลมาผลิตของเล่น

นอกจากนี้บริษัทฯ มีโครงการสร้าง “โรงงานผลิตพลังงานจากชีวมวล (Biomass Gasification & Power Generation) พลังงานที่ผลิตได้ส่วนหนึ่งจะไปใช้ในการผลิตไฟฟ้า มูลค่าการลงทุนกว่า 350 ล้านบาท โดยเราจะนำเศษวัสดุเหลือใช้จากการทำของเล่น พวกขี้เลื่อย รากไม้ กิ่งไม้ที่ทิ้งแล้วใช้งานไม่ได้ วัละประมาณ 120 ตันมาใช้เป็นเชื้อเพลิง ซึ่งถือได้ว่าบริษัทจะใช้วัสดุ และชิ้นส่วนการประกอบธุรกิจให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่มีของเหลือทิ้ง ช่วยไม่ให้เกิดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม จึงจะทำให้เราเป็นบริษัทเดียวในประเทศไทยที่เป็น Green Company อย่างแท้จริง” นายวิชัย กล่าวปิดท้าย